นายน้อย เรื่องนี้ค่อนข้างยาว แต่หากไม่ใช่เพราะแม่นางฉิน ข้าเกรงว่าวันนี้กองทหารรับจ้างชื่อเหยียนของเราคงจะถูกหยามเกียรติเป็นแน่ มีอีกเรื่องที่สำคัญ ตอนนี้มีกลุ่มทหารรับจ้างระดับสองกลุ่มหนึ่งกำลังจะเลื่อนขึ้นมาเป็นระดับหนึ่งแล้ว
เสี้ยวฮังเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นภายในป่าแสงจันทร์ให้ผู้บังคับบัญชาของเขาได้รับรู้อย่างละเอียด
ถึงแม้ว่าในความจริงแล้วฉินอวี้โม่จะไม่มีน้ำใจมากมายถึงกับตั้งใจจะช่วยพวกเขาเอาคืนคู่แข่ง และสิ่งที่นางลงแรงทำไปก็เพียงเพื่อให้ได้ครอบครองผลหลิวหลีเท่านั้น แต่ทว่าเสี้ยวฮังและทหารรับจ้างทุกคนก็รู้สึกซาบซึ้งในน้ำใจของนางมาก หากไม่ใช่เพราะนาง ผลหลิวหลีคงจะตกอยู่ในมือของกลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าปีศาจไปแล้ว ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นกลุ่มทหารรับจ้างของพวกเขาก็จะเสียหน้าและเจ็บแค้นเป็นอย่างมาก
นายน้อย นี่คือผลหลิวหลีที่พวกเราได้มาขอรับ
เสี้ยวฮังส่งผลไม้วิเศษที่ได้รับมาจากฉินอวี้โม่ให้ชื่อเซียวอย่างไม่ลังเล
ในเรื่องนี้จะเห็นได้ว่าภายในกองทหารรับจ้างชื่อเหยียนมีความสามัคคีกลมเกลียวเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเป็นอย่างมาก
อาเสี้ยว ตอนนี้ข้ากำลังต้องการสิ่งนี้อยู่พอดี ฉะนั้นข้าขอไม่เกรงใจก็แล้วกัน แต่ข้ามอบสิ่งนี้ตอบแทนให้ พวกเจ้ารับมันไปเถอะ
ตอนนี้ชื่อเซียวเองก็อยู่ในช่วงติดขัดมิอาจทะลวงเข้าสู่ขอบเขตถัดไปได้ หากเขาได้กินผลหลิวหลีนี้ บางทีมันอาจจะช่วยให้เขาทะลวงพลังและก้าวเข้าสู่ขอบเขตสูงขึ้นได้สำเร็จ ดังนั้นในเวลานี้ผู้เป็นนายน้อยแห่งกองทหารรับจ้างชื่อดังจึงต้องขอเสียมารยาทใช้มัน
อย่างไรก็ตาม ชื่อเซียวก็ไม่ใช่คนที่เห็นแก่ตัว เขาล้วงเอาโอสถของตนเองออกมาให้เสี้ยวฮังเป็นจำนวนมาก และแม้จะไม่อาจเทียบกับความล้ำค่าของผลหลิวหลีได้แต่เขาก็มั่นใจว่ามันมีประโยชน์ต่อหน่วยที่สามอย่างแน่นอน
นายน้อย โอสถระดับสามมากมายขนาดนี้ มันราคาสูงเกินไป ข้าคงรับไว้ไม่ได้
เมื่อเสี้ยวฮังเห็นโอสถที่ชื่อเซียวนำออกมาจากแหวนมิติ เขาก็รีบส่ายหน้าปฏิเสธทันที เพราะสิ่งที่นายน้อยมอบตอบแทนให้พวกเขานั้นถือว่ามีมูลค่าสูงยิ่ง
อาเสี้ยว รับมันไว้เถอะ ไม่ต้องเกรงใจข้าหรอก
ชื่อเซียวไม่ยอมเอาเปรียบลูกน้อง หากยึดเอาของที่พวกเขาต้องเหนื่อยยากหามาเช่นนี้ไป ตัวเขาเองก็คงจะไม่สบายใจเป็นแน่
เมื่อเห็นความตั้งใจของหัวหน้า เสี้ยวฮังจึงเลิกปฏิเสธ เขายื่นมือไปรับมันไว้แต่โดยดี
จากที่เจ้าเล่ามา ตอนนี้แม่นางฉินมีอสูรเทวะอยู่ทั้งหมดสองตัว และจากที่เจ้าประเมินระดับพลังของนางน่าจะอยู่ที่ทิพย์มายาระดับเจ็ดอย่างนั้นใช่หรือไม่?
เมื่อลองทบทวนเรื่องราวที่เสี้ยวฮังบอกเล่า ชื่อเซียวก็ประหลาดใจเป็นอย่างมาก
ฉินอวี้โม่อายุเพียงแค่สิบหกถึงสิบเจ็ดปี ทว่าตอนนี้ระดับพลังของนางกลับเข้าถึงขอบเขตทิพย์มายาเจ็ดดาราเป็นอย่างน้อยแล้ว ยิ่งกว่านั้นนางยังมีอสูรเทวะในครอบครองอีกสองตัว ชื่อเซียวรู้สึกว่าสตรีผู้นี้เริ่มจะมหัศจรรย์ผิดมนุษย์มากขึ้นทุกที
ไม่ต้องเอ่ยถึงเรื่องที่ผู้คนกล่าวหาว่านางเป็นขยะไร้ค่าแต่กำเนิด เพราะหากเทียบกับฉินอวี้โม่แล้ว เหล่าผู้ที่ถูกเรียกว่าอัจฉริยะของแผ่นดินนี้ก็คงเป็นเพียงขยะเท่านั้น
ไม่เพียงเท่านั้นนะนายน้อย แม่นางฉินยังเป็นผู้ฝึกสัตว์อสูรที่เก่งกาจมากอีกด้วย ข้าคิดว่าระดับของนางคงจะสูงมากแน่ ๆ ซึ่งถ้าข่าวนี้แพร่กระจายออกไป ข้านึกไม่ออกเลยว่าขุมกำลังใหญ่ทั้งหลายจะส่งคนไปทาบทามนางมากเพียงใด
นางสามารถสยบอสูรมายาให้เชื่องได้นั่นแสดงว่านางเป็นผู้ฝึกสัตว์อสูร และเนื่องจากนางสามารถสยบอสูรมายาระดับเทวะได้ก็หมายความว่า อย่างน้อย ๆ นางก็ต้องเป็นผู้ฝึกสัตว์อสูรในระดับเดียวกันขึ้นไป
ผู้ฝึกสัตว์อสูรถือว่าเป็นอาชีพหนึ่งที่ผู้คนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก เพราะเพียงแค่การสยบอสูรมายาให้เชื่องก็ทำได้อย่างยากลำบากแล้ว การจะฝึกอสูรมายาให้เก่งได้จึงเป็นเรื่องที่ผู้ที่มีความแข็งแกร่งเพียงพอเท่านั้นจึงจะทำได้ อีกทั้งการมีผู้ฝึกสัตว์มายาอยู่ภายในกลุ่มก็จะช่วยเพิ่มศักยภาพของกลุ่มได้อย่างรวดเร็วและมหาศาลทำให้ผู้ฝึกสัตว์มายาเป็นที่เคารพยำเกรงและมีผู้นับหน้าถือตาทั่วทั้งแผ่นดิน และถ้าหากฉินอวี้โม่เป็นผู้ฝึกสัตว์อสูรจริง ๆ ก็ไม่ทราบเช่นกันว่าจะมีกี่ขุมกำลังที่ต้องการให้นางเข้าร่วม
เมื่อได้ยินคำบอกเล่าของเสี้ยวฮัง ชื่อเซียวก็ส่ายหน้าแล้วถอนหายใจอย่างอดไม่ได้ ตอนนี้เขารู้สึกสับสน เขาไม่ทราบเลยว่าสตรีลึกลับผู้นี้จะยังมีความลับใดซ่อนเอาไว้อีกบ้าง
อย่างไรก็ตาม เขาก็คิดว่าฉินอวี้โม่เป็นคนดีและเป็นสหายที่น่าคบหา และเมื่อได้พบนางอีกเป็นครั้งที่สอง ชื่อเซียวก็มั่นใจแล้วว่าในใจของเขากำลังบังเกิดความรู้สึกหลงใหลในสตรีโฉมงามผู้นี้… และมันก็มากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างเป็นเท่าทวี
เอาล่ะ ตอนนี้ทุกคนกลับไปพักผ่อนกันได้แล้ว ในคืนก่อนอสูรล้อมเมืองจะเริ่มต้น พวกเราทุกคนจะไปร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำที่จวนเจ้าเมืองกัน ข้าคิดว่าเทศกาลอสูรล้อมเมืองในปีนี้แม่นางฉินคงจะเป็นที่จับตามองของทุกคน
ชื่อเซียวระบายยิ้มอ่อนเมื่อคิดว่าจะได้พบโฉมงามผู้ลึกลับของเขาอีกครั้ง นายน้อยแห่งกองทหารรับจ้างชื่อเหยียนเดินนำทุกคนกลับไปยังโรงเตี๊ยมที่พัก