เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80 – เล่มที่ 4 ตอนที่ 94 ตะลึงงัน กับดักไม่ได้ผล

เล่มที่ 4 ตอนที่ 94 ตะลึงงัน กับดักไม่ได้ผล

จางชุ่ยต้องการหยิบยืมความสัมพันธ์กับอาจารย์ใหญ่ซุนในการไล่เซี่ยเสี่ยวหลานออก

แต่เธอไม่มีทางกล่าวออกไปโดยตรง.

ที่เซี่ยหงเซี๋ยไปว่าร้ายเซี่ยเสี่ยวหลาน

ทำไมผู้บริหารโรงเรียนและยามหน้าประตูนั่นถึงดูแคลนเธอล่ะ? ก็เพราะว่าเด็กสาวเซี่ยหงเซี๋ยคนนี้โง่งม

ครอบครัวเดียวกันไม่ว่าอย่างไรก็ควรสมัครสมานกลมเกลียว ทุกคนล้วนมีแนวคิดเช่นนี้ ทว่าเซี่ยหงเซี๋ยกลับนินทาว่าร้ายเซี่ยเสี่ยวหลานต่อหน้าผู้อื่น

พวกเขาย่อมคิดว่าลูกพี่ลูกน้องอย่างเธอกำลังริษยา และความริษยานั้นน่ารังเกียจ จึงไม่มีใครชื่นชอบเซี่ยหงเซี๋ยลง

จางชุ่ยได้กระทำในสิ่งตรงข้าม นางเข้าทางอาจารย์ใหญ่ซุน

ทว่าไม่ใช่การขอร้องอาจารย์ใหญ่ให้ไล่เซี่ยเสี่ยวหลานออก

แต่อาศัยสถานะของป้าสะใภ้ผู้เป็นกังวลและห่วงใยคนหนึ่ง ไหว้วานอาจารย์ใหญ่ซุน ‘ดูแล’ เซี่ยเสี่ยวหลานให้มาก

ทำไมเซี่ยเสี่ยวหลานถึงต้องการการ ‘ดูแล’ เล่า จางชุ่ยยืมปากของเซี่ยหงเซี๋ยเล่าออกไป ก่อนหน้านี้เด็กสาวคนนั้นมีพฤติกรรมฉาวโฉ่

ไม่ใช่พวกตั้งใจศึกษาเล่าเรียนด้วยซ้ำ หากเธอยังอยู่ในเซี่ยนอีจงรังแต่จะทำลายระเบียบปฏิบัติ

แต่ก่อนจางชุ่ยไม่มีระบบความคิดสลับซับซ้อนเช่นนี้ ทว่าเซี่ยจื่ออวี้เรียนหนังสือมามาก

จึงสอนวิธีในการรับมือเรื่องต่างๆ ให้กับเธอ

วิธีการเช่นนี้มีประโยชน์หรือไม่?

แน่นอนว่ามีประโยชน์ยิ่งนัก!

เซี่ยจื่ออวี้กลายเป็นผู้ได้รับการพะเน้าพะนอที่สุดในครอบครัว หรือ ‘จางจี้อาหารว่าง’ สามารถริเริ่มกิจการได้อย่างราบรื่น

ก็เพราะพึ่งพาวิธีการแบบนี้นี่เอง บางครั้งอย่ารีบร้อนเพื่อได้ในสิ่งที่ต้องการ

ต้องเรียนรู้การให้ก่อน มอบความประทับใจอันดีแก่บุคคลรอบกาย บางทีอาจจะใช้ประโยชน์ในภายภาคหน้าก็ได้

 ป้าสะใภ้ ทำไมป้าไม่ขอให้คุณน้าอู๋ไล่คนสำส่อนนั่นออกไปเสียเลยเล่า! 

เซี่ยหงเซี๋ยไม่เข้าใจระดับความคุ้นเคยของจางชุ่ยและภรรยาอาจารย์ใหญ่ ทว่าจางชุ่ยต้องการให้เธอร่วมมืออยู่ใกล้ชิด

ถึงบอกเซี่ยหงเซี๋ยว่านั่นคือภรรยาของอาจารย์ใหญ่ซุนแห่งเซี่ยนอีจง

ภรรยาอาจารย์ใหญ่มารับประทานอาหารว่างทั้งที

เซี่ยหงเซี๋ยตื่นเต้นเสียแทบทนไม่ไหว

หากเธอประจบภรรยาอาจารย์ใหญ่ซุนได้ มิใช่ว่าสามารถทำให้อีกฝ่ายช่วยแนะนำว่าที่นักศึกษามหาวิทยาลัยให้เธอสักคนหรือ?`

จางชุ่ยอดกลั้นความไม่พอใจต่อเซี่ยหงเซี๋ยไว้  ป้าไม่ได้พูดว่าจะขับไล่ไสส่งเสี่ยวหลานเสียหน่อย

แม้เสี่ยวหลานจะไม่เชื่อฟัง แต่ป้าเป็นผู้ใหญ่ยังคิดเล็กคิดน้อยกับเธอได้หรือ? ป้าทำได้แค่หวังว่าเธอจะได้ดี แต่หลานว่าเธอจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยอะไรได้

ไม่มาโรงเรียนตั้งหลายวันเช่นนี้  

ทำตัวเช่นนี้ยังอยากสอบติดมหาวิทยาลัยอีกหรือ?

จางชุ่ยมิใช่ไม่เคยเห็นเซี่ยจื่ออวี้เตรียมตัวสอบ

ทุกวันคือการอ่านหนังสือและทำแบบฝึกหัด

นอกจากแสดงความคิดในการบริหารแผงอาหารว่างแทนเธอแล้ว เซี่ยจื่ออวี้ไม่สนใจสิ่งอื่นสิ่งใดทั้งนั้น

แม้แต่ปิดภาคเรียนอยู่ในชนบท เซี่ยจื่ออวี้ก็ไม่เคยทำงานเลยสักนิดเดียว

จางชุ่ยได้รู้มาว่าปกติเซี่ยเสี่ยวหลานไม่อาศัย [1] ที่เซี่ยนอีจง จึงคิดว่าเธอกำลังรนหาปัญหาใส่ตัว สอบเข้ามหาวิทยาลัยหรือ? ต้องมีจุดประสงค์อื่นแน่นอน

อย่างไรเสียจางชุ่ยก็ต้องการทำลายแผนของเซี่ยเสี่ยวหลานจนย่อยยับอยู่ดี

เซี่ยเสี่ยวหลานเข้าใกล้เซี่ยนอีจง จางชุ่ยก็จะทำให้เธออยู่ต่อไปอีกไม่ได้

เธอเตรียมพร้อมจัดการเรื่องนี้ให้สำเร็จเรียบร้อยก่อนค่อยโอ้อวดความดีที่เธอได้กระทำแก่ลูกสาว

มองเซี่ยหงเซี๋ยผู้โง่เขลาแล้ว จางชุ่ยแสยะยิ้มมุมปาก

 ครั้งที่แล้วหลานบอกว่าเห็นเสี่ยวหลานมีชีวิตไม่เลว

ท่าทางลุงเธอจะดีต่อเธอเสียจริงๆ ลุงรองของหลานก็คงสบายใจได้แล้ว

อย่าเพิ่งพูดเรื่องเซี่ยเสี่ยวหลานเรียนในเซี่ยนอีจงกับที่บ้านเล่า

มอบความหวังแล้วทำลุงรองผิดหวังอีก

ไม่สู้รอเธอสอบติดมหาวิทยาลัยจริงค่อยปล่อยให้ลุงรองตื้นตันยินดีเสียจะดีกว่า! 

เซี่ยหงเซี๋ยไม่เห็นด้วย แม้ว่าเซี่ยเสี่ยวหลานจะสามารถสอบติดมหาวิทยาลัยแล้วอย่างไร?

ลุงรองถูกลิขิตไม่ให้ได้ยินข่าวดีนั่นแล้ว

แต่เซี่ยหงเซี๋ยก็มีแผนการของตนเอง

ตอนนี้คนตระกูลเซี่ยชิงชังเซี่ยเสี่ยวหลานมาก หากได้รู้ว่าเธอเรียนในเซี่ยนอีจงเพื่อเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัย

พวกเขาจะเปลี่ยนแปลงทัศนคติที่มีต่อเธอหรือไม่?

นึกถึงตอนนั้นที่พี่จื่ออวี้มีผลการเรียนดี คุณย่าเซี่ยจึงโปรดปรานเหลือเกิน

คนในบ้านล้วนแต่คอยประคบประหงม

ค่าตอบแทนที่พี่จื่ออวี้ได้รับ

เซี่ยเสี่ยวหลานไร้ซึ่งคุณสมบัติจะได้รับอย่างเด็ดขาด!

ทั้งจางชุ่ยและเซี่ยหงเซี๋ยต่างมีความคิดของตนเองอยู่ในใจ ทว่ามีจุดหนึ่งที่เหมือนกัน

พวกเธอไม่หวังให้เซี่ยเสี่ยวหลานสอบติดมหาวิทยาลัย

จางชุ่ยกระทำโดยไม่สำนึกต่อความผิดบาป ทว่าเซี่ยหงเซี๋ยนั้นทำไปเพราะความริษยาเกลียดชัง

—————————————–

ก่อนนอน ภรรยาอาจารย์ใหญ่ซุนได้ระบายต่อเขา

ความประทับใจต่อเซี่ยเสี่ยวหลานนั้นย่ำแย่ยิ่งนัก

เมื่อได้ทราบว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องของเซี่ยจื่ออวี้

คิดว่าเพิ่งสอบเข้าเซี่ยนอีจงเสียอีก ที่ไหนได้พอถามไถ่เรื่อง ‘เซี่ยเสี่ยวหลาน’ ถึงพบว่าเธอคือนักเรียนระหว่างภาคเรียนประจำชั้นเตรียมจบการศึกษา

 สอบเข้าเรียนระหว่างภาคเรียนได้ 446 คะแนน

อีกทั้งยังเป็นข้อสอบชุดเดียวกับข้อสอบจำลองของพวกเรา 

 เป็นเด็กสาวที่ลำบากทีเดียว พ่อแม่หย่ากันแล้ว ใช้ชีวิตกับลุง ทั้งต้องเรียนหนังสือและคอยเลี้ยงดูครอบครัว

ปกติก็มาโรงเรียนทุกวันไม่ได้ !

 ครูใหญ่ซุน ผมแนะนำว่าให้โรงเรียนออกเงินอุดหนุนเธอสักหน่อย

เพื่อนักเรียนเซี่ยเสี่ยวหลานจะได้จดจ่อกับการเรียนมากขึ้น

ปีหน้าสอบเข้าปริญญาตรีของมหาวิทยาลัยชั้นนำสักแห่งจะได้ไม่มีปัญหา! 

อาจารย์ใหญ่ซุนทึกทักไปเองว่าตนจะได้ยินคำร้องเรียนเกี่ยวกับนักเรียนที่ไม่ดี

ใครจะรู้ว่าเหล่าวังและอาจารย์ฉีประจำมัธยมปลายปีสามกลับชมเชยเซี่ยเสี่ยวหลานเป็นเสียงเดียวกัน

 ไร้สาระ เรียนหนังสือยังจะสามวันจับปลาสองวันตากแหอีก [2]  

อาจารย์ใหญ่ซุนโมโห

เนื่องจากขุ่นเคืองที่เซี่ยเสี่ยวหลานไม่รู้จักหวงแหนพรสวรรค์ในการเล่าเรียนของตน

ไม่มาโรงเรียนยังสามารถสอบได้สี่ร้อยกว่าคะแนน

ถ้าตั้งใจเรียนจะสอบได้เท่าไรกัน?

อาจารย์ใหญ่ซุนถึงกับลืมเป้าหมายดั้งเดิมของตนเองไปแล้ว เขาพลิกดูกระดาษคำตอบทั้งหมดที่เซี่ยเสี่ยวหลานทำหนึ่งรอบ

คิดว่าพวกเหล่าวังทำอะไรซี้ซั้ว

ดันตกลงให้เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ต้องมาโรงเรียนตามปกติเสียได้

เหล่าวังจนปัญญา  ปกติคะแนนสอบย่อยของเธอมั่นคงทีเดียว

สอบจำลองเมื่อไม่กี่วันก่อนเธอยังได้ทำคะแนนเพิ่มขึ้น 30 คะแนนอีกด้วย ถ้าไม่ยอมรับเงื่อนไขของเธอ เธอก็จะย้ายไปเซี่ยนเอ้อร์จงแทน 

ก่อนเซี่ยเสี่ยวหลานจะไปหยางเฉิงรอบที่สอง

ได้มาโรงเรียนเพื่อเข้าร่วมการสอบจำลองกลาง

เธอยังคงทำข้อสอบได้รวดเร็วเหมือนเดิม ข้อที่ทำไม่ได้จะว่างเว้น

ข้อที่ทำได้ก็คว้าคะแนนไป ข้อสอบเจ็ดวิชาเสร็จสิ้นภายในไม่กี่ชั่วโมง

เมื่อผลการสอบออกมา มากกว่าคะแนนสอบเข้าเรียนครั้งแรก 30 คะแนน เซี่ยเสี่ยวหลานร่วมสอบเข้าเรียนทั้งหมดสองครั้ง ครั้งแรกได้ 446 คะแนน ครั้งที่สอง 457 คะแนน

สอบจำลองหนนี้คะแนนของเธอสุดยอดแล้ว ได้ 478 คะแนน

เขี่ยนักเรียนซ้ำชั้นและนักเรียนผู้จบการศึกษาของปีนี้ตกไปจำนวนมาก

กลายเป็นสิบอันดับแรกของชั้นปี

สิบอันดับแรกของชั้นปีแล้วอย่างไร ที่เหล่าวังให้ความสำคัญเช่นนี้

เพราะว่าความเร็วในการก้าวหน้าของเซี่ยเสี่ยวหลานนั้นน่าตกใจยิ่งนัก

เมื่อดีขึ้นเรื่อยๆ ทุกครั้งเช่นนี้ พอถึงเวลาสอบเกาเข่า

เซี่ยเสี่ยวหลานจะสอบได้คะแนนมากเท่าไร?

 ไม่ได้ทุจริตนะ? 

อาจารย์ใหญ่ซุนกึ่งเชื่อกึ่งสงสัย

เหล่าวังหัวเราะร่วน  เสี่ยวซุนเป็นผู้คุมตอนสอบเข้าเรียน

สหายหนุ่มสาวทำงานได้น่าไว้วางใจนัก 

ความกังขาของอาจารย์ใหญ่ซุนหายวับไปในบัดดล

เสี่ยวซุนอาจารย์สาวคนใหม่ประจำเซี่ยนอีจงคือหลานสาวโดยสายเลือดของอาจารย์ใหญ่ซุน

มีคนรู้เรื่องนี้ไม่มาก ปกติอาจารย์ใหญ่ซุนไม่เคยเปิดเผยความสัมพันธ์ของทั้งสอง

เหล่าวังถือว่าเป็นวงในคนหนึ่ง

เสี่ยวซุนคุมสอบไม่มีทางทุจริตแน่นอน อาจารย์ใหญ่ซุนตบโต๊ะไปหนึ่งหน

 ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องเก็บเธอไว้ ย้ายไปเรียนเซี่ยนเอ้อร์จงหรือ? เอ้อร์จงสอนได้แต่พวกลูกอ่อนเท่านั้น! 

เมื่ออาจารย์ใหญ่ซุนอารมณ์พลุ่งพล่าน

แม้แต่ภาษาถิ่นของมณฑลอวี้หนานยังถูกสบถออกมา ‘ลูกอ่อน’ หมายความว่าคนโง่ อาจารย์ใหญ่ซุนดูถูกเซี่ยนเอ้อร์จงยิ่งนัก เขายกย่องว่าตนว่าเป็นปัญญาชนคนหนึ่ง

พอเลือดขึ้นหน้าก็ไม่สนใจภาพลักษณ์เสียแล้ว เหล่าวังถามด้วยความแปลกใจ  ทำไมคุณถึงนึกถามเรื่องของเซี่ยเสี่ยวหลานขึ้นมาเล่า? 

อาจารย์ใหญ่ซุนกระอักกระอ่วนไม่น้อย

ไม่อยากบอกว่าตนเองตีตนไปก่อนไข้เพราะของฝากที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายชนบทของตระกูลเซี่ย

อย่างไรบ้านเซี่ยมอบของฝากให้ก็ไม่ใช่เพื่อไหว้วานให้อาจารย์ใหญ่ซุนไล่เซี่ยเสี่ยวหลานออกเสียหน่อย

ต้องการดูแลเซี่ยเสี่ยวหลานจริงๆ หรือ?

อาจารย์ใหญ่ซุนได้ถามไถ่ว่าขณะที่เซี่ยเสี่ยวหลานอยู่โรงเรียนได้มีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนนักเรียนอย่างไรอีกด้วย

อาจารย์ฉีชิงตอบทันที  เธอมาโรงเรียนเพื่อสอบกับถามเรื่องเรียนเท่านั้น

มีเวลาคลุกคลีกับเพื่อนนักเรียนที่ไหน

ฐานะครอบครัวของนักเรียนเสี่ยวหลานคนนี้ขัดสน เรียนหนังสือยากเย็นนัก… 

อาจารย์ใหญ่ซุนนึกว่าเซี่ยเสี่ยวหลานเหมือนจะมีปัญหาด้านพฤติกรรม

อาจารย์ฉีไม่พอใจอย่างมาก มีการสอบเมื่อไรเซี่ยเสี่ยวหลานถึงมา สอบเสร็จก็ไป

เพื่อนร่วมชั้นชายที่สนิทที่สุดมีแค่เฉินชิ่ง หากจะบอกว่าสองคนคบหาดูใจกัน ทว่าผลการเรียนของเฉินชิ่งไม่ได้ถดถอย

อีกทั้งวิชาภาษาอังกฤษยังพัฒนาขึ้นสิบกว่าคะแนนด้วยซ้ำ

จนได้ เป็นอีกคนที่เข้าข้างเซี่ยเสี่ยวหลานแล้ว

—————————————–

ภรรยาอาจารย์ใหญ่ไปยังร้านจางจี้อาหารว่างอีกครั้ง

เปิดเผยสถานการณ์ในโรงเรียนของเซี่ยเสี่ยวหลานแก่จางชุ่ย

 หลานสาวคุณอยู่ที่โรงเรียนมีผลการเรียนดี จิตใจจดจ่อกับการเรียน

พวกคุณครูโปรดปรานกันทั้งนั้น ตอนนี้คุณก็วางใจได้! 

ภรรยาอาจารย์ใหญ่ยังแสดงความยินดีต่อจางชุ่ยด้วย

จากคะแนนของเซี่ยเสี่ยวหลาน ปีหน้าตระกูลเซี่ยจะมีนักศึกษามหาวิทยาลัยอีกคนหนึ่ง

รอยยิ้มบนใบหน้าของจางชุ่ยแขวนไว้แทบไม่อยู่ รีบปกปิดความพิศวงของตน

เซี่ยหงเซี๋ยกลับโพล่งออกมาโดยไม่รู้ตัว

 เป็นไปได้อย่างไร? เธอ… 

ภรรยาอาจารย์ใหญ่เหลือบมองเซี่ยหงเซี๋ยแวบเดียวด้วยสายตาเย็นชา

อย่างจางชุ่ยยังพอบอกว่าเป็นห่วงได้ ทว่าเซี่ยหงเซี๋ยนั้นคงต้องการกวนน้ำให้ขุ่น

 ทำไมจะไม่ได้

ฉันว่าผู้หญิงบ้านเซี่ยมีพรสวรรค์ในการเรียนหนังสือกันทีเดียว 

แรกเริ่มมีเซี่ยจื่ออวี้ ต่อมามีเซี่ยเสี่ยวหลานในปัจจุบัน

ส่วนพวกไม่เอาอ่าวตรงหน้าคนนี้ ซุกอยู่ในร้านอาหารว่างทำงานกระจุกกระจิก ยังจะริษยาพี่สาวผู้มุมานะในความก้าวหน้าอีก

เซี่ยหงเซี๋ยตื่นตระหนกจนเสียอาการ เธอมองหาการสนับสนุนของป้าสะใภ้

ทว่าจางชุ่ยหลบหลีกจากสายตาของเธอไปเสียแล้ว

  

เชิงอรรถ

[1]住校 อาศัยในโรงเรียน หมายถึง การอยู่อาศัยในหอพักของโรงเรียน

ทำทุกกิจกรรมในนั้น ซึ่งทางโรงเรียนไม่ได้บังคับว่าต้องอยู่เหมือนโรงเรียนประจำพ

[2]三天打鱼两天晒网 สามวันจับปลาสองวันตากแห หมายถึง ทำอะไรหยิบหย่ง

ไม่ต่อเนื่องเป็นชิ้นเป็นอัน

  

 

เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80

เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80

เธอคือประธานเซี่ย หญิงผู้แข็งแกร่ง และยังเกิดใหม่เป็น เซี่ยเสี่ยวหลาน หญิงสาวชื่อแซ่เดียวกับเธอที่ฆ่าตัวตายท่ามกลางคำนินทาในยุค 80 เธอมีโอกาสได้เกิดใหม่อีกครั้ง ทำไมต้องมาอยู่อย่างอดสูแบบนี้ด้วยเล่า?!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท