หลังจากที่เหล่าชายฉกรรจ์ได้ยินเสียงตะโกนของหลี่ซิงหนิง พวกเขาก็ค่อยๆหยุดกันทีละคนและได้หันไปมองด้วยสายตาที่งงงวย
ซึ่งตอนนี้หลี่ซิงหนิงก็กำลังเดินไปหาว่านหลางโดยไม่ได้สนใจเรื่องรอบข้างเลย
จากนั้น หลี่ซิงหนิงก็ก้มตัวลงและกล่าวด้วยน้ำเสียงนอบน้อม “คุณว่าน! สวัสดีครับ”
ต่อหน้าคนธรรมดาแล้ว หลี่ซิงหนิงก็เป็นเหมือนกับปีศาจที่ไม่อาจต้านทานได้
แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าว่านหลาง
หลี่ซิงหนิงก็ไม่ต่างอะไรไปจากคนรับใช้ที่ต่ำต้อย
ว่านหลางเหลือบมองเขาและพูดเบาๆ “นายเป็นใคร?”
หลี่ซิงหนิงรีบตอบ “ผมชื่อหลี่ซิงหนิง เมื่อไม่กี่วันก่อนที่โรงแรมมาเจสติก ผมได้ไปดื่มอวยพรให้กับคุณที่นั่นด้วยเช่นกัน”
เมื่อไม่กี่วันก่อน หลี่ซิงหนิงได้รู้เรื่องมาว่าโรงแรมมาเจสติกนั้นกำลังจะเป็นเจ้าภาพจัดงานเลี้ยงระดับสูง
เขาใช้ความพยายามอย่างมาก กว่าจะได้รับตั๋วเข้างานเลี้ยงนี้มา
ในงานเลี้ยงแห่งนั้น หลี่ซิงหนิงไม่ต่างอะไรไปจากมดตัวเล็กๆที่ได้มาอยู่ในฝูงหมาป่า
และในวันนั้น ว่านหลางเองก็เป็นจุดสนใจของงานเลี้ยง
ผู้คนนับไม่ถ้วนได้แห่กันไปที่ว่านหลาง เพื่อดื่มอวยพรให้กับเขา
หลี่ซิงหนิงก็ได้ทำตามคนเหล่านั้นเช่นกัน และเขาก็ได้รับรู้เรื่องของว่านหลางมาจากคนในงานเลี้ยงบางคน
ว่านหลางกล่าวขึ้นมาโดยไม่ได้สนใจเรื่องเมื่อกี้เลย
ตอนนี้เขาเอาแต่เพ่งมองไปที่หลินฟานและพูดอย่างประจบสอพลอ : “พี่ฟาน พี่มาที่หนานจิงเมื่อไหร่กัน ทำไมพี่ถึงไม่บอกฉันว่าพี่จะมาที่นี้”
“ถ้าฉันรู้ว่าพี่อยู่ที่นี่ ฉันจะรีบออกมาพบพี่แต่เช้าเลย”
หลินฟานพูดเบาๆ “คนอย่างฉันไม่กล้าไปทักทายคนสูงส่งอย่างนายหรอก”
ว่านหลางรีบตอบอย่างรวดเร็ว “พี่ฟาน พี่ยังไม่หายเคืองผมอีกหรอ?”
และจากนั้น ว่านหลางก็นึกถึงเหล่าชายฉกรรจ์ที่ยืนอยู่ไม่ไกลและพูดว่า “ยังไงก็เถอะพี่ฟาน ดูเหมือนว่าตอนนี้พี่กำลังประสบปัญหาอยู่ใช่หรือเปล่า?”
หลินฟานพูดว่า “ปัญหาหรอ?ก็ไม่เชิงหรอก”
“ก็แค่ลูกพี่ลูกน้องของเสือเฒ่าหลี่ที่อยู่ตรงนี้มาหักขาพ่อของแฟนฉัน แล้วเสือเฒ่าหลี่ก็ส่งคนพวกนี้มาเพื่อจะสั่งสอนฉัน”
หักขาพ่อแฟนของหลินฟาน?
และยังส่งคนมาเพื่อจะสั่งสอนพี่ฟานอีกอีก?
กล้ามาก!
ช่างกล้าอะไรขนาดนี้!
ทันใดนั้นใบหน้าของว่านหลางก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เขาหันหลังกลับมาและจ้องมองไปที่หลี่ซิงหนิงพร้อมกับเดินไปข้างหน้า ใบหน้าของเขาในตอนนี้ ว่านหลางเหมือนกับคิงคองที่กำลังโกรธจัด
“ตึก ตึก ตึก!”
ตอนนี้หัวใจของหลี่ซิงหนิงเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมาจากอก
หยาดเหงื่อได้ไหลออกมาจากบนหน้าผากของเขาในทันที
“ว่าน…นายน้อยหลาง นี่…เรื่องนี่…”
อย่างไรก็ตาม หลี่ซิงหนิงยังไม่ทันได้อธิบายอะไร ว่านหลางก็ได้เข้ามาเตะมาไปที่ท้องของเขาอย่างรุนแรง
“ปัก!”
หลี่ซิงหนิงถูกเตะลงไปกองกับพื้นโดยปราศจากการป้องกัน สภาพของเขาในตอนนี้ ไม่ต่างอะไรไปจากกุ้งที่นอนขดตัวอยู่บนพื้นดิน
เมื่อเห็นเช่นนี้แล้ว…
ท่าทีของเหล่าชายฉกรรจ์ก็เปลี่ยนไปทันที พวกเขาที่กำลังถือท่อเหล็กอยู่ได้เดินไปข้างหน้าอีกครั้ง เพื่อที่จะสั่งสอนว่านหลางด้วยอีกคน
แต่หลี่ซิงหนิงที่นอนกุมท้องอยู่กับพื้นก็พูดขึ้นมาอย่างเร่งรีบ “อย่าขยับ อย่าลงมือนะ!”
และตอนนั้นเอง หลี่ซิงหนิงก็ค่อยๆลุกขึ้นยืนด้วยความยากลำบาก เขาโน้มตัวลงและพูดด้วยความเจ็บปวด “นายน้อยหลาง ดูเหมือนฝ่ายผมจะเข้าใจผิดเกี่ยวกับเรื่องนี้เอง…”
ถึงแม้ว่า หลี่ซิงหนิงจะถูกทุบตี
แต่เขาก็ไม่สามารถที่แม้แต่จะคิดแก้แค้นได้
เพราะเขาเข้าใจดีว่า ว่านหลางเป็นคนที่เขาไม่สามารถยั่วยุได้
ก็จริงที่ตอนนี้เขาสามารถสั่งให้ลูกน้องหลายร้อยคนรุมแล้วก็เก็บชัยชนะมาได้
แต่จะเกิดอะไรขึ้นหลังจากการต่อสู้กับว่านหลางล่ะ?
เขาเกรงว่าหลังจากนั้น ตัวตนของเขาคงจะถูกลบหายไปจากโลกใบนี้อย่างแน่นอน!
“เข้าใจผิดพ่อเอ็งดิ!” ว่านหลางได้เตะหลี่ซิงหนิงลงไปกองกับพื้นอีกครั้ง
ตอนที่อยู่ในเมืองปักกิ่ง ว่านหลางได้เคยทำให้หลินฟานรู้สึกขุ่นเคืองในตัวของเขา
และในที่สุดตอนนี้ เขาก็มีโอกาสที่จะสร้างความประทับใจให้กับหลินฟานแล้ว
ว่านหลางไม่อยากให้เกิดเรื่องโง่ๆแบบตอนนั้นอีก
ในตอนที่หลี่ซิงหนิงมาพูดทักทายกับเขา
ถ้าหลินฟานคิดว่าเขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับหลี่ซิงหนิง
และคิดว่าเขาเองก็มาที่นี่เพื่อจัดการกับครอบครัวแฟนสาวด้วยล่ะก็
ผลที่ตามมา…ต้องแย่มากแน่ๆ
ดังนั้นว่านหลางจึงไม่ได้จับมือกับหลี่ซิงหนิง
หลังจากถูกเตะ หลี่ซิงหนิงนอนกุมท้องของเขาอยู่บนพื้นด้วยความเจ็บปวด
ต่อมาว่านหลางก็หันกลับมาและพูดว่า “พี่ฟาน เรื่องนี้ไม่ต้องถึงมือพี่หรอก เดี๋ยวฉันจะเป็นคนจัดการให้เอง!”
จากนั้น หลี่ซิงหนิงก็ฝืนความเจ็บปวดของเขา เขาค่อยๆคลานเข้ามาหาหลินฟานและเงยหน้าขึ้นพูดว่า “พี่ฟาน นายน้อยหลาง ผมขอโทษ เป็นเพราะผมไม่ได้สั่งสอนลูกพี่ลูกน้องของผมให้ดีเอง เรื่องแบบนี้ถึงได้เกิดขึ้นมา…”
หลินฟานค่อยๆลดตัวลงนั่งและพูดว่า “นายชื่อหลี่ซิงหนิงใช่ไหม”
“ใช่ ใช่ครับ…” หลี่ซิงหนิงพูดอย่างเร่งรีบ
“ต่อไปก็สั่งสอนลูกพี่ลูกน้องของนายดีๆล่ะ เพราะถ้าคราวหน้ายังมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกล่ะก็ มันคงไม่จบแบบนี้แน่ๆ” หลินฟานพูด
“เข้าใจแล้ว เข้าใจแล้วครับ…ขอบคุณท่านหลินฟาน ขอบคุณพี่ว่านหลาง” หลี่ซิงหนิงพูด พร้อมกับก้มหัวคำนับในท่านอนให้ทั้งสองคน
“ถ้างั้น ก็เอาคนของพวกนายออกไปจากที่นี่ได้แล้ว” หลินฟานพูด
“ได้ครับ ขอบคุณนายน้อยฟาน ขอบคุณนายน้อยหลางมากๆเลยครับ” หลังจากที่หลี่ซิงหนิงพูดจบ เขาก็คลานไปขึ้นรถและก็ขับหายไปจากที่นี่อย่างรวดเร็ว
ในที่สุด ถนนสายนี้ก็ได้กลับมาเป็นเงียบสงบเหมือนเดิม
ว่านหลางพูดกับหลินฟาน “พี่ฟาน หายากจริงๆที่พี่จะมาเยี่ยมเยียนหนานจิง ไม่รู้ว่าพี่มีเวลาไปรับประทานอาหารค่ำกันไหม ผมจะต้อนรับพี่อย่างเต็มที่เพื่อในฐานะเจ้าบ้าน”
ถึงแม้ว่าจะไม่มีว่านหลาง หลินฟานก็สามารถแก้ปัญหาเกี่ยวกับเรื่องในครั้งนี้ได้อย่างง่ายดาย
แต่เรื่องในครั้งนี้ ว่านหลางก็ถือว่ามีส่วนร่วม
เขาจึงไม่อยากจะหักหน้าของคนที่พยายามช่วยเขามากนัก
หลินฟานจึงพยักหน้าและพูดว่า “โอเค งั้นนายก็จัดสถานที่รอเลย”
“ได้ครับ!” ว่านหลางพูดอย่างมีความสุข
ว่านหลางเข้าใจดี ว่าตอนนี้หลินฟานต้องจัดการกับเรื่องต่างๆ กับครอบครัวของแฟนสาวอีกมาก
หลังจากที่พูดคุยเสร็จแล้ว เขาก็จากไปอย่างรวดเร็ว
จนถึงขณะนี้ ฉิวโหย่วและหวางฮุ่ยก็ยังรู้สึกมึนงงกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้อยู่เลย
เสือเฒ่าหลี่ที่น่ากลัวขนาดนั้นถูกเตะกลิ้งหนีไปเลย?
แถมยังก้มหัวให้กับหลินฟานและยังยอมรับว่าเรื่องทั้งหมด พวกเขาเป็นคนผิดเองอีก?
นี่……
นี่มัน……
ลูกสาวของพวกเขาไปหาแฟนที่วิเศษขนาดนี้มาได้ยังไงกัน?
ในตอนนั้นเอง ฉิวจือเฉียนก็เอาแต่มองไปที่หลินฟานด้วยความหลงไหล
หลังจากที่เห็นว่าเรื่องทุกอย่างจบลงแล้ว หลินฟานก็ยิ้มและพูดว่า “คุณลุงกับคุณป้า ตอนนี้เรื่องทุกอย่างจบลงแล้ว เข้าไปในบ้านกันเถอะ”
“อ่า… อ่า… โอเค เข้าบ้านกันเถอะ!”
ฉิวโหย่วและหวางฮุ่ยยังคงรู้สึกมึนงง พวกเขาตอบกลับมาอย่างตะกุกตะกัก
เพียงชั่วพริบตา พระอาทิตย์ก็ลับขอบฟ้า
โรงแรมมาเจสติก เปรียบเสมือนกับซุ้มประตูขนาดใหญ่ที่สว่างไสวในตอนกลางคืนและแพรวพราวมาก ถือว่าเป็นโรงแรมที่สำคัญที่สุดของหนานจิง
ขณะนี้ ว่านหลางได้มารออยู่ที่ทางเข้าของโรงแรมมาเจสติกแล้ว
และเมื่อเขาเห็นแลมโบกินีขับตรงมาทางนี้จากระยะไกล เขาก็รีบออกไปต้อนรับทันที
เมื่อมาถึง หลินฟานและฉินจือเฉียนก็ลงมาจากรถอย่างช้าๆ
จากนั้น รปภ. ก็หยิบกุญแจรถจากหลินฟานแล้วขับตรงไปยังที่จอดรถให้
“นายรอนานหรือเปล่า” หลินฟานถาม
“เปล่าครับ ผมเพิ่งมาถึงไม่นานนี้เอง” ว่านหลางพูด
จากนั้นเขาก็พูดต่อ “พี่ฟาน สายตาพี่ดีมากเลย พี่สะใภ้สวยมากเลย!”
ฉิวจือเฉียนยิ้มแล้วพูด “นายน้อยว่าน ชมกันเกินไปแล้ว”
“ชมเกินไปที่ใหนกัน นี่เป็นเรื่องจริง และก็พี่สะใภ้อย่าเรียกผมว่านายน้อยว่านเลย! คุณเรียกผมว่าเสี่ยวหลางหรืออาหลางก็ได้” ว่านหลางพูด
“งั้นฉันจะเรียกชื่อนายก็แล้วกัน” ฉิวจือเฉียนพูด
“ถ้างั้น! พี่ฟาน พี่สะใภ้ เราเข้าไปข้างในกันไหม” ว่านหลางพูด
หลินฟานพยักหน้าตกลง
จากนั้น ทั้งสามคนเดินเข้าไปในโรงแรมมาเจสติกอย่างช้าๆ ภายใต้สายตาของผู้คนมากมาย
แม้แต่นายน้อยของบริษัทรถยนต์ว่านเจี่ย ยังต้องไปต้อนรับที่ประตูเป็นการส่วนตัว
เขาเป็นใคร?
หนานจิงมีคนใหญ่คนโตแบบนี้ด้วย!