เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80 – เล่มที่ 4 ตอนที่ 106 เสื้อนอกไคซือหมี่?

เล่มที่ 4 ตอนที่ 106 เสื้อนอกไคซือหมี่?

เล่มที่ 4 ตอนที่ 106 เสื้อนอกไคซือหมี่?

        ในขณะที่นักเรียนเตรียมสอบของเซี่ยนอีจงกำลังทำข้อสอบที่เซี่ยเสี่ยวหลานซื้อมากันอย่างหน้าดำคร่ำเครียด

ตัวเธอก็ได้ก้าวขึ้นรถไฟลงใต้แล้ว

        สภาพอากาศเลวร้าย หลิวเฟินจึงหยุดขายกากน้ำมันชั่วคราวด้วยคำขอร้องที่เด็ดขาดของเซี่ยเสี่ยวหลาน

        ทว่างานของย่าอวี๋ไม่สามารถหยุดพักได้

ขณะล้มป่วยนอนโรงพยาบาลก็ได้คนอื่นเข้างานแทนอยู่หลายวัน ดังนั้นเมื่อเธอออกจากโรงพยาบาลจึงคว้าไม้กวาดมาทำงานรักษาความสะอาดอีกครั้ง

คุณหมอได้กำชับว่าผู้ป่วยเบาหวานจะรู้สึกเหนื่อยเกินไปไม่ได้

หญิงชราคนหนึ่งยังจะออกไปกวาดถนนในวันอากาศหนาวเหน็บ หลิวเฟินรู้สึกลำบากใจยิ่งนัก

        เธอออกจากบ้านล่วงหน้าและทำความสะอาดถนนส่วนที่ย่าอวี๋รับผิดชอบแล้ว

ดังนั้นย่าอวี๋จึงไม่มีงานเหลือให้ทำอีก

        ถือไม้กวาดออกไปวนหนึ่งรอบ ย่าอวี๋ก็ปะกับหลิวเฟินที่ไม่ทันหลบหนีจากจุดเกิดเหตุพอดี

ย่าอวี๋ไม่แลเธอ คนคนนี้เหมือนไม่รู้จักการขอบคุณคนอื่นเสียเลย… วันต่อมา

อากาศยังคงไม่ดีขึ้น หลิวเฟินช่วยย่าอวี๋กวาดถนนดั่งเดิม และเพราะนิสัยวัวแก่ถึกทนของเธอนี้เองจึงสามารถสร้างปฏิสัมพันธ์กับย่าอวี๋ได้

แม้ย่าอวี๋จะมีนิสัยไม่น่าคบ แต่ถึงอย่างไรก็มีความแตกต่างกับแม่เฒ่าเซี่ยผู้เอาแต่เอะอะด่าทอคน

        หากหญิงชราเซี่ยไม่ข่มเหงเซี่ยเสี่ยวหลานอย่างร้ายกาจ แม้จะเป็นแม่สามีสารพัดพิษเช่นนั้นหลิวเฟินก็ยังอดทนต่อไปไหว

        ย่าอวี๋แค่รักษาระยะห่างกับผู้คน มีอะไรที่หลิวเฟินรับไม่ได้?

        เหล่าเพื่อนบ้านที่สังเกตเห็นเรื่องราว

ย่อมวิพากษ์วิจารณ์อย่างเลี่ยงไม่ได้ พอย่าอวี๋เข้าโรงพยาบาลครั้งนี้

โรคเบาหวานของเธอก็ปกปิดไว้ไม่อยู่แล้ว เธอทำบ้านคนใกล้เรือนเคียงขุ่นเคืองครบทุกหลังคา

ทุกคนล้วนรอคอยว่าหญิงชราจะโชคร้ายเมื่อไรเท่านั้น หนึ่งคนครองบ้านจำนวน 5 ห้อง บ้านคนอื่นกลับอาศัยกันไม่พอ ใครบ้างจะชอบย่าอวี๋ได้?

        ที่ไหนได้อยู่ดีๆ มีญาติห่างไกลโผล่มาอีก!

        เซี่ยเสี่ยวหลานและมารดาย้ายเข้าบ้านอวี๋ ไม่รู้เลยว่าเป็นสาเหตุก่อให้เกิดการถกเถียงมากเท่าใด

        นิสัยใจคอของหลิวเฟินกับเซี่ยเสี่ยวหลานไม่น่ารำคาญ

ต่างจากย่าอวี๋โดยสิ้นเชิง ถึงขนาดมีคนคิดว่าย่าอวี๋โชคดีเหลือเกิน

ทำคนอื่นขุ่นเคืองกันจนหมดแต่ยังมีญาติห่างๆ มาดูแล—

         อยากได้บ้านเธอสินะ? 

         บ้านอวี๋ก็ไม่มีใคร พอย่าอวี๋แกจากไป บ้านต้องถูกเรียกคืนอยู่แล้ว 

         แม้แต่ลมตดยังไม่ได้ ดูแลเสียเปล่าจริงๆ ! 

         แต่สองแม่ลูกนั่นก็อัธยาศัยดีเชียว อยู่กับย่าอวี๋ได้ด้วย 

         ได้ยินว่าแกไม่ไหว เลยถูกสองแม่ลูกพาไปส่งโรงพยาบาล… 

        บทสนทนาเหล่านี้มิได้หลบหลีกย่าอวี๋พ้น

        หลังจากเธอได้ยินก็เงียบงัน ใช้แรงเหยียดยืดหลังอันผ่ายผอมให้ตรงอีกครั้ง

เธอไม่อาจล้มเหลว และตายไม่ได้เช่นกัน หากเธอตายแล้วคนอื่นๆ ในตระกูลอวี๋ก็คงจะหาบ้านไม่เจอ

เซี่ยเสี่ยวหลานเป็นคนเฉลียวฉลาด ย่าอวี๋สามารถรักษาระยะห่างที่เหมาะสมกับเธอ ทว่ากับคนซื่อบื้อที่ทำแต่งานไม่รู้จักพูดจาประจ๋อประแจ๋อย่างหลิวเฟินนี้

ย่าอวี๋รู้สึกว่ารับมือได้ยาก

        หลิวเฟินจะกระทำสิ่งเหล่านี้ เหมือนกับที่คนพวกนั้นพูดหรือไม่

ต้องการบ้านของเธอ?

        อันที่จริงพวกเธอไม่ได้มีความสัมพันธ์เครือญาติแม้แต่น้อย ต่อให้เธอตายไป

อย่างไรเสียบ้านก็ไม่มีทางตกเป็นของหลิวเฟินและเซี่ยเสี่ยวหลานอยู่ดี

        ย่าอวี๋วิเคราะห์หลิวเฟินไม่ออก จึงอยู่ให้ห่างจากหลิวเฟิน

——————————————-

        เซี่ยเสี่ยวหลานมาถึงหยางเฉิงอีกหน เธอไปบ้านไป๋เจินจูก่อน

        น่าเสียดายที่ไป๋เจินจูทำหนังสือข้ามแดนได้แล้ว และเมื่อวานเพิ่งไปเขตเศรษฐกิจพิเศษเผิงเฉิง

เซี่ยเสี่ยวหลานจึงมาเสียเที่ยว อีกทั้งอากาศซางตูกำลังเข้าสู่ช่วงเวลาสำหรับขายเสื้อกันลมและเสื้อขนเป็ดพอดี

เซี่ยเสี่ยวหลานจึงไม่อาจอยู่รอไป๋เจินจูในหยางเฉิงได้

        คราวนี้ในมือเธอมีเงินทุน 9000 หยวน แต่นำมาหยางเฉิงเพียง 5000 หยวนเหมือนคราวก่อน

        เฉินซีเหลียงเห็นเธอก็ทักทายตั้งแต่ไกลๆ  มีสินค้าใหม่ มีสินค้าใหม่! 

        เซี่ยเสี่ยวหลานมุ่งไปยังแผงลอยของเขา

เทียบกับแผงอื่นที่ราคาค้าส่งย่อมเยาแล้ว

การค้าขายของเฉินซีเหลียงดูเหมือนจะไม่ค่อยดี

เลือกค้าส่งเสื้อผ้าคุณภาพกลางถึงสูงในต้นยุค 80 นั้นไม่ง่ายทีเดียว

ปริมาณค้าส่งเบ็ดเสร็จของเฉินซีเหลียงไม่มากมายเท่าคนอื่น แต่กำไรไม่น้อยเลย

คนอื่นขายหนึ่งตัวอาจทำกำไรได้แค่หนึ่งหรือสองหยวน ทว่าราคาส่งเสื้อไหมพรมบนแผงของเฉินซีเหลียงล้วนเกิน 10 หยวน ขายหนึ่งตัวเทียบเท่ากับคนอื่นขายสามตัว

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพวกเสื้อนอกขนสัตว์คุณภาพสูงราคาแพงระยับเหล่านั้น

ราคาส่งแพงย่อมทำกำไรได้มากขึ้น!!

         ครั้งนี้เธอหายไปนานเชียว 

        เฉินซีเหลียงคิด คงไม่ใช่ว่าเสื้อกันลมและเสื้อขนเป็ดที่นำกลับไปขาดทุนหรอกนะ?

        แม้จะเป็นเช่นนี้เขาก็ไม่มีทางคืนเงินคืนสินค้าแก่เซี่ยเสี่ยวหลาน แม้เซี่ยเสี่ยวหลานมีรูปลักษณ์ที่สะสวยระดับสุดยอด

ทว่าบุรุษบนโลกนี้ไม่ได้หลงใหลในความงามกันทุกคน เถ้าแก่เฉินนั้นคิดว่า ‘ต้าถวนเจี๋ย’ น่ามองยิ่งกว่า

        เซี่ยเสี่ยวหลานก็ค้นพบความเก่งกาจที่ต้องการหาเงินทั้งจิตใจของเขาเหมือนกัน  สินค้าใหม่ล่ะ? 

        เป็นการบอกปริมาณการขายของเสื้อกันลมและเสื้อขนเป็ดให้เขารู้โดยอ้อม

        เฉินซีเหลียงชี้ไปยังเสื้อนอกตัวหนึ่งซึ่งแขวนอยู่ด้านหลังเขา  เธอกล้าขายหรือไม่?! 

        ด้านหลังของเฉินซีเหลียง แขวนเสื้อคลุมสไตล์เครื่องแบบกระดุมสองแถว [1] สีดำเอาไว้หนึ่งตัว เป็นแบบของผู้ชาย!

        ไม่แปลกใจที่เฉินซีเหลียงจะยุเธอ ปกติเซี่ยเสี่ยวหลานนำเข้าเสื้อผ้าสตรี

มีเพียงคราวก่อนที่ซื้อเสื้อกันลมและเสื้อขนเป็ดของผู้ชายจำนวนหนึ่ง

เสื้อนอกสไตล์เครื่องแบบกระดุมสองแถวของสุภาพบุรุษ?

        การแต่งกายอย่างเป็นทางการของผู้ชายในยุคนี้ล้วนคือสูทตะวันตกหลวมโคร่งขนาดค่อนข้างใหญ่

ขากางเกงใหญ่ บ่าใหญ่ แขนเสื้อยาว… เซี่ยเสี่ยวหลานจินตนาการออกด้วยซ้ำ

เสื้อนอกแบบนี้เหมาะที่จะสวมใส่บนร่างของผู้ชายตัวสูง ยกตัวอย่างเช่นโจวเฉิงนั้น

ต้องดูดีเสียจนทำให้ผู้คนละสายตาไม่ได้แน่นอน ผู้ชายซางตูตัวไม่เล็ก

เซี่ยเสี่ยวหลานเชื่อมั่นว่าตนเองสามารถขายเสื้อนอกขนสัตว์ของผู้ชายประเภทนี้ได้

         ทำไมล่ะ เสื้อนี่ของคุณขายไม่ดีหรือ? 

        เฉินซีเหลียงแววตาระยิบระยับ  เธอคงไม่รู้ว่าขายดีขนาดไหน

แต่ฉันเห็นเธอเป็นลูกค้าประจำถึงเก็บไว้ให้ 

        เซี่ยเสี่ยวหลานไม่เชื่อแม้แต่คำเดียว เธอถือว่าเป็นลูกค้าประจำอะไรกัน

เคยซื้อสินค้าเพียงสามหนเท่านั้น

         บอกราคาส่งของคุณมาหน่อย ถ้าย่อมเยา ฉันพอช่วยคุณขายได้ 

        เฉินซีเหลียงผิดหวัง หลอกยากถึงเพียงนี้เชียวหรือ?

        เขาขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน  …ถูกสุด 80 หยวนต่อตัว นี่เป็นเนื้อผ้าไคซือหมี่ [2] เชียวนะ! 

        เซี่ยเสี่ยวหลานโต้แย้งเขาไปตามสัญชาตญาณ  คือแคชเมียร์ 

        ขนแพะภูเขา เส้นใยสัตว์ชนิดพิเศษที่หายาก วัสดุสิ่งทอที่ล้ำค่า

ยกย่องกันเป็นสากลว่า ‘เพชรแห่งเส้นใย’ หรือ ‘ทองคำอ่อนนุ่ม’ เพราะแคว้นกัศมีระในทวีปเอเชียเคยเป็นศูนย์กลางกระจายขนแพะภูเขาไปยังยุโรป

โดยทั่วไปจึงเคยชินเรียกขนแพะภูเขาว่า ‘แคชเมียร์’

        ในประเทศเลือกใช้การทับศัพท์ เฉินซีเหลียงพูดไคซือหมี่ย่อมไม่ผิด

        แต่เป็นเสื้อนอกขนแพะจริงหรือ ทำไมจึงมีราคาส่งแค่ 80 หยวนต่อหนึ่งตัว?

        เซี่ยเสี่ยวหลานไม่จำเป็นต้องใช้มือสัมผัส ภายใต้แสงไฟสลัว

เธอไม่ต้องเดินเข้าไปพินิจอย่างละเอียดด้วยซ้ำ ก็รู้ว่าเฉินซีเหลียงกำลังโกหก

ประเทศจีนปี 83 ผ้าขนแพะภูเขาไม่อาจขายในประเทศแน่นอน

ต่อให้มีผลิตภัณฑ์ขนแพะจำนวนน้อยนิด

ก็จะปรากฏเฉพาะในสถานที่เปิดต่อคนต่างชาติสุดแสนมีระดับอย่างห้างมิตรภาพปักกิ่งหรือโรงแรมจิ่นเจียงเซี่ยงไฮ้…โดยพื้นฐานคือสินค้าที่ตระเตรียมไว้เพื่อคนต่างชาติผู้ซึ่งมาพำนักอาศัยชั่วคราวในประเทศ

หอบต้าถวนเจี๋ยเป็นปึกก็ซื้อไม่ได้ ต้องใช้ ‘ไว่ฮุ่ยเชวี่ยน [3]’

        ยุค 80 ขนแพะภูเขาเป็นสินค้าดึงดูดเงินต่างชาติ

กิจการที่สามารถผลิตขนแพะภูเขาได้ก็ส่งออกทั้งหมด

ค้าขายขนแพะแลกเปลี่ยนเป็นเงินสกุลอื่น ต้าถวนเจี๋ยไม่ใช่สกุลเงินระหว่างประเทศที่ตลาดสากลยอมรับ

ถ้าจะนำเข้าเครื่องไม้เครื่องมือประเภทต่างๆ หากรัฐต้องการไว่ฮุ่ยเชวี่ยน

กิจการก็ต้องการไว่ฮุ่ยเชวี่ยนเช่นกัน!

        ยกตัวอย่างปี 83 เสื้อขนแพะภูเขาหนึ่งตัวราคาส่งออกคือประมาณ 25 ดอลลาร์สหรัฐ แล้วเสื้อนอกขนแพะต้องใช้ผ้าจำนวนมากขนาดไหน?

        ผมมนุษย์หนึ่งเส้นมีเส้นผ่านศูนย์กลางราว 75 ไมครอน เส้นผ่านศูนย์กลางของขนแพะภูเขาปกติคือ 15-17 ไมครอน หากอยากนำขนแพะเส้นบางทอเป็นผืนผ้า มีข้อกำหนดสูงมากต่อความชำนาญด้านการ ‘แยกขน’ ประเทศจีนเพิ่งสร้างเครื่องแยกขนแพะภูเขาด้วยตนเองในปี 65 ก่อนหน้านี้ได้ทำการส่งออกวัตถุดิบขนแพะโดยตรง

ไม่มีเทคโนโลยีสำหรับการแปรรูปผลิตภัณฑ์ พอเข้าต้นยุค 80 จึงได้นำเข้าเครื่องมือแยกขนขั้นสูงมาจากญี่ปุ่น การส่งออกผลิตภัณฑ์ขนแพะภูเขาของประเทศจีนก้าวสู่ระยะเพิ่มพูนด้วยความเร็วสูง

สามารถกล่าวได้ว่าปี 1983 คือช่วงเวลาที่กิจการขนแพะสาละวนกับการทำกำไรจากเงินสกุลอื่น

แล้วจะมีเสื้อนอกขนแพะมากมายขายที่ตลาดค้าส่งหยางเฉิงได้ที่ไหนกัน?

        ทำไมเซี่ยเสี่ยวหลานถึงรู้ละเอียดชัดเจนเช่นนี้น่ะหรือ ในชาติก่อนเธอจบการศึกษามหาวิทยาลัยและได้ทำงานเป็นพนักงานขาย

แต่มิใช่การขายสินค้าประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้าแต่อย่างใด สิ่งที่เธอขายคือเครื่องมือที่มีขนาดใหญ่…

ครั้งหนึ่งเธอเคยขายเครื่องแยกขน เป็นสินค้าผลิตในประเทศ เมื่อทำงานย่อมรักและสนใจในการงาน

เพื่อจะขายเครื่องจักรได้

เธอยังต้องทำความเข้าใจประวัติศาสตร์ของอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องตั้งแต่ต้นจนจบ!

        ไม่คาดคิดว่าความทรงจำของเธอจะดีขนาดนี้ เอกสารที่เคยท่องจำเมื่อหลายปีก่อนยังจดจำได้

ไม่แปลกใจเลยที่เธอสามารถนึกข้อสอบเกาเข่าวิชาคณิตศาสตร์ปี 84 ออก เซี่ยเสี่ยวหลานจึงใช้ประโยชน์จากศักยภาพความจำอันดี

พกความมั่นใจเต็มเปี่ยม บดขยี้สหายเฉินซีเหลียงพ่อค้าขูดเลือดขูดเนื้อ

         เสื้อนอกนี่ไม่มีทางเป็นไคซือหมี่ คุณยังกล้าบอกราคาส่ง 80 หยวนอีก! 

  

  

 

 

 

  

  

 

เชิงอรรถ

[1]双排扣制服风大衣 เสื้อคลุมสไตล์เครื่องแบบกระดุมสองแถว คือ เสื้อนอกที่ดัดแปลงแบบจากเสื้อคลุมทหาร มีลักษณะตัวเสื้อที่ยาว กระดุมสองแถว

[2]开司米 ไคซือหมี่ คือ

ขนแพะแคชเมียร์หรือขนแพะภูเขา ผ้าที่ทำจากขนชนิดนี้มีน้ำหนักเบา อบอุ่นมาก

ราคาสูงเพราะแพะแคชเมียร์หนึ่งตัวให้ขนจำนวนน้อยมาก

[3]外汇券 ไว่ฮุ่ยเชวี่ยน คือ

เงินตราที่ออกโดยธนาคารกลางของประเทศจีนเพื่อใช้แลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างชาติโดยเฉพาะ

เวลาซื้อสินค้าควบคุมอย่างเครื่องจักร ทองคำ สินค้านำเข้า

ก็ต้องใช้เงินชนิดนี้เหมือนการใช้ตั๋วประเภทต่างๆ ในปัจจุบันถูกยกเลิกไปแล้ว

 

เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80

เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80

เธอคือประธานเซี่ย หญิงผู้แข็งแกร่ง และยังเกิดใหม่เป็น เซี่ยเสี่ยวหลาน หญิงสาวชื่อแซ่เดียวกับเธอที่ฆ่าตัวตายท่ามกลางคำนินทาในยุค 80 เธอมีโอกาสได้เกิดใหม่อีกครั้ง ทำไมต้องมาอยู่อย่างอดสูแบบนี้ด้วยเล่า?!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท