เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] – เล่ม 2 บทที่ 57.1

เล่ม 2 บทที่ 57.1

บทที่ 57

นัยน์ตาส่องประกายวาววับแปลกพิกลนั่นกำลังมองเธอกับเฟเรสอยู่แน่ๆ

ให้ตายเถอะ โดนจับได้แล้วงั้นเหรอ

ซวยแล้ว

ตอนนี้จะปล่อยให้ใครรู้ว่าเธอกับเฟเรสรู้จักและสนิทสนมกันไม่ได้แท้ๆ

ฟีเรนเทียรีบหลบสายตาของจักรพรรดิอย่างรวดเร็วแต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังสามารถรู้สึกได้ว่าสายตาดึงดันคู่นั้นยิ่งจับจ้องค้างอยู่ที่เธอนานขึ้น

แต่หลังจากนั้นไม่นานตอนที่เธอหันกลับไปมองอีกครั้ง จักรพรรดิกลับกำลังสนทนาอยู่กับท่านปู่และท่านพ่อด้วยใบหน้าไม่มีอะไรแตกต่างไปจากก่อนหน้านี้

หรือเธอจะมองผิดไปเอง

สายตาของโยบาเนสที่มองมาโดยไม่ได้คิดอะไร บางทีเธออาจจะกลัวไปเองก็ได้

แต่ไม่ว่าเหตุผลของสายตาคู่นั้นจะเป็นอะไรก็ตาม เธอก็พยายามที่จะไม่หันกลับไปมองทางฝั่งของเฟเรสอีก

 ถ้าอย่างนั้นก็เริ่มจากพิธีมอบเหรียญรางวัลกันก่อน จะได้มาสนุกกับงานเลี้ยงกันอย่างเต็มที่เสียที 

โยบาเนสหันกลับไปมองเหล่าชนชั้นสูงที่มารวมตัวกัน ก่อนที่จะประกาศแจ้ง

ท่านพ่อที่ยังคงจับมือของเธอเอาไว้ปล่อยให้เธอยืนอยู่ข้างกายท่านปู่ แล้วเอ่ยพูดอย่างอบอุ่น

 เดี๋ยวพ่อมานะ 

ทั้งๆ ที่ตื่นเต้นเสียจนมือเย็นเฉียบ แต่ก็ยังใส่ใจที่จะดูแลเธอก่อน

แตกต่างจากองค์จักรพรรดิที่หลังจากเรียกให้ผู้คนที่อยู่อีกฟากหันมารายล้อมตัวเอง ก็ไม่คิดที่จะสนใจเฟเรสอีก

เธอจุ๊บแก้มของท่านพ่อเพื่อให้กำลังใจท่าน

เพียงแค่นั้นท่านพ่อก็มีเรี่ยวมีแรงยิ้มกว้างขึ้นมาแล้ว

จักรพรรดิโยบาเนสขึ้นไปยืนบนแท่นพิธีต่อหน้าผู้คน เหล่าผู้ช่วยขององค์จักรพรรดิเดินนำเหรียญรางวัลเข้ามา

ฟีเรนเทียมองตามภาพด้านหลังของท่านพ่อที่กำลังเดินไปตรงกลาง สายตาของผู้คนทั้งหลายต่างก็มองตรงไปยังแท่นพิธีด้านหน้า

ตรงนั้นมีเฟเรสที่ยืนรวมอยู่ด้วยในฐานะสมาชิกของราชวงศ์

อาสทาน่าที่ตอนนี้เริ่มเข้าสู่วัยแตกเนื้อหนุ่ม ไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ไหนมาถึงเพิ่งโผล่มาตอนนี้ เขาเองก็กำลังยืนอยู่ข้างกายจักรพรรดินีและกำลังมองเฟเรสด้วยใบหน้าบูดบึ้ง

ขนาดอายุมากขึ้นแล้ว ก็ยังคงเก็บสีหน้าไม่เป็นเหมือนเคย

จู่ๆ เธอก็หันไปมองเฟเรส

เด็กนี่ยังคงมองเธออยู่เหมือนเดิม

ไม่รู้ว่าอารมณ์ดีหรืออารมณ์ไม่ดีกันแน่

ใบหน้าเรียบเฉยไร้อารมณ์ไม่อาจอ่านความรู้สึกในใจได้ แต่เขาดูเหมาะสมที่จะเป็นเชื้อพระวงศ์มากกว่าอาสทาน่าเป็นร้อยเท่า

เธอส่งยิ้มให้เขาเล็กน้อย แล้วหันหน้าไปยังฝั่งแท่นพิธีอีกครั้ง

รูปลักษณ์ของเหรียญยกย่องจะแตกต่างกันไปตามผู้ที่ได้รับ เหรียญรางวัลของท่านพ่อเป็นสร้อยคอที่ทำขึ้นจากทองคำ

และข้างหลังนั่นยังมีผู้ช่วยอีกคนยืนอยู่

เขากำลังถืออะไรบางอย่างด้วยสองมืออย่างล้ำค่ามากพอกันกับเหรียญรางวัล

 แคลอฮัน ลอมบาร์เดียจงเดินมาทางนี้ 

ท่านพ่อคุกเข่าข้างหนึ่งลงตรงหน้าเมื่อได้ยินรับสั่งของจักรพรรดิ

 ข้าโยบาเนส คาราโบแอน แลมบลู ดิวเรลลี่ ขอมอบเหรียญรางวัลยกย่องประจำวันชาติให้แก่เจ้า 

ต่างจากเมื่อครู่ที่หัวเราะฮ่าฮ่าเสียงดัง จักรพรรดิตรัสด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำก้องกังวานราวกับกำลังประกาศราชโองการ

 ด้วยความสามารถในการสร้างสรรค์สิ่งที่ไม่เคยมีผู้ใดคิดลงมือทำ ช่วยส่งเสริมความตั้งใจของข้าในการดูแลประชาชนของอาณาจักรให้อยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข เจ้ามีสิทธิ์มากพอที่จะได้รับรางวัลกิตติคุณรางวัลนี้ 

สร้อยคอสลักสัญลักษณ์ราชวงศ์ถูกสวมลงบนคอของท่านพ่อ

 และผลลัพธ์ที่ได้นั้นยังประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม ข้าขอมอบรางวัลกิตติคุณนี้ และของขวัญพิเศษให้แก่แคลอฮัน ลอมบาร์เดีย 

ของขวัญพิเศษ?

เจ้าหน้าที่คนที่สองที่กำลังรอจังหวะอยู่ก้าวออกมาข้างหน้า

และสิ่งที่ถูกมอบใส่มือของจักรพรรดิก็คือ ม้วนกระดาษเก่าม้วนหนึ่งที่สร้างขึ้นจากหนังสัตว์

โยบาเนสกางสิ่งนั้นออกให้ทุกคนได้เห็น หลังจากนั้นจึงค่อยมอบให้ท่านพ่อ

 แคลอฮัน ลอมบาร์เดีย นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ข้าขอประกาศให้เจ้าเป็นเจ้าของเขตแดนเชซายู 

เฮือก!

คนที่สูดลมหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความตกใจไม่ได้มีแค่เธอคนเดียว

ทุกคนที่รวมตัวกันอยู่ในงานเลี้ยงต่างก็ตกตะลึงกันทั้งสิ้น

ยกเว้นท่านปู่ที่ยังคงนิ่งสงบราวกับทราบดีอยู่แล้วว่าจะเป็นเช่นนี้ กับองค์จักรพรรดิที่กำลังยิ้มกว้างแค่สองคน

เหรียญรางวัลยกย่องประจำวันชาติมีความหมายพิเศษก็จริง แต่ของขวัญที่พระราชทานให้พร้อมกับเหรียญรางวัลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ผ่านมาเป็นเพียงแค่บ้านพักตากอากาศ

แต่นั่นก็ยังเป็นเพียงแค่สิทธิ์ในการใช้บ้านพักตากอากาศหนึ่งหลังที่จะต้องส่งมอบคืนให้กับราชวงศ์เมื่อผู้ได้รับเหรียญรางวัลเสียชีวิตแล้วเท่านั้น

แต่นี่มอบเขตแดนให้อย่างนั้นหรือ

ไหนจะม้วนกระดาษที่ทำจากหนังสัตว์นั่นอีก ดูยังไงมันก็คือโฉนดที่ดินชัดๆ

อีกอย่างเขตแดนเชซายูที่ว่านั่น มันไม่ใช่ที่ดินที่อยู่ใต้การปกครองของราชวงศ์โดยตรง

เนื่องจากตั้งอยู่ในแนวลุ่มแม่น้ำน็อกทาซึ่งเป็นแม่น้ำที่ใหญ่เป็นอันดับสองของอาณาจักรแลมบลู จึงให้ผลผลิตทางการเกษตรสูง และยังเป็นเขตแดนที่มีประชาชนอาศัยอยู่อย่างหนาแน่น

 ท่านหญิงเซอเชาว์! 

ใครบางคนตะโกนเสียงแผ่ว

เยื้องไปทางซ้ายมือด้านหลังจักรพรรดิ หญิงชราผมขาวโพลนแม้จะถูกสายตาของผู้คนจับจ้องก็ยังคงรักษาท่าทีสงบนิ่งเอาไว้ได้ และยังไม่สูญเสียท่วงท่าสง่างาม

เบทริกซ์ เซอเชาว์

นางคือพี่สะใภ้ของนาตาเลีย เซอเชาว์ท่านย่าของเธอ ทั้งยังเป็นท่านหญิงผู้เฒ่าผู้รับบทบาทเจ้าตระกูลเซอเชาว์ผู้ปกครองดินแดนทางตอนใต้อีกด้วย

เขตแดนเชซายูซึ่งเดิมทีเป็นพื้นที่ใต้การปกครองของตระกูลเซอเชาว์กลับถูกมอบให้ท่านพ่อ

ดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะเป็นความตั้งใจของเบทริกซ์ เซอเชาว์คนนี้

ท่านพ่อเหม่อมองโฉนดที่ดินที่ถือไว้ในสองมือด้วยใบหน้ามึนงง ก่อนจะเอ่ยพูด

 กะ…กระหม่อมน้อมรับพระทัยของฝ่าบาทเอาไว้ และจะดูแลให้ดีพ่ะย่ะค่ะ 

พิธีมอบรางวัลนั้นแสนสั้น แต่รสชาติของรางวัลที่ติดอยู่ที่ปลายลิ้นนั้นยังคงติดค้างอยู่บนนั้นอีกนาน

 ตะ…ต้องนั่งพักเสียหน่อย… 

ท่านพ่อกำโฉนดที่ดินในมือเอาไว้แน่นพลางเอ่ยพึมพำ

 ฮ่าฮ่า! ขี้กลัวขนาดนั้นแล้วจะเป็นเจ้าเมืองที่ดีได้หรือไง! 

จักรพรรดิโยบาเนสกลับมาหัวเราะคิกคักอีกครั้ง ในขณะที่หยอกล้อท่านพ่อ

ใช่แล้ว คงจะอารมณ์ดีน่าดู

ในเมื่อได้หน้าจากการมอบที่ดินของคนอื่นโดยไม่ต้องลงแรงอะไรเลยนี่นะ

โยบาเนสสั่งให้ทุกคนเริ่มสนุกกับงานเลี้ยงได้ แล้วหายตัวไปท่ามกลางหมู่ขุนนาง ส่วนเธอก็รีบเดินเข้าไปอยู่ข้างกายท่านพ่อ

 พ่อ! 

 เทีย… 

ท่านพ่อมองเธอก่อนจะยิ้มออกมาอย่างไร้เรี่ยวแรง

 ได้รับของดีเช่นนี้ จะทำยังไงดี… 

ใบหน้าดูหนักใจที่ต้องแบกรับภาระเหมือนมีหนี้สินมากกว่าดีใจที่ได้รับที่ดิน

 จะทำอะไรล่ะก็ต้องขอบใจ แล้วใช้ชีวิตให้ดีน่ะสิ 

 ท่านป้า! 

คนที่เดินเข้ามาใกล้คือ ท่านหญิงเบทริกซ์ เซอเชาว์

สำหรับท่านพ่อแล้ว นางคือป้าสะใภ้

นางส่งยิ้มใจดีให้ท่านพ่อ ทำเอารู้สึกสงสัยขึ้นมาว่าข่าวลือที่บอกว่าท่านเป็นคนเข้มงวดมากนั่นเป็นจริงแน่หรือ

ท่านหญิงเซอเชาว์เป็นคนที่มีชื่อเสียงด้านความโชคร้าย

นางมีบุตรชายสองคน แต่ทุกคนต่างก็เสียชีวิตไปด้วยอุบัติเหตุ แม้แต่สามีนางก็ยังต้องกลายเป็นฝ่ายส่งเขาจากไปก่อน

เนื่องจากนางไม่มีผู้สืบทอดตระกูล จึงได้มีการเรียกร้องให้นางส่งมอบสิทธิ์ในการดูแลตระกูลมาได้หลายปีแล้ว แต่นางก็เมินเฉยทุกคนและยังคงกุมอำนาจเอาไว้ในมือได้อย่างมั่นคงแต่อีกเรื่องที่ทำให้นางมีชื่อเสียงมากพอกันกับเรื่องนี้ก็คือ เซ้นส์ทางด้านแฟชั่นและความสวยความงามของท่านหญิง

อิทธิพลของเบทริกซ์ เซอเชาว์นั้นมีมากขนาดผู้คนกล่าวกันว่า เทรนด์แฟชั่นของอาณาจักรเริ่มต้นมาจากทางตอนใต้

เรียกได้ว่าพ่อค้าผ้าทอทั้งหลายต่างก็มาจากเขตแดนเซอเชาว์กันทั้งนั้น

ก่อนจะมีร้านขายเสื้อผ้าแคลอฮันเกิดขึ้นมา หากพูดถึง ‘เสื้อผ้า’ สิ่งที่ผู้คนจะนึกถึงนั้นไม่ใช่ลอมบาร์เดีย แต่เป็นเซอเชาว์

 

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]

Status: Ongoing

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 이번 생은 가주가 되겠습니다 I shall master this family 김로아 คิมโรอา เขียน หนทางการขึ้นเป็นเจ้าตระกูลของหญิงสาวผู้กลับมาชาติมาเกิดใหม่ถึงสองครั้งสองครา เมื่อ ฟีเรนเทีย ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์และได้มาเกิดใหม่ในตระกูลลอมบาร์เดียที่ยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักรแลมบลู ในฐานะหลานสาวของเจ้าตระกูลที่เกิดจากมารดาสามัญชนทำให้โดนรังเกียจจากคนในตระกูล เมื่อพ่อและปู่ขอเธอตายจากไป เธอถูกขับไล่ออกจากตระกูล สองปีหลังจากนั้น ตระกูลลอมบาร์เดียก็ล่มสลาย แต่แล้ว เมื่อเธอประสบอุบัติเหตุอีกครั้งและมีโอกาสได้ย้อนกลับมาเมื่อตอน 7 ขวบ ครั้งนี้เธอจึงตั้งมั่นที่จะเปลี่ยนแปลงอนาคตและตั้งใจจะขึ้นเป็นเจ้าตระกูลคนถัดไปให้ได้ หนทางแห่งการขึ้นเป็นเจ้าตระกูลจะลำบากยากเย็นเพียงไหน มาเอาใจช่วย ฟีเรนเทียได้ใน “ชาตินี้ข้าจะเป็นเจ้าตระกูล”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท