เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] – ตอนที่ 10.1

ตอนที่ 10.1

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล ตอนที่ 10.1

ตอนที่ 10.1

บทที่ 10

 อะไรกัน? เจ้ามาที่นี่ทำไม 

เบเลซักลุกพรวดขึ้นจากโซฟาที่นอนอยู่พลางร้องตะโกน ช่างเป็นเสียงที่ทรงพลังเสียจริง

ถึงอีกฝ่ายจะดูตกใจมากทีเดียว แต่เธอไม่คิดที่จะตอบเขาหรอก

 …ฟีเรนเทีย? 

ได้ยินเสียงแผ่วเบาที่เบามากเสียจนถ้าหากห้องไม่ได้เงียบสนิท ก็คงพลาดไม่ได้ยินไปแล้ว

เจ้าของเสียงคือ ลาลาเน่ที่ชะเง้อคอมองเธออยู่ใกล้ๆ กับเบเลซัก

 อา.. 

ฟีเรนเทียเองก็ตกใจจนเผลอหยุดชะงักไปโดยไม่รู้ตัวเหมือนกัน

เธอไม่ได้พบลาลาเน่มานานมากแล้ว

ลาลาเน่ผู้แสนอ่อนแอและละเอียดอ่อนเหมือนดอกไม้บอบบาง จนถึงกับสงสัยว่าถูกคลอดออกมาจากท้องเดียวกันกับเจ้าเบเลซักนั่นแน่หรือเปล่า

ทันทีที่บรรลุนิติภาวะ หญิงสาวต้องแต่งงานกับผู้ชายที่อายุห่างกับตัวเองค่อนข้างมากด้วยการจัดการของจักรพรรดินี

ทุกคนต่างก็กล่าวว่ามันเป็นการแต่งงานทางธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ

ถึงแม้ว่าขุนนางคนนั้นจะอายุค่อนข้างมาก แต่เขาก็เป็นวีรบุรุษที่เคยต่อสู้ในสนามรบอย่างกล้าหาญ ทั้งอีกไม่นานก็จะได้รับสืบทอดตำแหน่งจากบิดา ดังนั้นทุกคนถึงได้บอกว่าเป็นโชคดีของลาลาเน่ผู้แสนธรรมดาและไม่มีอะไรดีนอกจากเป็นสายเลือดของลอมบาร์เดียแล้ว

ทว่าไม่มีใครรู้เลยว่าดอกไม้ดอกนี้ หลังจากที่ย้ายไปอาศัยอยู่ในเขตแดนที่อยู่ในเขตการปกครองของจักรพรรดิโดยตรงกับสามีนั้น จะร่วงโรยเหี่ยวเฉาและโรยราไปอย่างรวดเร็วขนาดนี้

หลังจากนั้นถึงได้รู้ว่า คนที่เป็นสามีของลาลาเน่คนนั้น เขาไม่ใช่คนรักครอบครัวขนาดโอบกอดภริยาสาวอายุน้อยด้วยความรักใคร่ ส่วนพวกผู้ดูแลรับใช้ในบ้านหลังนั้น ก็ใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างในการเมินเฉยและละเลยลาลาเน่

ตอนที่ลาลาเน่ขอความช่วยเหลือจากบ้านเก่าของตัวเอง ก็เป็นหลังจากที่เบเจอร์ลงมือทำธุรกิจต่างๆ ร่วมกันกับลูกเขยไปแล้ว คำตอบที่ได้รับกลับมาจากบิดามารดาที่นางเชื่อใจจึงมีเพียงแค่ ‘เจ้าจงทำตัวให้ดีเสีย’ เท่านั้น

ลาลาเน่จึงร่วงโรยไปเช่นนั้น ผ่านไปไม่นานก็กลับคืนสู่ผืนดิน

ทั้งๆ ที่ยังอายุน้อยมากเหลือเกิน

ภาพของลาลาเน่ที่เธอได้พบครั้งสุดท้าย คือภาพตอนที่นางร้องห่มร้องไห้หลังจากงานแต่งงานจบลง บอกว่าไม่อยากไปจากลอมบาร์เดีย

 เจ้าเองก็เข้าเรียนด้วยเหรอ 

อายุมากกว่าเธอห้าปี แต่ภาพของเด็กที่ยังคงกอดตุ๊กตาตัวใหญ่แน่นดูแล้วช่างแสนงดงาม สมกับที่เป็นคุณหนูตัวน้อยของตระกูลชั้นสูงจริงๆ

 อื้อ ตั้งแต่วันนี้จะมาเรียนแล้วละ 

เธอพยักหน้าตอบคำถามของลาลาเน่

เบเลซักฉุนเฉียว ท่าทางจะโมโหที่เธอตอบคำถามลาลาเน่โดยเมินเฉยคำถามของเจ้าตัว

 โกหก! 

เด็กชายสาวเท้าพรวดเดินเข้ามาใกล้ด้วยท่าทางราวกับจะลงไม้ลงมือทำอะไรเธอ แต่สุดท้ายก็ทำได้แค่เห่าอยู่ไกลๆ เหมือนเคย

 โกหก! เรียนร่วมกันกับคนอย่างเจ้าเนี่ยนะ 

ท่าทางของเด็กชายที่ทำตัวเช่นนี้ ก็ทำให้ฟีเรนเทียมั่นใจมากขึ้นไปอีก เบเลซักคงจะโดนตีน้อยไปแล้วละมั้งเนี่ย

ต้องให้เธอลงมือสั่งสอนอีกหลายครั้งหน่อยใช่มั้ย ปากที่เรียนแต่เรื่องแย่ๆ มาจากพวกผู้ใหญ่นั่นถึงจะสงบเสงี่ยมลงบ้างน่ะ

 คนอย่างข้ามันทำไม 

เธอตั้งใจถามยั่วยุ

 คนอย่างเจ้า! ชั้นต่ำ… 

 บอกท่านปู่ดีมั้ยนะ 

ทันทีที่คำว่า ‘ท่านปู่’ ดังออกมา เบเลซักก็สะดุ้งเฮือกปิดปากเงียบ

 ครั้งก่อนท่านปู่ก็ดุว่าห้ามเรียกข้าว่าชั้นต่ำอีกครั้ง นี่ตอนนี้จะละเมิดคำสั่งอย่างนั้นเหรอ 

เธอได้ยินผ่านทางท่านพ่อว่าท่านปู่เรียกเบเลซักไปดุเสียยกใหญ่

 เบเลซัก 

เธอก้าวเท้าเดินเข้าไปหาเบเลซักโดยจงใจทำสีหน้ายิ้มเหี้ยม

 ตรงนี้หนังสือเยอะดีจังเลยเนอะ ว่ามั้ย 

 อือ… 

เบเลซักหวาดกลัวหลังจากที่เห็นหนังสือวางเรียงรายอยู่เต็มไปหมด

ใช่แล้วละทั้งหมดนั่นเมื่ออยู่ในมือเธอก็เป็นอาวุธได้ทั้งนั้น ไอ้สุนัขนี่

เธอโยนระเบิดลูกสุดท้ายออกไปเป็นการทิ้งทวนให้แก่เบเลซักที่อ้ำอึ้งพูดอะไรไม่ออก

 ไปบอกท่านปู่ตอนนี้เลยดีมั้ยน้า 

 ฮะ ฮึ่ย! 

หมอนั่นเงอะงะถอยไปข้างหลังด้วยใบหน้าบูดบึ้งและสุดท้ายก็หันขวับ กระทืบเท้าปึงปัง เดินกลับไปยังโซฟาที่ตัวเองนอนอยู่

อา แน่นอนว่าไม่ลืมระบายความโกรธที่เอาชนะเธอไม่ได้ด้วยการใช้เท้าเตะตุ๊กตาไร้ความผิดที่วางอยู่ใกล้ๆ ด้วย

ใช่แล้ว นิสัยนั่น แก้ยังไงก็แก้ไม่หายหรอก

ฟีเรนเทียถอนหายใจแผ่วเบา ยังไงก็รู้สึกโล่งใจนิดหน่อยที่จัดการสุนัขที่คิดจะวิ่งกระโจนเข้าใส่ได้อย่างปลอดภัย

แล้วก็พลันรู้สึกได้ถึงสายตาดุเดือดที่มองจ้องมาจนทำให้ใบหน้าด้านข้างร้อนผ่าว

เจ้าของสายตาที่ว่าก็คือคิลลีวูกับเมโลนที่นั่งนิ่งอยู่ริมหน้าต่างนั่นเอง

สองคนนั้นปีนี้อายุครบสิบเอ็ดขวบ พวกเขาเป็นลูกชายของป้าชานาเนสที่อายุมากที่สุดในบรรดาพี่น้องของท่านพ่อ

 หืม? 

ทำไมถึงได้มองเธอแบบนั้นกันล่ะ

ฟีเรนเทียพลันตื่นตระหนกเล็กน้อย เพราะแท้จริงแล้วในบรรดาลูกพี่ลูกน้อง คนที่เธอไม่มีข้อมูลมากที่สุดก็คือสองคนนี้นี่แหละ

ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะแฝดหน้าตางดงามเหมือนกันอย่างไม่มีผิดเพี้ยนคู่นี้ ทั้งคู่มีนิสัยไม่สนใจคนรอบข้าง เอาแต่จมอยู่กับโลกของตัวเองถ้าหากลูกพี่ลูกน้องคนอื่นๆ ยกเว้นลาลาเน่ต่างก็เมินเฉยเธอ เด็กพวกนี้ก็เรียกได้ว่าไม่มีความสนใจอะไรเลยดีกว่า

ขนาดเห็นเธอร้องไห้งอแงที่ถูกกลั่นแกล้ง พวกเขาก็แค่เดินผ่านไปโดยไม่เปลี่ยนสีหน้าแม้แต่นิดเดียว ไร้ซึ่งความสนใจไยดีใดๆ ขนาดนั้น

อีกอย่างหลังจากที่ชานาเนสหย่าร้างกับสามี ทั้งคู่ก็ติดตามบิดาของตัวเองกลับตระกูลชูลส์ และแทบไม่ได้แวะเวียนกลับมาอีก และหลังจากเลิกใช้นามสกุลลอมบาร์เดีย หลังจากที่กลายเป็นคิลลีวู ชูลส์ กับเมโลน ชูลส์ ก็ยิ่งขาดการติดต่อกันเข้าไปใหญ่

รู้สึกว่าจะมีชื่อเสียงในสังคมด้วยหน้าตาหล่อเหลา และตำแหน่งอัศวินอายุน้อย แต่สำหรับเธอที่มัวแต่ยุ่งอยู่กับการทำงาน มันเป็นเรื่องราวเหมือนกับอยู่กันคนละโลก

 ฟีเรนเทีย 

ทั้งสองคนพูดพร้อมกันราวกับนัดกันมาล่วงหน้า

 ได้ข่าวว่าตีเบเลซัก? 

 แถมยังชนะด้วย? 

แต่มันมีอะไรแปลกๆ ไปหน่อยนะ

ดูเหมือนใบหน้าของเมโลนกับคิลลีวูที่มักจะทำหน้านิ่งเป็นประจำจะดูมีชีวิตชีวาขึ้นมา แถมทั้งสองคนยังกำลังยิ้มจางอยู่ด้วย

เด็กพวกนี้เป็นอะไรกันเนี่ย น่ากลัวชะมัด

เธอตัดสินใจแล้วว่าจะเลือกใช้กลยุทธ์ล่าถอย จึงเดินไปนั่งลงบนโซฟาตัวใหญ่ใกล้ริมหน้าต่างฟากตรงข้ามเบเลซัก

คงเป็นเพราะคนที่ใช้ห้องนี้ส่วนใหญ่มีแต่เด็กๆ เก้าอี้จึงค่อนข้างเตี้ย แม้ไม่ต้องปีนป่ายก็สามารถขึ้นไปนั่งได้สบาย จุดนี้ค่อนข้างถูกใจเธอมากเหมือนกัน

 

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]

Status: Ongoing

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 이번 생은 가주가 되겠습니다 I shall master this family 김로아 คิมโรอา เขียน หนทางการขึ้นเป็นเจ้าตระกูลของหญิงสาวผู้กลับมาชาติมาเกิดใหม่ถึงสองครั้งสองครา เมื่อ ฟีเรนเทีย ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์และได้มาเกิดใหม่ในตระกูลลอมบาร์เดียที่ยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักรแลมบลู ในฐานะหลานสาวของเจ้าตระกูลที่เกิดจากมารดาสามัญชนทำให้โดนรังเกียจจากคนในตระกูล เมื่อพ่อและปู่ขอเธอตายจากไป เธอถูกขับไล่ออกจากตระกูล สองปีหลังจากนั้น ตระกูลลอมบาร์เดียก็ล่มสลาย แต่แล้ว เมื่อเธอประสบอุบัติเหตุอีกครั้งและมีโอกาสได้ย้อนกลับมาเมื่อตอน 7 ขวบ ครั้งนี้เธอจึงตั้งมั่นที่จะเปลี่ยนแปลงอนาคตและตั้งใจจะขึ้นเป็นเจ้าตระกูลคนถัดไปให้ได้ หนทางแห่งการขึ้นเป็นเจ้าตระกูลจะลำบากยากเย็นเพียงไหน มาเอาใจช่วย ฟีเรนเทียได้ใน “ชาตินี้ข้าจะเป็นเจ้าตระกูล”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท