เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80 – เล่มที่ 4 ตอนที่ 100 แสดงความกตัญญูก็ต้องประเดด้วยเงินทอง

เล่มที่ 4 ตอนที่ 100 แสดงความกตัญญูก็ต้องประเดด้วยเงินทอง

        คนหยางเฉิงโปรดปรานการดื่มชายามเช้า [1]

        ในอดีตการดื่มชายามเช้าคือการที่เหล่าคนอายุมากหิ้วกรงนกและดื่มชารับประทานติ่มซำพลางอวดโอ้นกสุดแสนรักที่ตนนำมาด้วย

ปัจจุบันมีคนเลี้ยงนกไม่มาก แต่ความเคยชินในการดื่มชายามเช้ายังคงรักษาไว้

ทว่าวันทำงานมีคนหนุ่มสาวมาดื่มชายามเช้าน้อย ดังนั้นเซี่ยเสี่ยวหลานจึงค่อนข้างสะดุดตา

เธอสั่งชาและติ่มซำขึ้นชื่อหลายชนิดให้หลิวเฟินได้ลิ้มลองความอร่อย

        หลิวเฟินใช้ชีวิตมานมนานขนาดนี้ ยังไม่เคยรับประทานอาหารในภัตตาคารมาก่อน

        ขนาดตอนนั้นที่เธอแต่งงานกับเซี่ยต้าจวินก็ไม่ได้จัดงานเลี้ยง

เธอจำได้ว่านั่นคือปี 63 สถานะทางการเงินของครอบครัวดำเนินต่อไปไม่ไหวแล้วจริงๆ

หลิวหย่งพี่ชายของเธอกังวลว่าจะเลี้ยงดูน้องสาวสองคนในบ้านไม่ไหว จึงไหวว้านแม่สื่อหาคู่หมายให้แก่หลิวเฟิน

แม่สื่อบอกว่าตระกูลเซี่ยมีบุตรชายสามคน ทั้งหมดล้วนเป็นชายหนุ่มกำยำแข็งแรง

หลิวเฟินออกเรือนไปต้องอิ่มท้องแน่นอน

        เวลานั้นเป็นนารวม ทุกวันต้องทำงานเพื่อชิงแต้มงาน [2] ลูกชายคนโตตระกูลเซี่ยแต่งงานแล้ว ในตระกูลเซี่ยมีแรงงานแข็งขันอยู่ห้าคน

มิใช่ว่าจะใช้ชีวิตสบายกว่าครอบครัวอื่นหรือ? แต่หลิวเฟินจดจำได้ชัดเจน

กินอิ่มท้องที่ว่า แค่ได้รับประทานบะหมี่สองวันก่อนวันแต่งงานเท่านั้น วันที่สามก็เปลี่ยนเป็นเมี่ยนเพี่ยนทัง [3] และข้าวต้มมันเทศ

        ออกเรือนแล้วต้องย้ายจากหมู่บ้านชีจิ่งไปหมู่บ้านต้าเหอ

        เซี่ยเสี่ยวหลานเกิดมาเป็นเด็กผู้หญิง ย่าเซี่ยไม่พอใจ

เซี่ยต้าจวินก็ผิดหวัง ยิ่งไม่มีใครฉลองอายุครบหนึ่งเดือนให้

        ช่วงอยู่ไฟไม่รู้หลิวหย่งไปเอาไก่หนึ่งตัวจากไหนส่งมาให้

หลิวเฟินได้รับปีกไก่สองชิ้น ส่วนอื่นแบ่งลงท้องของใครไปแล้ว

จนถึงทุกวันนี้หลิวเฟินยังไม่รู้ด้วยซ้ำ

อยู่ตระกูลเซี่ยเธอไม่เคยได้รับประทานอาหารที่เป็นชิ้นเป็นอันอะไรเลย

หญิงชราเซี่ยบริหารครอบครัว ถึงมีของดีเล็กๆ น้อยๆ

ก็จะไม่แบ่งให้ลูกสะใภ้ผู้ไม่สามารถให้กำเนิดลูกชายคนนี้รับประทาน

        พูดแล้วเหมือนเสียดสี

อาหารหรูหรามื้อหนึ่งที่หลิวเฟินได้รับประทานก็คือครั้งที่เธอหย่ากับเซี่ยต้าจวิน

หลิวหย่งปีติยินดี และเชิญชวนชาวบ้านมารับประทานอาหารไม่กี่โต๊ะ…

อาหารหลายอย่างที่หลี่เฟิ่งเหมยทำ หลิวเฟินยังคงจำได้แจ่มแจ้ง นั่นเป็นแค่งานเลี้ยงที่คนชนบทจัดกันเอง

การดื่มน้ำชาในห้องอาหารอย่างวันนี้ทำให้หลิวเฟินนั่งไม่ติด

        ทั้งรับประทานบะหมี่ในเขตอันชิ่งและซุปเนื้อลาในซางตูล้วนเป็นแผงลอยกับร้านอาหารเล็กๆ

        ห้องอาหารที่เซี่ยเสี่ยวหลานพาเธอมาโอ่โถงเหลือเกิน

หลิวเฟินกลัวโดนคนหัวเราะเยาะ…

เธอยิ่งรู้สึกยินดีว่าก่อนออกมาตอนเช้าเลือกสวมใส่เสื้อผ้าชุดใหม่ซึ่งเซี่ยเสี่ยวหลานซื้อให้เมื่อคืนวาน

มิเช่นนั้นวันนี้คงทำให้เซี่ยเสี่ยวหลานขายหน้าคนอื่นแล้ว

        อาหารอันประณีตจัดวางเต็มโต๊ะอย่างว่องไว

         แม่ ลองชิมซาลาเปามันปูนี่ดูสิ 

         นี่ ซี่โครงหมูซีอิ๊ว 

        เซี่ยเสี่ยวหลานค่อยๆ แนะนำ โจ๊กเนื้อวัว ฮะเก๋า ปอเปี๊ยะทอด

ซาลาเปาหมูแดง ทาร์ตไข่กรอบร่วน รังผึ้งเงินทอง [4] … เคียงด้วยเถี่ยกวนอิน [5] หนึ่งกา

ทั้งสองคนสั่งอาหารมากมายขนาดนี้ในปี 83 ถือเป็นแขกผู้ฟุ่มเฟือยยิ่งนัก

        ชายชราสองคนด้านข้างกำลังซุบซิบว่าพวกเธอมีเงิน

พวกเขาคุยกันด้วยภาษาหยางเฉิง หลิวเฟินจึงฟังไม่รู้เรื่อง ทว่าเซี่ยเสี่ยวหลานตอบอย่างไม่หวาดหวั่น

         พาแม่ของฉันมากินของอร่อยเสียหน่อย 

        คนหยางเฉิงไม่ชอบพูดภาษาจีนกลาง ผู้ที่พูดภาษาจีนกลางมีแต่คนต่างถิ่น

และคนต่างถิ่นล้วนยากจน

        เซี่ยเสี่ยวหลานคนต่างถิ่นผู้นี้อวดร่ำอวดรวยอย่างสง่าผ่าเผย

ทำเอาชายชราสองคนไร้ซึ่งคำพูดใดจะเอื้อนเอ่ย คนเขาไม่ใช้กำลังอวดความมั่งคั่ง

แต่เป็นจิตใจเคารพกตัญญูต่อมารดา ลูกชายหลานชายในครอบครัวพวกเขาอาจไม่สามารถจ่ายเงินเพื่อผู้ใหญ่ในบ้านมากมายเช่นนี้ได้

         เยอะไปแล้ว เยอะไปแล้ว… 

        หลิวเฟินพูดมากที่สุดก็คือสามคำนี้ ย้ำซ้ำไปซ้ำมา

        เซี่ยเสี่ยวหลานรับมือเธอได้อย่างมีประสบการณ์มาก บอกเพียงแค่อาหารมาแล้ว

ไม่รับประทานก็คืนเงินไม่ได้ เต็มโต๊ะไปหมด หลิวเฟินจึงไม่พูดพร่ำอีก

ตอนนี้ทุกคนล้วนมีความอยากอาหารมาก ความจริงจะรับประทานไม่หมดได้อย่างไรกัน

แต่เพราะสถานะทางการเงินรับไม่ไหว คนส่วนใหญ่จึงสั่งน้ำชาหนึ่งกากับติ่มซำสักสองอย่าง

สนทนาเพลิดเพลินได้ถึงสองสามชั่วโมง

        เซี่ยเสี่ยวหลานพามารดามาเพื่อรับประทานอาหาร

ไม่มีเรื่องให้สนทนาเพลิดเพลินมากมายขนาดนั้น

        รสชาติอร่อยหรือไม่?

        ย่อมอร่อยอยู่แล้ว

        ร้านที่เธอเลือกเป็นเจ้าดั้งเดิม ทั้งยังเลือกวัตถุดิบได้อย่างประณีต ชาและติ่มซำทุกชนิดล้วนอยู่เหนือมาตรฐานทั่วไป

ร้านดั้งเดิมบางเจ้าในอนาคตกลายเป็นร้านสาขาย่อย ปริมาณลูกค้าหมุนเวียนของทุกวันมีจำนวนมหาศาล

เมื่อเซี่ยเสี่ยวหลานลิ้มลองติ่มซำจึงรู้สึกว่าดาษดื่น

        ตอนนี้น่ะหรือ ยังไม่ถูกแปรเปลี่ยนด้วยกระแสของยุคสมัย

เมื่อมีโอกาสเพลิดเพลินหลายหน ย่อมต้องไขว่คว้าเวลาไว้

        หลิวเฟินฟังภาษาหยางเฉิงไม่เข้าใจ เหล่าแขกน้ำชาซ้ายขวากำลังพึมพำอะไรกันเธอก็ไม่ทราบ

แต่เธอสัมผัสได้ว่าคนเหล่านั้นกำลังอิจฉาเธอ อิจฉาอะไรน่ะหรือ? ก็อิจฉาที่เธอมีลูกสาวแสนดีหนึ่งคน

พอหลิวเฟินตระหนักได้ถึงสิ่งนี้ อาหารในปากยิ่งอร่อยขึ้นไปอีก!

        เธอดันซี่โครงหมูมาตรงหน้าเซี่ยเสี่ยวหลาน

         เสี่ยวหลาน ลูกก็กินสิ 

        หลิวเฟินไม่รู้ว่าการทำซาลาเปามันปูและทาร์ตไข่กรอบร่วนมีความยุ่งยากมากเพียงใด

เธอคิดเพียงว่าเนื้อสัตว์เป็นของดี จึงเก็บซี่โครงไว้ให้เซี่ยเสี่ยวหลานรับประทาน

        เซี่ยเสี่ยวหลานก็ไม่อธิบาย รับจิตใจหวังดีของหลิวเฟินไว้อย่างปลื้มปริ่ม

        ระหว่างที่สองแม่ลูกกำลังรับประทานกันด้วยความรื่นเริงเบิกบาน

ห้องอาหารยังมีห้องส่วนตัวบางส่วนซึ่งถูกกั้นโดยบานประตูฉลุลาย

        ชายวันกลางคนสองคนนั่งตรงนั้น บนโต๊ะมีติ่มซำสองสามจาน ทว่ายังสามารถนั่งห้องส่วนตัวชั้นหนึ่งได้

เมื่อเห็นสหายมองแม่ลูกที่ดื่มน้ำชาอยู่ในโถงใหญ่หลายครั้ง อีกคนหนึ่งก็ทอดถอนใจ

         สองปีมานี้คนต่างถิ่นในหยางเฉิงมีจำนวนเพิ่มขึ้น 

        ชายกลางคนสวมแว่นตาพยักหน้ารับ  ความมั่งคั่งร่ำรวยของหยางเฉิงคือสิ่งที่เมืองในแผ่นดินใหญ่ไม่อาจเทียบเทียม

ยิ่งมีการนำร่องของเขตเศรษฐกิจพิเศษเผิงเฉิงอีก ความเหลื่อมล้ำของหยางเฉิงและเมืองในแผ่นดินใหญ่จะยิ่งมากขึ้น

ไม่กี่ปีข้างหน้า พลเมืองจากแผ่นดินใหญ่จะแห่แหนกันมาที่นี่ 

         นายคิดว่าเขตเศรษฐกิจพิเศษเผิงเฉิงมีหวังมากหรือ? 

        ขณะนี้เขตเศรษฐกิจพิเศษเผิงเฉิงยังอยู่ในระหว่างการก่อตั้ง

ห่างชั้นจากหยางเฉิงที่รุ่งโรจน์ไกลโข เดิมทีที่นั่นเป็นตลาดซึ่งเกิดขึ้นตามวิสัย

ต่อให้เปลี่ยนเป็นเขตพิเศษ จะล้ำหน้าหยางเฉิงได้หรือ?

        หยางเฉิงเต็มไปด้วยอาคารบ้านเรือนสูงใหญ่ทุกหนแห่ง

เปรียบกับปักกิ่งหรือเซี่ยงไฮ้ก็ไม่ด้อยอะไร

        เขตเศรษฐกิจพิเศษเผิงเฉิงสามารถก้าวล้ำหยางเฉิง?

        ชายสวมแว่นไม่ถกเถียงกับสหาย หญิงสาวที่รับประทานติ่มซำอยู่ด้านนอกนั่น

เขาเคยพบบนรถไฟคราวก่อน จากมณฑลอวี้หนาน แต่หมู่บ้านไหนนั้นเขากลับลืมไปแล้ว

ตอนนั้นเธอไม่ได้เอื้อเฟื้อฟู่ฟ่าเช่นนี้ แค่เวลาหนึ่งเดือนสั้นๆ

ดูเหมือนเธอจะขุดทองคำถังแรกได้จากหยางเฉิงแล้ว

        พลเมืองแผ่นดินใหญ่ที่มาขุดทองเหมือนเธอมีแต่จะเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ

        เขตพิเศษจะก่อสร้างก็ต้องการแรงงานร่วมจำนวนมหาศาล

จะจัดการประชากรภายนอกอย่างไร จาก ‘เป้ยจือเจี่ยว [6]

‘ ของอ่าวต้าเผิงทางตะวันออก จนกระทั่งถึง ‘หมู่บ้านอันเล่อ’ บริเวณปากแม่น้ำจู ‘แนวป้องกันรอง’ ความยาวรวม 86 กิโลเมตรสามารถป้องกันทุนนิยมที่แทรกซึมเข้าสู่แผ่นดินใหญ่ได้จริงหรือ?

        ช่วงเดือนเมษายนปีกลาย รั้วตะแกรงเหล็กสูง 2.8 เมตรก็ริเริ่มดำเนินการก่อสร้างแล้ว

ตราบจนวันนี้ยังคงอยู่ในระหว่างการสร้าง

        แค่ตะแกรงเหล็ก จะสามารถป้องกันการแทรกซึมของทุนนิยม?

        ความปรารถนาตามวิสัยของมนุษย์ต่อชีวิตที่ดี

มิใช่สิ่งที่รั้วตะแกรงเหล็กจะสกัดกั้นได้

การล้อมเขตเศรษฐกิจพิเศษเผิงเฉิงไว้อาจไม่เกิดประโยชน์ใดๆ ขึ้น

        ชายวัยกลางคนไม่มีความคิดจะรำลึกความหลังกับเซี่ยเสี่ยวหลาน

        หาเวลาว่างดื่มชายามเช้าได้สักหน

โดยปกติชีวิตของเขากับหญิงสาวชนบทเช่นเซี่ยเสี่ยวหลานนั้นไม่มีทางวนมาเจอกันอีก

แม้ทั้งสองจะถูกกำหนดให้เคยนั่งรถไฟขบวนเดียวกัน พักในตู้นอนเดียวกัน

เวลานี้ก็ได้พานพบกันอีกครั้งในห้องอาหารของหยางเฉิง…

นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาจะต้องคบค้าสมาคมอะไรกับเซี่ยเสี่ยวหลาน

        โอ้ เขาจำได้ว่าเซี่ยเสี่ยวหลานมีไหวพริบทีเดียว

        ไม่เพียงแต่ฉลาดเฉลียว ดูแล้วยังกตัญญูอีกด้วย

        ส่วนหลิวเฟินเขานั้นกวาดสายตาผ่านไปเลย

นั่นก็เป็นหญิงชนบทผู้ธรรมดาสามัญกว่านี้ไม่มีอีกแล้วในปัจจุบัน

        เซี่ยเสี่ยวหลานไม่รู้เลยว่าตนเองคลาดกับชายวัยกลางคนที่ได้พบโดยบังเอิญบนรถไฟ

        เธอพาหลิวเฟินเที่ยวเล่นในหยางเฉิงทั้งวัน ไม่จำกัดแค่ใกล้เคียงสถานีรถไฟ

สภาพเศรษฐกิจของหยางเฉิงเจริญรุ่งเรืองกว่าซางตู

รวมทั้งปีนี้เพิ่งสร้างโรงแรมหยางเฉิงไป๋เทียนเอ๋อเสร็จสิ้น มันมีอีกชื่อคือ ’32 ชั้น’ ตั้งอยู่ ณ เกาะซาเมี่ยน

ใกล้ทะเลสาบไป๋เอ๋อซึ่งเป็นทะเลสาบที่แม่น้ำสามสายไหลมาบรรจบกัน… หลิวเฟินไม่เคยพบอาคารสูง 32 ชั้นมาก่อน

        เซี่ยเสี่ยวหลานเคยกล่าวว่าอีกสักสองปีมาหยางเฉิงอีกรอบ

มุ่งมั่นมีฐานะพอจะพาหลิวเฟินไปพักที่โรงแรมไป๋เทียนเอ๋อ ชื่นชมสามแม่น้ำ

ทิวทัศน์ชวนลุ่มหลง

        หลิวเฟินสวดอามิตตาพุทธอยู่ในใจ เธอจะมีความสุขกับของแบบนี้ได้อย่างไร? ไม่กล้าคิด ไม่กล้าจินตนาการ

        ถึงเวลาบ่าย เซี่ยเสี่ยวหลานมายังแผงค้าส่งตามสัญญา

เถ้าแก่คนนั้นหาเสื้อกันหนาวมาได้จริงๆ เทียบกับท่าทางที่เขาสะบัดเสื้อผ้าอื่นออกมาจากถุงกระสอบแล้ว

เสื้อกันหนาวที่เขาถืออยู่เรียกได้ว่าบางเบาและอ่อนนุ่ม

        เสื้อกันหนาวพวกนี้เกินความคาดหมายของเซี่ยเสี่ยวหลานยิ่งนัก  เสื้อกันลม?! 

 

 

เชิงอรรถ

[1]早茶 ชายามเช้า คือ วัฒนธรรมการรับประทานอาหารประเภทหนึ่ง

นิยมแพร่หลายในตอนใต้ของประเทศจีน

โดยเป็นการดื่มชาพร้อมรับประทานติ่มซำและพูดคุยเรื่อยเปื่อย

เวลาในการดื่มชายามเช้ามักจะอยู่ระหว่างหลังมื้อเช้าและก่อนมื้อเที่ยง

[2]工分 แต้มงาน คือ หน่วยของค่าแรง ใช้ในยุคก่อนจะแบ่งสรรที่ดินไปยังครัวเรือน

เนื่องจากผู้คนทำนารวม ทุกวันจึงออกไปทำงานเพื่อให้ได้มาซึ่งแต้มงาน

เมื่อถึงสิ้นปี ก็จะนับแต้มงานจากจำนวนวันที่ทำงาน และจ่ายเป็นค่าแรงพ

[3]面片汤 เมี่ยนเพี่ยนทัง คือ อาหารชนิดหนึ่งทำจากแป้งและผักเป็นหลัก

โดยตัวแป้งจะขึ้นรูปเส้นเป็นแผ่น มีลักษณะคล้ายคลึงกับราดหน้า

[4]金钱肚 รังผึ้งเงินทอง คือ อาหารชนิดหนึ่งทำจากกระเพาะที่สองของวัวนำไปตุ๋นพะโล้

เนื่องจากมีลักษณะคล้ายรังผึ้ง ในภาษาจีนจึงมีการเรียกว่า กระเพาะรังผึ้ง 

[5]铁观音 เถี่ยกวนอิน คือ ชาชนิดหนึ่ง อยู่ในกลุ่มชาอู่หลง หมักอ่อน กลิ่นหอมเย็น

มีต้นกำเนิดจากมณฑลฝูเจี้ยน เป็นหนึ่งในสิบยอดชาของจีน  

[6]背仔角 เป้ยจือเจี่ยว คือ ชื่อชายหาดในเซินเจิ้น

 

 

เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80

เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80

เธอคือประธานเซี่ย หญิงผู้แข็งแกร่ง และยังเกิดใหม่เป็น เซี่ยเสี่ยวหลาน หญิงสาวชื่อแซ่เดียวกับเธอที่ฆ่าตัวตายท่ามกลางคำนินทาในยุค 80 เธอมีโอกาสได้เกิดใหม่อีกครั้ง ทำไมต้องมาอยู่อย่างอดสูแบบนี้ด้วยเล่า?!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท