เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] – บทที่ 199 อร่อยไหม

บทที่ 199 อร่อยไหม

ดูเหมือนว่าเรา…จะโดนหลอกเงินอีกแล้วสินะ?

หลินเป่ยเฉินมองต้นหญ้าสีเขียวที่อยู่ในมือตนเอง รู้สึกได้ว่าเลือดลมในร่างกายสูบฉีดเหมือนกำลังนั่งรถไฟเหาะตีลังกา

เด็กหนุ่มโยนหญ้าในมือทิ้งไปและรีบเปิดแอปวีแชทเพื่อตรวจสอบยอดเงินคงเหลือ

เพียงเหลือบตามอง สีหน้าของเขาก็ย่ำแย่

หายไปหมด

เงิน 500 เหรียญทองคำหายไปหมดแล้ว

เด็กหนุ่มเปิดดูแอปไป่ตู้ เน็ตดิสก์

เงินที่เคยมีอยู่ 578 เหรียญทอง ขณะนี้เหลือเพียง 78 เหรียญทองเท่านั้น

พระเจ้าช่วยกล้วยแหก

หลินเป่ยเฉินยกมือกุมหัวใจตนเองและทำท่าเหมือนจะกระอักเลือดออกมา

 เรานี่มันโง่เหลือเกิน ลืมไปได้ยังไงว่าเทพีกระบี่หิมะไร้นามเคยหลอกเงินเรามาแล้ว แล้วมันจะเป็นไปได้ยังไงที่คนขี้โกงแบบนี้จะเอาของมาให้เราฟรีๆ คิดไม่ถึงเลยว่าค่าขนส่งมันจะแพงกว่าค่าต้นหญ้าซะอีก… 

หลินเป่ยเฉินจำได้ว่าราคาของต้นหญ้าดาราน้อยในแอปจิงตง มอลล์ขายอยู่ที่ต้นละ 30 เหรียญทองคำเท่านั้น

เด็กหนุ่มทักข้อความไปหาเทพีกระบี่หิมะไร้นามอีกครั้ง

ทำอย่างนี้ถือว่าข่มเหงเขาเกินไปแล้ว

เป็นเรื่องที่ยอมไม่ได้เด็ดขาด

หลินเป่ยเฉินพิมพ์ข้อความส่งไปว่า  คนโกหกหลอกลวง… 

เทพีกระบี่หิมะไร้นามส่งเครื่องหมายคำถามตอบกลับมา  ? 

หลินเป่ยเฉินพิมพ์ข้อความถามไปว่า  ค่าขนส่ง 500 เหรียญทองคำมันหมายความว่าอย่างไรกัน? 

เทพีกระบี่หิมะไร้นามรีบตอบกลับมาโดยเร็ว  น้องชาย เจ้ากำลังเข้าใจผิด การขนส่งพัสดุข้ามภพภูมิมีราคาแพงมาก นี่เห็นแก่หน้าเจ้า ข้าถึงได้ลดค่าขนส่งให้ครึ่งราคาแล้วนะ ความจริงค่าขนส่งทั้งหมดต้องคิดเป็นจำนวนเงิน 1,000 เหรียญทองคำต่างหาก… 

 ข้าไม่มีทางเชื่อที่เจ้าพูดเด็ดขาด 

เด็กหนุ่มพิมพ์ข้อความด้วยสีหน้าโกรธแค้น

 หากเจ้าไม่เชื่อ จะเปิดดูราคาก็ย่อมได้ มันมีข้อมูลแจ้งเอาไว้อยู่นะ…  นี่คือข้อความตอบกลับจากเทพีกระบี่หิมะไร้นาม

หลินเป่ยเฉินเปิดเข้าไปในแอปจิงตง มอลล์

กดเข้าไปที่ร้านค้าของเทพีกระบี่หิมะไร้นาม

แล้วเด็กหนุ่มก็ต้องมีสีหน้าตกตะลึง

แน่นอนว่าในรายละเอียดการสั่งซื้อสินค้า มีตัวอักษรเล็กๆ กำกับอยู่ตรงส่วนท้ายว่า : สินค้าส่งฟรีภายในดินแดนทวยเทพเท่านั้น แต่ถ้าข้ามขอบเขตภพภูมิ จะมีค่าขนส่ง 1,000 เหรียญทองคำต่อพัสดุน้ำหนักสองชั่ง และค่าขนส่งจะจัดเก็บกับปลายทาง หากพัสดุมีน้ำหนักมากกว่าสองชั่ง ค่าขนส่งก็จะเพิ่มขึ้นตามน้ำหนักของสินค้า…

ข้อความเหล่านี้มีขนาดเล็กมาก หากไม่สังเกตดูให้ดีก็ไม่มีทางมองเห็นเด็ดขาด

 แต่ตอนที่ข้ากดเข้ามาดูสินค้าครั้งที่แล้ว มันยังไม่มีข้อความพวกนี้เลยนะ? 

หลินเป่ยเฉินส่งข้อความถามในแอปวีแชท

เทพีกระบี่หิมะไร้นามพิมพ์ข้อความตอบกลับมาอย่างไม่สบอารมณ์  น้องชาย เจ้าไม่ใจร้ายเกินไปหน่อยหรือ คราวที่แล้วตอนที่เปิดกล้อง เจ้าก็เอาแต่ฉวยโอกาสสำรวจเรือนร่างของข้าจนเลือดกำเดาไหล แล้วเจ้าคิดว่าตนเองจะจดจำเรื่องราวอื่นๆ ได้จริงหรือ… 

พลัน หลินเป่ยเฉินหน้าแดงขึ้นมาในทันใด

 จริงด้วยสินะ…ถ้าอย่างนั้นมันคงเป็นความผิดของข้าเอง…ขออภัยที่รบกวน 

ภาพเรือนร่างอันขาวเนียนปรากฏขึ้นมาในห้วงคิดของเด็กหนุ่มอีกครั้ง

เขารู้สึกหัวใจเต้นเร็วแรง ใบหน้าแดงก่ำ และตัดสินใจปิดแอปวีแชทไปแบบงงๆ

เรือนร่างเปลือยเปล่าของเทพีกระบี่หิมะไร้นามยังคงติดตาเขาอยู่ไม่เสื่อมคลาย

ในฐานะโอตาคุตัวพ่อ หลินเป่ยเฉินมีความเข้าใจในศาสตร์ของศิลปะโดจินติดเรตอย่างลึกซึ้ง

แต่เขาต้องยอมรับเลยว่าไม่มีงานโดจินติดเรตชิ้นไหน ชวนให้เกิดอารมณ์พุ่งพล่าน และวาบหวามได้เท่ากับเรือนร่างที่แสนงดงามของเทพีกระบี่หิมะไร้นามอีกแล้ว

นางงดงามราวกับงานศิลปะชั้นยอด

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ หลินเป่ยเฉินพลันรู้สึกผิดที่โทษว่าทุกอย่างเป็นความผิดของเทพีฝึกหัด

เฮ้อ

ช่างแม่งก็แล้วกัน

คิดเสียว่าฟาดเคราะห์ไปดีกว่า

หลินเป่ยเฉินสูดหายใจสงบสติอารมณ์ จากนั้นจึงโคจรพลังลมปราณ เพื่อควบคุมระดับการเต้นของหัวใจให้กลับมาเป็นปกติ

แต่ตอนนั้นเอง เขาก็นึกอะไรขึ้นมาได้…

 เดี๋ยวก่อนนะ วันนั้นเทพีกระบี่หิมะไร้นามเป็นคนส่งคำขอให้เราเปิดกล้องเองไม่ใช่เหรอวะ เราไม่ได้เป็นฝ่ายขอสักหน่อยนี่หว่า 

หลินเป่ยเฉินใบหน้ากระตุก

ดูเหมือนว่า…เขาจะถูกหลอกอีกแล้ว

จังหวะนั้น ห้วงคิดของเด็กหนุ่มสะดุดลงเมื่อเขาได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง

หลินเป่ยเฉินหันไปทางต้นเสียงโดยไม่รู้ตัว

แล้วเขาก็เห็นเจ้าอากวง ราชันย์หนูอสูรที่ถูกอาบน้ำและแปรงขนอย่างสะอาดเอี่ยมอ่อง กำลังหมอบอยู่ข้างเตียง ปากแทะกินต้นหญ้าต้นหนึ่งอย่างเอร็ดอร่อย เมื่อเห็นว่าผู้เป็นเจ้านายกำลังมองอยู่ มันก็เงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มให้เขาอย่างน่ารักน่าชัง

 อากวง กินอะไรอยู่น่ะ? 

หลินเป่ยเฉินถามด้วยความสงสัย

เจ้าหนูถือต้นหญ้าที่เหลืออยู่ครึ่งหนึ่งด้วยขาหน้า และส่งเสียงพูดไม่เป็นภาษา

 อร่อยไหม?  หลินเป่ยเฉินชวนคุย

อากวงพยักหน้า

 แต่ว่า…ทำไมข้าถึงรู้สึกคุ้นตาต้นหญ้าต้นนี้จังเลยนะ? 

หลินเป่ยเฉินเริ่มต้นขมวดคิ้วอย่างใช้ความคิด

อากวงชะงักไปเล็กน้อย

แล้วในทันใดนั้น หลินเป่ยเฉินพลันคำรามออกมาด้วยความเดือดดาลว่า  นี่มันต้นหญ้าสวรรค์ที่มีราคา 500 เหรียญทองคำเชียวนะ…ไอ้หนูเชี่ย กูจะฆ่ามึ้งงง! 

เด็กหนุ่มกระโดดเข้าไปหาราชันย์หนูอสูร

เจ้าอากวงกระโดดหนีด้วยความตกใจ

 จี๊ด… 

มันพยายามกระโดดหนีไปด้วยส่งเสียงอธิบายไปด้วย

แต่เจ้าหนูกระโดดได้ไม่กี่ก้าว ร่างกายก็แข็งค้าง หมอกควันสีเขียวพุ่งออกมาจากปากและจมูก สุดท้ายมันก็ล้มฟาดพื้นเสียงดังโครม

 ยังคิดจะแกล้งตายอีกหรือ? 

หลินเป่ยเฉินจับคอของราชันย์หนูอสูรยกขึ้นมาจากพื้นห้อง

เด็กหนุ่มคิดไม่ถึงเลยว่า ร่างกายของเจ้าหนูจะแข็งเหมือนหินไปจริงๆ เสียแล้ว

 เฮ้ย ทำไมตัวแข็งแบบนี้? 

 หรือว่าหญ้าต้นนี้จะมีพิษ? 

หลินเป่ยเฉินคิดด้วยความไม่อยากเชื่อ

เทพีกระบี่หิมะไร้นามจะร้ายกาจขนาดนั้นเชียวหรือ?

เรื่องที่นางเคยหลอกลวงเงินเขาก็เรื่องหนึ่ง แต่เพียงเขาเคยเห็นร่างเปลือยของนางแค่ครั้งเดียว ก็คิดจะฆ่าแกงกันเลยหรือไง?

หลินเป่ยเฉินมีเหงื่อออกท่วมตัว

เขารีบโยนต้นหญ้าดาราน้อยที่เหลืออยู่อีกครึ่งหนึ่งในกรงเล็บของอากวงทิ้งไปทันที

หลังจากนั้นก็เฝ้าดูอย่างระมัดระวัง

อากวงยังคงหายใจอยู่

อย่างน้อยยังมีชีพจรและหัวใจก็ยังเต้น

หลินเป่ยเฉินลังเลเล็กน้อย ก่อนจะใช้วงแหวนวารีครอบคลุมลงไปที่ศีรษะของเจ้าหนูอสูร

วงแหวนวารีหายวาบเข้าไปในร่างกายของอากวง

 ยังใช้พลังของเรารักษาได้อยู่ อาการน่าจะยังไม่หนักเกินไปนัก 

หลินเป่ยเฉินถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

เขาเริ่มต้นใช้วงแหวนวารีรักษาเจ้าหนูต่อไป

แต่เมื่อโยนวงแหวนวารีเข้าใส่ได้ประมาณ 20 ครั้ง ลำตัวของเจ้าหนูอสูรก็มีชั้นพลังสีเขียวห่อหุ้มบางๆ

แต่ก็ไม่มีทีท่าว่ามันจะตื่นขึ้นมา

หลินเป่ยเฉินขมวดคิ้วด้วยความไม่แน่ใจ

เขาชะโงกตัวเข้าไปดู

ทันใดนั้น…

ปู้ด!

เจ้าหนูอากวงที่สลบไสลไม่ได้สติพลันผายลมออกมาเป็นกลุ่มหมอกควันสีเขียว

หลินเป่ยเฉินไม่ทันระวังตัวจึงสูดดมเข้าไปเต็มปอด

หลังจากนั้น โลกทั้งใบของเขาก็หมุนติ้ว อาการเวียนหัวและคลื่นไส้เล่นงานทันที

 ไม่ได้การแล้ว ตดของมันมีพิษ! 

หลินเป่ยเฉินซวนเซถอยหลัง

เขาสร้างวงแหวนวารีครอบคลุมลงมาที่ตนเอง หลังจากนั้น อาการวิงเวียนศีรษะทั้งหมดก็หายไป

 หญ้าต้นนี้มีพิษจริงๆ ด้วย มันเข้าไปทำลายอวัยวะภายในหมดแล้ว จบกัน เราไม่มีทางช่วยอากวงได้อีกแล้ว 

หลินเป่ยเฉินคิดด้วยความเศร้าสลด

ดังนั้น เด็กหนุ่มจึงส่งข้อความไปสอบถามเทพีกระบี่หิมะไร้นาม

แต่ไม่ทราบเลยว่าเทพีกระบี่ฝึกหัดกำลังยุ่งอยู่กับภารกิจอื่น หรือมีเจตนาไม่ยอมตอบข้อความของเขากันแน่ นางถึงได้เงียบหายไปเลยเช่นนี้

 ช่างมันเถอะ ตอนนี้เอาศพอากวงไปฝังก่อนดีกว่า จะได้ไม่แพร่พิษเดือดร้อนคนอื่น 

หลินเป่ยเฉินอยากจะร้องไห้ด้วยความสงสารเจ้าหนูสัตว์เลี้ยงผู้น่ารัก

ขอบคุณนะที่ยอมรับพิษแทน

เดี๋ยวจะฝังดินให้อย่างดีเลย

จากนั้น เด็กหนุ่มก็หันหน้ามองไปที่ร่างไร้วิญญาณของราชันย์หนูอสูร

แต่แล้ว หลินเป่ยเฉินก็ต้องเบิกตาโตด้วยความตกตะลึง

เดี๋ยวก่อนนะ?

เป็นไปได้ยังไง?

อากวงหายไปไหนแล้ว?

เมื่อสักครู่มันยังนอนทอดร่างอยู่ตรงนี้ แล้วบัดนี้กลับหายไปในพริบตาได้อย่างไร?

เป็นไปได้หรือที่หนูอสูรตัวใหญ่ขนาดนั้น จะหายตัวไปโดยที่เขาไม่ทันสังเกต?

หลินเป่ยเฉินขยับตัวเดินไปข้างหน้า

หรือว่าเจ้าหนูตัวแสบจะแกล้งตายและใช้จังหวะทีเผลอหลบหนีไปแล้ว

แต่เมื่อหลินเป่ยเฉินลองยื่นมือออกไปคลำดูตำแหน่งที่เคยเป็นที่นอนของเจ้าอากวง สิ่งที่ไม่น่าเชื่อก็เกิดขึ้น…

อากวงยังคงนอนอยู่ตรงนี้

เขาสัมผัสตัวของมันได้

เพียงแต่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น

เจ้าหนูอากวง…สามารถล่องหนได้อย่างนั้นหรือ?

 

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

Status: Ongoing

หืมมม วิชานี้น่าสนใจดี แชะ ! ติ๊งง คุณได้รับแอพพลิเคชั่นวิชากระบี่ทะลวงจันทร์ ต้องการติดตั้งหรือไม่ ! ด้วยสมาร์ทโฟนในมือของเจ้าแกะดำหลิวเป่ยเฉิน ทำให้เขาสามารถผงาดบนโลกจอมยุทธ์นี้ได้อย่างง่ายดาย…. แต่ข้าไม่เอาหรอก ใครมันจะอยากอยู่โลกแบบนี้กัน YouTube ก็ไม่มี Facebook ก็เข้าไม่ได้ ข้าขอกลับโลกเดิมไปนั่งเล่นเกมในห้องแอร์เย็น ๆ ดีกว่าโว้ยยย !!

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท