เศรษฐีผู้ร่ำรวย:เริ่มจากการได้รับซองแดง 7 พันล้านซอง – ตอนที่ 62 : พวกเธอพูดได้แล้วหรอ!

ตอนที่ 62 : พวกเธอพูดได้แล้วหรอ!

มหาวิทยาลัยเจียงเป่ย ห้องพัก 104 หอพักชาย

ซงหยี่, เจิ้งจินเป่าและหม่าจง กำลังนอนอยู่บนเตียงด้วยดวงตาที่แดงก่ำและเหนื่อยล้า

ตอนที่พวกเขาได้เห็นหัวข้อการแข่งขันแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ในห้องบรรยาย แค่นั้นพวกเขาก็รู้สึกสิ้นหวังแล้ว

และถ้าหากการสอบนี้เป็นการสอบเดี่ยวละก็ ทั้งซงหยี่และเจิ้งจินเป่า คงได้ส่งกระดาษเปล่าไปอย่างแน่นอน

มันยากเกินไป!

แต่อย่างไรก็ตาม การแข่งแบบจำลองทางคณิตศาสตร์เป็นการแข่งขันแบบทีมสามคน

เพื่อนร่วมทีมของพวกเขาจะไม่มีทางให้เขาส่งกระดาษเปล่าได้อย่างแน่นอน

ถึงจะสิ้นหวัง แต่ซงยี่และเจิ้งจินเป่าก็ต้องทำตามเพื่อนร่วมทีมและช่วยกันทำแบบจำลอง

แต่หลังจากที่ใช้เวลาในการค้นหาข้อมูลจำนวนมาก คิ้วของพวกเขาก็มีแต่จะขมวดแน่นขึ้นเรื่อยๆ

และในช่วงสามวันที่ผ่านมานั้น ทุกคนก็แทบจะไม่ได้นอนกันเลย พวกเขาได้ใช้สมองคิดคำนวณและออกแบบอย่างบ้าคลั่งอยู่ตลอดเวลาจนเกือบจะเหนื่อยตายเลยก็ว่าได้

ซงยี่ถามขึ้น “นายเลือกโจทย์ข้อไหนงั้นหรอ?”

“โจทย์ข้อที่สาม ออกแบบที่จอดรถ” หม่าจง ตอบกลับ

“ฉันก็เลือกโจทย์ข้อนี้ด้วยเหมือนกัน ถึงเพื่อนร่วมทีมของฉันจะบอกว่านี่เป็นโจทย์ที่ง่ายมากที่สุด แต่มันก็ยังซับซ้อนมากอยู่ดี” ซ่งหยี่พูด

และทันทีที่พูดถึงเรื่องนี้ ซงหยี่ที่คิดและค้นหาข้อมูลอย่างบ้าคลั่งในช่วงตลอดสามวันที่ผ่านมา ก็ได้ถอนหายใจออกมาด้วยความกลัวในทันที

เจิ้งจินเป่า ย่นจมูกของเขาก่อนจะพูดว่า “โจทย์ข้อที่สามง่ายที่สุดงั้นหรอ? การออกแบบระบบระบายน้ำต่างหากที่ควรจะเป็นโจทย์ที่ง่ายที่สุดไม่ใช่หรอ?”

หม่าจง : “โจทย์ข้อที่ 2 ต่างหากที่ยากที่สุด เพราะระบบระบายน้ำมันมีปัจจัยให้คิดเยอะแยะเลย เช่น ภูมิประเทศ ความดัน คุณภาพดิน และวัสดุ ฯลฯ”

“ถ้ามันง่ายที่สุด ประเทศของเราก็คงจะไม่มีปัญหาในเรื่องแบบนี้แล้ว แต่เมื่อมีฝนตกหนักทีไร ฉันก็เห็นถนนในเมืองถูกน้ำท่วมขังแทบจะทุกครั้ง”

เจิ้งจินเป่า ได้กระพริบตาปริบๆ และรู้ได้สึกเหมือนกับว่ามีบางอย่างพุ่งเข้าใส่ที่หัวใจของเขา

เนื่องจากหม่าจงเป็นนักศึกษาที่เรียนดีในห้องเรียนของพวกเขา เรื่องที่เขาพูดมาก็น่าจะเป็นความจริงอย่างแน่นอน

เจิ้งจินเป่าอดไม่ได้ที่จะนึกถึงเรื่องของเพื่อนร่วมทีมอีกสองคน ว่าทำไมในช่วงสามวันที่ผ่านมา พวกเขาเอาแต่พูดว่าปัญหานี้ยากมาก และยังได้เสนออีกตั้งหลายครั้งว่าให้เปลี่ยนโจทย์

แต่เขาเองก็ไม่อยากเปลี่ยนโจทย์ที่ตัวเองตั้งใจเลือกเป็นอย่างดีในตอนแรก

ถ้าหากว่าเพื่อนร่วมทีมของฉัน รู้ว่าการออกแบบระบบระบายน้ำมันยากที่สุดในโจทย์ทั้งหมด…พวกเขาจะโกรธจนถึงขั้นตามมากระทืบฉันเลยไหมเนี่ย?

หลังจากที่เจิ้งจินเป่านึกถึงเรื่องนี้ ก็ได้ดึงผ้าห่มขึ้นมาจนแทบจะปิดหน้าทั้งหมด

หม่าจงถาม: “พี่ฟาน แล้วพี่เลือกโจทย์ใหนกันล่ะ?”

“ฉันก็เหมือนกับจินเป่านั่นแหละ เลือกโจทย์ข้อที่สองน่ะ” หลินฟานพูด

ในตอนแรกหม่าจงต้องการที่จะถามอะไรบางอย่าง แต่เมื่อสังเกตการกระทำในช่วงสามวันที่ผ่านมาของหลินฟาน ที่ดูเหมือนกับว่า เขาไม่ได้จริงจังในการทำแบบจำลองเลย หม่าจงก็เลยไม่ได้ถามออกไป

และยิ่งได้ยินโจทย์ที่หลินฟานเลือกแล้ว หม่าจงก็ยิ่งมั่นใจในความคิดของตัวเองมากยิ่งขึ้น

และเมื่อเขาคิดอย่างนั้นแล้ว สาเหตุที่พี่หลินไม่แก้โจทย์ก็คงจะเป็นเพราะว่าโจทย์ข้อนั้นมันยากเกินไป ดังนั้นพี่หลินเลยเลือกที่จะยอมแพ้นั่นเอง

แต่หลังจากได้ยินคำตอบของหลินฟาน เจิ้งจินเป่าก็กระชับผ้าห่มให้แน่นขึ้นและตะโกนอยู่ในใจว่า : คำถามที่สองนั้นยากเกินไป!

เห็นได้ชัดว่าความคิดของ เจิ้งจินเป่า ก็คล้ายกับ หม่าจง

“กริ๊ง!”

ทันใดนั้นเอง โทรศัพท์ในกระเป๋าของหลินฟานก็ได้มีเสียงดังขึ้น

และหลินฟานก็ได้เหลือบมองไปที่หน้าจอ จากนั้นใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความแปลกใจ

เพราะหลินฟานพบว่าคนที่โทรเข้ามาก็คือเซี่ยปิงนั่นเอง

หัวใจของหลินฟานถึงกับเต้นแรงในทันทีก่อนที่เขาจะกดรับ

ในตอนนี้ก็ยังไม่มีใครพูดอะไรผ่านโทรศัพท์ออกมา

แต่หลินฟานก็ได้ยินเสียงหายใจถี่ๆของสองคน

และหลังจากนั้นไม่นานหลินฟานก็เริ่มพูดขึ้น “เซี่ยปิง,เซี่ยเสว่พวกเธอพูดได้แล้วงั้นหรอ?”

“อื้ม!”

เสียงที่ฟังแล้วสบายหูมากๆ ได้ถูกส่งออกมาจากทางโทรศัพท์

หลินฟาน ได้เพลิดเพลินไปกับเสียงของเธอแล้วอุทาน “เสียงพวกเธอเพราะมากเลย!”

สักพักก็มีเสียงเบาๆค่อยๆดังขึ้นมาจากทางโทรศัพท์อีกครั้ง “ขอบคุณ…ขอบคุณนะ…”

หลินฟานยิ้มแล้วพูด”ไม่เป็นไรหรอก วันนี้พวกเธอเองก็น่าจะเหนื่อยจากการสอบมาพอแล้ว พักผ่อนให้เพียงพอนะ ”

“ไม่เลย ฉันไม่เหนื่อย…”

หลังจากหยุดไปครู่นึง พวกเธอก็พูดต่อว่า “คุณ…คุณเองก็ด้วย… พักผ่อนให้เพียงพอนะคะ”

และหลังจากที่วางสายแล้ว เซี่ยปิงและเซี่ยเสว่ก็ยังคงกอดโทรศัพท์เอาไว้อย่างแน่น ใบหน้าที่สวยงามของพวกเธอแดงระเรื่อราวกับมะเขือเทศ

หลังจากผ่านไปไม่นาน พวกเธอก็ได้กดโทรศัพท์และโทรออกอีกครั้งหนึ่ง

จากนั้นก็ได้มีเสียงดังออกมาโทรศัพท์

“น้องสาว คิดอะไรถึงโทรหาพี่สาวหรือพวกเธอต้องการที่จะใช้รหัสมอร์ส” สาวสวยหยานยิ้ม

ตอนแรกที่สาวสวยหยานเห็นว่ามีคนโทรมา เธอรู้สึกแปลกใจแค่นิดเดียว

แต่พอเห็นว่าเป็นน้องสาวเซี่ยปิงและเซี่ยเสว่ ความตกใจก็พุ่งขึ้นจากเดิมทันที

เพราะเธอไม่เข้าใจว่าทำไมเซี่ยปิงและเซี่ยเสว่ถึงต้องโทรมา

และก่อนหน้านี้ ทั้งเซี่ยปิงและเซี่ยเสว่ก็ไม่เคยโทรหาเธอมาก่อนเลยด้วยซ้ำ

ดังนั้นเธอจึงพูดติดตลกออกไป

“แม่…แม่” เซี่ยปิงและเซี่ยเสว่พูด

หลังจากที่มีเสียงดังออกมาจากโทรศัพท์ เธอรู้สึกแปลกใจอยู่พักหนึ่ง

จากนั้นเธอก็ตะโกนอย่างตกใจออกมาสามครั้ง

“เชี่ย! เชี่ย! เชี่ย!!!”

และเธอก็ได้พูดออกมาด้วยเสียงที่ดังมาก “พวกเธอพูดได้แล้วหรอ!”

“พูดได้แล้ว พูดได้แล้ว”เซี่ยปิง และเซี่ยเสว่พูด

สาวสวยหยานพูดอย่างมีความสุข “โอเค ฮ่าฮ่าฮ่า พวกเธอเสียงไพเราะมากเลย เธอคู่ควรแล้วที่เป็นลูกสาวของฉัน…ไม่ใช่สิ! เป็นน้องสาวของฉัน!”

“แล้วก็อย่าลืมเรียกฉันว่าพี่สาวด้วยล่ะ ไม่ใช่แม่!”

สาวสวยหยานรู้สึกพอใจมากอย่างมาก จากนั้นก็เขาพูดขึ้น“น้องสาวของฉันน่ารักจริงๆเลย ทันทีที่พูดได้พวกเธอก็โทรมาหาฉันก่อนเป็นคนแรก ชั่งเป็นน้องสาวที่ดีจริงๆ!”

“ฉันโทรหาหลินฟ่านก่อนเป็นคนแรกเลย” เซี่ยปิงและเซี่ยเสว่พูด

สาวสวยหยาน : …

……

ชิงซี , ณ ชุมชน ยี่เจี่ย

หญิงวัยกลางคนกำลังพยักหน้าซ้ำๆหลังจากมองดูการแต่งตัวของลูกสาว

เธอพูดออกมา “ซีฉิน ลูกสวยมากจริงๆ วันมะรืนนี้ แม่จะไม่ปล่อยให้หวังเซี่ยวตงได้แต่งงานกับลูกง่ายๆแน่!”

ชายวัยกลางคนที่อยู่ข้างๆก็เห็นด้วย เขาพยักหน้าก่อนจะพูด “ไม่ต้องกังวล ฉันได้พูดคุยกับกงเล่อฉีและต้าหมิง ว่าให้เข้ามาในงานแต่งนี้เรียบร้อยแล้ว”

“กงเล่อฉีตอนนี้เป็นหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยของห้างสรรพสินค้าหยินซานและยังมีต้าหมิงที่ทำงานเป็นหัวหน้าทีมสืบสวน…หากเรียกพวกเขามาขวางประตู เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอนที่ หวังเซี่ยวตงจะแต่งงานกับซีฉินได้อย่างง่ายๆ!”

หญิงวัยกลางคนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “มีกงเล่อฉีก็ยังไม่พอ ซีฉิน ลูกยังมีเพื่อนอยู่อีกสองสามคนหนิ เรียกพวกเธอมาให้หมดเลย ยิ่งมีคนมาขวางประตูมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี! ”

“ต้องการคนเยอะขนาดนั้นเลยเหรอ?” กงซีฉิน ลังเล

หญิงวัยกลางคนพูดตอบทันที “แน่นอนสิ! หวางเซี่ยวตงทั้งไม่มีเงินและไม่มีอำนาจ! ถ้าลูกแต่งงานกับเขาไปอย่างง่าย ๆ เขาจะไม่คิดหรอ ว่าลูกเป็นผู้หญิงที่ได้มาอย่างง่ายดาย?”

กงซีฉินพูดว่า “ที่จริงแล้วเซี่ยวตงเป็นคนมีนิสัยที่ค่อนข้างและเป็นคนที่ขยันอย่างมาก”

ถึงแม้ว่ากงซีฉินมักจะตำหนิหวางเซี่ยวตงอยู่บ่อยๆก็ตาม

แต่ท้ายที่สุดแล้วหวางเซี่ยวตงก็เป็นสามีที่เธอเลือกเอง และเธอก็ไม่ต้องการให้เขาโดนดูถูกมากเกินไปกว่านี้

หญิงวัยกลางคนถอนหายใจ “ ยัยลูกสาวโง่ ชั่งน่าอับอายจริงๆ เราต้องทำให้หวางเซี่ยวตงเข้าใจว่าการแต่งงานกับลูกมันยากแค่ไหน! ในอนาคตเขาจะได้รู้สึกหวงแหนลูกมากๆไง!”

“นอกจากนี้ เราแค่ให้พวกเขามาขวางประตูเอาไว้! หวังเซี่ยวตงเองก็สามารถขอให้คนที่มีอำนาจมาเพื่อเปิดประตูได้หนิ แต่ถ้าเขาทำไม่ได้ ก็แค่กลับไปเตรียมตัวมาใหม่แค่นั้นเอง!”

หลังจากได้ยินสี่งที่แม่ของเธอพูด กงซีฉินก็พยักหน้ารับ

เศรษฐีผู้ร่ำรวย:เริ่มจากการได้รับซองแดง 7 พันล้านซอง

เศรษฐีผู้ร่ำรวย:เริ่มจากการได้รับซองแดง 7 พันล้านซอง

Status: Ongoing

นักข่าว: คุณใช้เวลานานแค่ไหนในการสร้างรายได้ 1 ล้านหยวน? หลินฟาน: [กระพริบตา]…. นักข่าวข้างถนน: ทำไมคุณถึงกระพริบตา? หลินฟาน: คุณไม่ได้ถามฉันเหรอว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะได้ 1 ล้าน?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท