อาจารย์เจ้าคะ นายท่านเจิ้งกวนจากสำนักฝากเงินกระบี่สวรรค์อยากขอเข้าพบเจ้าค่ะ
ก๊อกก๊อกก๊อก
เยว่เว่ยหยางเคาะประตู
เสียงของนักพรตหญิงชินดังตอบกลับมาจากด้านในห้องลับว่า เขามีเรื่องอันใด?
เยว่เว่ยหยางรายงานว่า นายท่านเจิ้งกวนอยากมารับตัวคุณหนูไป๋ชินหยุนกลับไปดูแลต่อที่บ้านเจ้าค่ะ
อนุญาตให้เขาพาคนกลับไปได้ และอย่าลืมบอกเขาด้วยว่าขณะนี้ข้ามีธุระเร่งด่วน จึงไม่สามารถออกไปพบ
นักพรตหญิงชินกล่าว
เจ้าค่ะ… เยว่เว่ยหยางรับคำในลำคอ แต่ยังยืนอยู่หน้าประตูไม่เดินออกไป
เจ้ามีเรื่องอื่นใดอีกหรือไม่? เสียงของผู้เป็นอาจารย์ดังขึ้นจากด้านในห้องอีกครั้ง
สุดท้าย เยว่เว่ยหยางก็ทนความร้อนใจไม่ไหว ต้องพูดออกไปว่า อาจารย์เจ้าคะ ท่านจะปล่อยให้คนพวกนั้นเข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์ที่หน้าวิหารของพวกเราจริงๆ หรือ? ศิษย์รู้ดีอยู่แล้วถังกู่จินต้องไม่ใช่คนดี ทั้งหมดนี้ต้องเป็นฝีมือของเขาแน่ เขาเป็นคนที่ใส่ร้ายหลินเป่ยเฉิน แม้แต่การฆาตกรรมฟางเจิ้นหรู่ ถังกู่จินก็อาจเป็นผู้บังการด้วยเช่นกัน
เกิดความเงียบดังขึ้นเนิ่นนาน
เจ้าบอกว่าจะออกไปตามหาตัวหลินเป่ยเฉินไม่ใช่หรือ? นักพรตหญิงชินถามออกมาในที่สุด
ออกไปค้นหาทั่วทั้งเมืองแล้วเจ้าค่ะ แต่ก็ยังหาเขาไม่เจออยู่ดี ไม่ทราบเลยว่าหลินเป่ยเฉินไปหลบซ่อนตัวอยู่ที่ใด พูดจบแล้ว เยว่เว่ยหยางก็ยิ่งมีสีหน้าเป็นกังวลมากขึ้น
นับตั้งแต่ที่นางฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ เยว่เว่ยหยางก็เที่ยวออกตามหาเด็กหนุ่มไปทั่วเมืองหยุนเมิ่ง แต่ก็ไม่พบเบาะแสใดๆ เลย
นั่นทำให้นักบวชสาวรู้สึกเป็นห่วงความปลอดภัยของหลินเป่ยเฉินมากขึ้นทุกขณะจิต
เจ้าเชื่อว่าหลินเป่ยเฉินบริสุทธิ์อย่างนั้นหรือ? นักพรตหญิงชินถามออกมาอีกครั้ง
เยว่เว่ยหยางตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น สัญชาตญาณบอกศิษย์ว่าหลินเป่ยเฉินไม่ใช่คนเลวร้ายเจ้าค่ะ
แต่จนถึงบัดนี้เจ้าก็ยังตามหาตัวเขาไม่พบ แล้วเจ้าจะไปแก้ต่างกับถังกู่จินได้อย่างไร? เสียงของนักพรตหญิงชินมีความหนักแน่นไม่แพ้กัน
เยว่เว่ยหยางมีสีหน้าเป็นกังวลขึ้นมาอีกหลายเท่า แต่ว่า…อาจารย์เจ้าคะ ที่นี่คือวิหารเทพกระบี่ หากอาจารย์ไม่อนุญาต แล้วพวกเขาจะดำเนินการประหารผู้คนได้อย่างไร? นี่เท่ากับเป็นการก่อกรรมทำเข็ญ…
สิ่งที่ถังกู่จินกำลังจะทำ คือการเผาพวกสาวกปีศาจต่างหาก นั่นคือสิ่งที่วิหารเทพกระบี่จะเข้าไปขัดขวางไม่ได้เด็ดขาด
แต่อาจารย์เจ้าคะ…
เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง ภายใต้การเฝ้าดูของเทพีกระบี่ พระองค์ท่านจะให้คำตอบสุดท้ายแก่พวกเราเอง
แต่ว่า…
ออกไปจัดการส่งตัวไป๋ชินหยุนกลับบ้านได้แล้ว
รับทราบเจ้าค่ะ อาจารย์
…
ท่านแม่ ข้าอยากไปที่วิหาร
หลิงเฉินนั่งห้อยขาอยู่บนขอบหน้าต่างของห้องใต้หลังคา ชายกระโปรงยาวสีเหลืองอ่อนที่นางสวมใส่อยู่ปลิวไสวตามแรงลม
ไปไม่ได้
ชินหลันซูยังคงนั่งอ่านหนังสืออยู่ใต้ต้นไม้เช่นเดิม
แต่ท่านพ่อกับท่านพี่ยังไปได้เลยนี่นา
หลิงเฉินทำปากยื่นด้วยความไม่พอใจ
ชินหลันซูก้มหน้าพูดกับหนังสือว่า พวกเขาจำเป็นต้องไปตามหน้าที่ แล้วเจ้าจะไปทำไม?
ไปเปิดหูเปิดตาไงเจ้าคะ หลิงเฉินยิ้มสวยออกมาอีกครั้ง
ชินหลันซูถอนหายใจยาวแรง เกรงว่าถ้าเจ้าไปที่นั่น ผู้คนจะหันมาสนใจพวกเจ้าแทนน่ะสิ
ลูกกับนักบวชสาวคนนั้น เราสงบศึกกันแล้วเจ้าค่ะ รับรองว่าไม่มีการตบตีกันแน่นอน
หลิงเฉินยืนกรานแข็งขัน ไอลีนโนเวล
ชินหลันซูพูดว่า เจ้าก็รู้ดีว่าตนเองเป็นใคร ไม่กลัวว่าจะต้องเผชิญหน้ากับพวกเทพเจ้าหรือไร?
หลิงเฉินได้แต่ยิ้มและไม่พูดอะไรอีก
ชินหลันซูพลิกหน้ากระดาษพร้อมกับกล่าวว่า ปู่ของเจ้าไปที่วิหารแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก
หลิงเฉินได้ยินดังนั้นก็กะพริบตาปริบๆ หลังจากนั้นเด็กลาวก็พยักหน้าเล็กน้อย ตกลง งั้นข้าไม่ไปแล้วก็ได้
…
วิหารเทพกระบี่
บรรยากาศเต็มไปด้วยความเศร้า
คนกลุ่มแรกที่ถูกมัดตัวกับเสาไม้บนกองฟืนประกอบไปด้วยฉู่เหิน พานเว่ยหมิน หลิวฉีไห่ อู๋เฟิ่งกู เยว่หงเซียงและมารดา เช่นเดียวกับหยางเฉินโจวและหลู่หลิงโจว
ยังมีนักโทษอีกนับร้อยชีวิตรอรับการลงทัณฑ์อยู่บนเวทีไม้ด้านข้าง
ขณะนี้ แม้รู้ดีว่าคงเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ แต่หลิงจุนเซวียนก็ยังคงเดินไปพูดกับถังกู่จินว่า ท่านต้องการจะทำอะไรกันแน่?
เขารีบเดินทางมาที่วิหารเทพกระบี่ทันทีที่ได้รับทราบข่าว ชายผู้เป็นเจ้าเมืองถามต่อด้วยน้ำเสียงโกรธแค้น ใต้เท้าไม่คิดว่าการลงโทษเช่นนี้ออกจะรุนแรงและโหดร้ายเกินไปหน่อยหรือ?
ถังกู่จินหัวเราะในลำคอ นี่มันอะไรกัน? ท่านเจ้าเมืองหลิงต้องการจะให้ข้าปลดปล่อยสาวกปีศาจเหล่านี้เป็นอิสระหรือ?
พวกเขาไม่ใช่สาวกปีศาจสักหน่อย… หลิงจุนเซวียนพูดด้วยเสียงอันแหบแห้ง
ถังกู่จินขัดจังหวะว่า พวกเขาคือสาวกปีศาจ
ใต้เท้ามีหลักฐานหรือไม่? หลิงจุนเซวียนถามเสียงแข็ง
ถังกู่จินยิ้มมุมปาก ตอบว่า ข้าได้ยินคำสารภาพจากปากของหลินเป่ยเฉินด้วยตนเอง นั่นถือว่าเป็นหลักฐานได้หรือยัง?
หัวใจของหลิงจุนเซวียนกระตุกวูบ หมายความว่าอย่างไร? ใต้เท้าจับตัวหลินเป่ยเฉินได้แล้วหรือ?
ถังกู่จินกวาดสายตามองรอบบริเวณ แววตาของเขาเต็มไปด้วยความเย็นชาที่สุดแสนจะอำมหิต ก่อนหันกลับมามองหน้าหลิงจุนเซวียนอีกครั้ง ทำไมข้ารู้สึกว่าท่านกำลังเสียใจอยู่ไม่ทราบ?
หลิงจุนเซวียนแค่นหัวเราะในลำคอ ไม่พูดคำใดอีก
ในใจของเขากำลังเกิดสังหรณ์อัปมงคลขึ้นอย่างรุนแรง
ถังกู่จินพูดด้วยความมั่นใจขนาดนี้ ย่อมเป็นความจริงแน่นอน
หากหลินเป่ยเฉินตกไปอยู่ในกำมือของผู้ตรวจการมณฑลคนนี้ แล้วจะมีใครสามารถช่วยเหลือเขาได้อีก?
หรือสถานการณ์ดำเนินมาถึงจุดที่พวกเขาต้องเฝ้ามองปลาน้อยตายบนชายฝั่งเสียแล้ว?
ใกล้จะได้เวลาแล้วขอรับใต้เท้า ประกาศตอนนี้เลยดีไหมขอรับ?
อู๋ซางหยางเดินเข้ามากระซิบเสียงแผ่วเบา
ถังกู่จินที่ยืนอยู่บนเวทีมอบรางวัลหันหน้าไปมองหน้าผาริมทะเล และยิ้มออกมาเล็กน้อย ตกลง เริ่มการถ่ายทอดสดได้
เสียงพูดยังไม่ทันจางหาย
วูบ!
เกิดลำแสงสว่างไสว
แล้วใครคนหนึ่งก็ทิ้งตัวลงมายืนอยู่บนเวที
กลิ่นสุราโชยออกมาจากร่างกาย เช่นเดียวกับกลิ่นหอมของเครื่องสำอางสตรี
ถังกู่จิน วันนี้เจ้าจะต้องลงนรก
หลิงไท่ซวีเดินซวนเซตามประสาคนเมา พูดอ้อแอ้ฟังแทบไม่รู้เรื่อง เจ้าใช้วิธียืมดาบฆ่าคน แบบนี้มันมากเกินไปแล้ว ต่อให้ข้าเป็นผู้เฒ่าเสพติดสุรา ก็ยังทนดูอยู่ไม่ไหวอีกแล้ว
เมื่อเห็นอาจารย์ใหญ่ของสถานศึกษากระบี่ที่สามปรากฏตัว ถังกู่จินก็ค้อมศีรษะลงเล็กน้อย ท่านผู้เฒ่าหลิงช่างมีอารมณ์ขันนัก
หลิงไท่ซวีเป็นบุคคลผู้มีสถานะพิเศษในจักรวรรดิเป่ยไห่ ได้รับความเคารพจากบรรดาขุนนางไม่แพ้เหล่าเชื้อพระวงศ์
ดังนั้น ต่อให้ถังกู่จินในใจจะรู้สึกเกลียดชังสักเท่าไหร่ แต่ภายนอกเขาก็ต้องแสดงความอ่อนน้อมออกมา
ใครบอกว่าข้าพูดเล่น? หลิงไท่ซวีพลันระเบิดเสียงหัวเราะและปาจอกสุราในมือไปที่ปลายเท้าของถังกู่จิน วันนี้ข้าขอยื่นคำขาด เจ้าต้องปล่อยตัวทุกคนเดี๋ยวนี้ หากใครไม่ยอมทำตามคำสั่ง ถือว่ามีโทษฐานกบฏต่อจักรวรรดิ
ถังกู่จินยังคงยิ้มแย้ม ไม่ได้มีท่าทีโกรธแค้น
เขาพยายามอธิบายว่า ผู้เฒ่าอายุอานามก็ไม่ใช่น้อย เหตุไฉนถึงได้วู่วามเช่นนี้? อีกอย่าง ได้ข่าวว่าท่านเลิกยุ่งเกี่ยวทางการเมืองมานานแล้ว มิสู้กลับไปดื่มสุราเคล้านารีไม่ดีกว่าหรือขอรับ? ทำไมต้องมาสนใจเรื่องราวเหล่านี้ด้วย ข้าน้อยเกรงว่ามันจะทำให้ผู้เฒ่าต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงไปเสียเปล่าๆ
ข้าไม่อยากพูดกับเจ้าอีกแล้ว รีบปล่อยคนเดี๋ยวนี้
หลิงไท่ซวียกมือชี้หน้าผู้ตรวจการมณฑล พูดด้วยน้ำเสียงออกคำสั่ง
รอยยิ้มบนใบหน้าของถังกู่จินจางหายไปเล็กน้อย เสียงพูดที่ดังตามมาหลังจากนั้นแฝงความเย็นชาอยู่หลายส่วน ข้าน้อยไม่อยากฉีกหน้าท่านผู้เฒ่านะขอรับ
วันนี้ข้าขอยื่นคำขาด ระหว่างเจ้ากับหลานเขยของข้า ไม่มีทางอยู่ร่วมเมืองกันได้อีกต่อไป
หลิงไท่ซวีสูดหายใจลึกเพื่อรวบรวมพลังและเปล่งเสียงที่ดังกังวานออกมาว่า วันนี้ข้าจะประกาศให้ทุกคนได้รับทราบโดยทั่วกัน หลินเป่ยเฉินมีสถานะเป็นหลานเขยของข้าเอง และในอนาคต เขาจะเป็นผู้เดียวที่สืบทอดตำแหน่งของหลิงไท่ซวีคนนี้ แล้วเขาจะเป็นสาวกปีศาจได้อย่างไร? ย่อมไม่ใช่อยู่แล้ว และบุคคลรอบตัวเขาก็ไม่ใช่เช่นกัน หากเจ้ายังดึงดันที่จะประหารผู้คนเหล่านี้ต่อไป พวกเราก็คงต้องผิดใจกันแล้ว
ถังกู่จินยืนตัวแข็งทื่อ
ทุกคนได้แต่เบิกตาโตด้วยความตกตะลึง