เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] – เล่ม 4 บทที่ 138.2

เล่ม 4 บทที่ 138.2

เช้าวันต่อมา

งานเปิดตัวกิจการไปรษณีย์จบลงอย่างประสบความสำเร็จ

 ยินดีด้วยนะครับ ท่านฟีเรนเทีย! 

เครย์ลีบันยิ้มกว้างพลางเอ่ยขึ้นว่า

 คนลงทะเบียนใช้บริการไปรษณีย์ก็กำลังหลั่งไหลเข้ามา ยอดขายของร้านค้าเพลเลสเองก็กำลังเพิ่มขึ้นตามไปด้วยครับ! ทางกลุ่มการค้าลอมบาร์เดียกับทางองค์กรทุนการศึกษาเองก็เหมือนกันครับ! 

เครย์ลีบันแทบจะไม่เคยแสดงความรู้สึกตื่นเต้นแบบนี้ออกมาให้เห็นมาก่อน ท่าทางดูตื่นเต้นมากเสียจนเอาแต่พูดอย่างกระตือรือร้นไม่ยอมหยุดปากเลยทีเดียว

 งานเปิดตัวกิจการในแถบนอกเมืองที่จะจัดขึ้นตั้งแต่สัปดาห์หน้าเองก็สำคัญมากเลย ข้าขอฝากด้วยนะคะ พวกเขาน่าจะใช้บริการกิจการไปรษณีย์มากกว่าพวกชนชั้นสูงในภาคกลางอีกค่ะ 

เครย์ลีบันพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของเธอ

 ระยะเวลาทดลองฟรีตลอดหนึ่งเดือนข้างหน้านี่ จะเป็นขั้นตอนสุดท้ายในการตัดสินความสำเร็จของกิจการค่ะ ทางร้านค้าเพลเลสก็ช่วยจัดเตรียมสินค้าตามคำสั่งซื้อที่เข้ามาทางไปรษณีย์ด้วยค่ะ มาพยายามด้วยกันอย่างแข็งขันต่อนะคะ 

 ครับ ท่านฟีเรนเทีย พวกพนักงานของกลุ่มคมนาคมลอมบาร์เดียที่เป็นผู้สนับสนุนหลักเองก็ทำงานกันได้ดีมาก เรื่องนี้วางใจได้เลยครับ 

 ทุกคนคงจะเก็บกดเพราะที่ผ่านมาถูกเมินเฉยดูถูกมาตลอดนั่นแหละ คราวนี้เลยเหมือนได้ระบายอารมณ์ออกมาน่ะค่ะ 

หากงานครั้งนี้ต้องใช้เครือข่ายแรงงานไร้ประสบการณ์แล้วละก็ กว่าพวกเขาจะคุ้นเคยกับงานดีคงกินเวลานานยิ่งนัก

แต่พนักงานของกลุ่มคมนาคมลอมบาร์เดียกลับทำงานปกติของพวกเขาและงานของไปรษณีย์ไปพร้อมๆ กันได้อย่างไม่มีติดขัด

 ต้องเพิ่มเงินเดือนให้แล้วสินะเนี่ย 

ความสามารถในการจัดการงานได้อย่างยอดเยี่ยมแบบนี้ สมควรที่จะต้องรักษาเอาไว้ให้พวกเขาทุ่มเทเพื่อกิจการต่อไปไม่ใช่หรือไง

 ปฏิกิริยาของคนภายในลอมบาร์เดียเป็นยังไงบ้างครับ 

เครย์ลีบันถามเธออย่างระมัดระวัง

 ยังไม่มีปฏิกิริยาอะไรค่ะ ดูเหมือนทุกคนคิดจะจับตาดูก่อนว่ากิจการไปรษณีย์จะครองตลาดได้ยังไง หาเงินได้มากแค่ไหน 

และถึงตอนนั้นก็คงจะตกใจกันจนหงายหลังล้มตึงไปเลยละ

 เพราะแทบจะไม่มีกิจการไหนสามารถสร้างผลกำไรจำนวนมหาศาล แต่ใช้เงินลงทุนเพียงเล็กน้อย เท่ากับกิจการขนส่งเช่นนี้อีกแล้วสินะครับ ขอแค่พวกเราครองตลาดได้เท่านั้น 

มองจากตอนเตรียมกิจการไปรษณีย์ในครั้งนี้ก็สามารถรู้ได้แล้ว นอกจากค่าใช้จ่ายในการที่ลอมบาร์เดียจะต้องซื้อรถม้าขนสินค้าเพิ่ม กับค่าจ้างคนงานก็ไม่ต้องจ่ายค่าอะไรอีก

 และเมื่อกิจการไปรษณีย์ครองตลาดได้ จนคะแนนประเมินในตัวข้าเพิ่มสูงขึ้น ข้าก็จะประกาศกิจการถัดไปค่ะทำเช่นนั้นไปทีละน้อยแต่สม่ำเสมอ สักวันในที่ประชุมบรรดาเจ้าตระกูลใต้บังคับบัญชาก็จะเริ่มพูดถึงนามของข้าขึ้นมาเองค่ะ 

แค่จินตนาการก็สนุกจนหลุดยิ้มอยู่เรื่อย

 ว่า ‘ฟีเรนเทียเองก็ไม่เลวนักที่จะเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งเจ้าตระกูล’  

อีกไม่นานชานาเนสจะประกาศถอนตัวจากการแข่งขันแย่งชิงตำแหน่งผู้สืบทอด

เห็นได้ชัดอยู่แล้วว่า พวกตระกูลใต้บังคับบัญชาของลอมบาร์เดียที่ตกอยู่ในความสิ้นหวังเหล่านั้น ระหว่างเบเจอร์กับเธอที่เปิดตัวกิจการได้อย่างประสบความสำเร็จ และพิสูจน์ความสามารถให้ทุกคนได้เห็นอย่างชัดแจ้ง พวกเขาจะตัดสินใจเลือกใคร

 อยากให้วันนั้นมาถึงไวๆ จังครับ 

เครย์ลีบันกับเธอมองหน้ากันยิ้มๆ

ครืน

ได้ยินเสียงฟ้าร้องดังขึ้น

ซ่าาาา

และเสียงสายฝนเทกระหน่ำลงมาราวกับฟ้ารั่วก็ดังตามมา

 ฝนตกหนักเลยนะครับ 

เครย์ลีบันเงยหน้ามองท้องฟ้าที่มีแต่เมฆครึ้มพลางเอ่ยขึ้น

 ก่อนจะเข้าฤดูใบไม้ร่วง ยังต้องเผชิญกับฤดูฝนสั้นๆ ก่อน แต่ไม่นึกเลยว่าฝนจะตกหนักขนาดนี้ 

ผู้คนในภาคกลางอาจจะยังไม่รู้เรื่องอะไร แต่พายุฝนพัดกระหน่ำแบบนี้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องทางเหนือมาแล้วหลายวัน

เวลาที่ ‘เรื่องนั้น’ จะเกิดขึ้นมาถึงแล้ว

 จดหมายที่ข้าส่งไป ถึงไวโอเล็ตเรียบร้อยแล้วใช่มั้ยคะ 

 ครับ ตรวจเช็กแล้วครับว่าถึงมือผู้รับเรียบร้อย 

ถ้าอย่างนั้นก็ค่อยโล่งอกหน่อย

 เป็นอะไรหรือเปล่าครับ 

เครย์ลีบันมองสำรวจสีหน้าของเธอก่อนจะเอ่ยถามขึ้น

 ไม่เป็นไรค่ะ ข้าน่ะ 

เรื่องที่เธอสามารถทำได้เพื่อรับมือกับ ‘เรื่องนั้น’ เธอก็ทำมันไปทั้งหมดแล้ว

แต่ถึงยังไงก็ยังคงไม่อาจละสายตาออกไปจากหน้าต่าง ที่สายฝนเม็ดใหญ่ตกลงมากระทบได้ง่ายๆ เลย

* * *

 ต้องดื่มเหล้าเสียหน่อย 

อาสทาน่าหยุดอยู่ตรงหน้าประตูของห้องรับรองที่เชื่อมต่อกับห้องประชุมใหญ่ เขากวักมือเรียกผู้ดูแลเมื่อไม่อาจเอาชนะความตื่นเต้นได้

สุดท้ายก็ต้องกระดกเหล้าฤทธิ์แรงลงคอไปหนึ่งแก้วถึงจะพอสงบลงได้บ้าง

ราวกับเป็นการยืนยันว่าฎีกาในวันนี้เป็นประเด็นที่สำคัญมากจริงๆ เพราะมีขุนนางจำนวนมากกว่าการประชุมใหญ่คราวก่อนถึงสามเท่าตัวมาร่วมการประชุมอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา

 ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้ละก็… 

เมื่อวานเขาคงไม่ไปงานเปิดตัวกิจการนั่น แล้วตั้งใจศึกษาเล่าเรียนเพิ่มเติมไปแล้ว

อาสทาน่าเริ่มรู้สึกเสียใจขึ้นมาทีหลัง แต่ยังไงมันก็สายไปแล้ว

 เป็นเพราะท่านนั่นแหละที่ผลักภาระให้ข้าเยอะเกินไป! 

อาสทาน่าระบายอารมณ์ใส่ดิวอิจที่นั่งอยู่ข้างๆ

 …ใจเย็นก่อนพ่ะย่ะค่ะ 

ดิวอิจคุ้นเคยกับสถานการณ์แบบนี้ดีอยู่แล้ว เขาจึงเอ่ยเสียงเรียบ

แต่อาสทาน่าไม่แม้แต่จะได้ยินคำพูดนั่น ตอนนี้เขากำลังจะยกนิ้วขึ้นมากัดแทะเล็บแก้เครียด

แต่แล้วในตอนนั้นเอง ประตูอีกด้านของห้องรับรองก็เปิดออก ก่อนที่เฟเรสจะเดินเข้ามา

ตึก ตึก

ขาเรียวยาวก้าวเดินตรงเข้ามา ไม่มีทั้งความกังวลและความกระวนกระวายใดๆ ให้เห็น

เฟเรสไปหยุดยืนอยู่หน้าประตูที่เชื่อมกับห้องประชุมใหญ่เช่นเดียวกันกับอาสทาน่า

 น่าสมเพช 

จู่ๆ เฟเรสก็เอ่ยปากไปทางอาสทาน่า

 ว่าไงนะ 

อาสทาน่าหันไปจ้องเฟเรสเขม็ง

และในตอนนั้นเอง ประตูห้องประชุมก็พลันเปิดออกกว้างพอดี เฟเรสจึงก้าวเท้าเดินตรงเข้าไปข้างในทันที

 ให้ตายเถอะ 

อาสทาน่าเองก็เริ่มก้าวตามไปทั้งๆ ที่ในใจแทบอยากกรีดร้อง มันสายไปแล้ว แถมเขาเองยังตัวเตี้ยกว่าเฟเรสมาก จึงเดินตามอีกฝ่ายไม่ทัน

สุดท้ายอาสทาน่าก็ได้แต่เดินตามหลังเฟเรสเข้าไปในห้องประชุมที่มีขุนนางมากมายนั่งกันเต็มแน่นห้อง

 

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]

Status: Ongoing

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 이번 생은 가주가 되겠습니다 I shall master this family 김로아 คิมโรอา เขียน หนทางการขึ้นเป็นเจ้าตระกูลของหญิงสาวผู้กลับมาชาติมาเกิดใหม่ถึงสองครั้งสองครา เมื่อ ฟีเรนเทีย ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์และได้มาเกิดใหม่ในตระกูลลอมบาร์เดียที่ยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักรแลมบลู ในฐานะหลานสาวของเจ้าตระกูลที่เกิดจากมารดาสามัญชนทำให้โดนรังเกียจจากคนในตระกูล เมื่อพ่อและปู่ขอเธอตายจากไป เธอถูกขับไล่ออกจากตระกูล สองปีหลังจากนั้น ตระกูลลอมบาร์เดียก็ล่มสลาย แต่แล้ว เมื่อเธอประสบอุบัติเหตุอีกครั้งและมีโอกาสได้ย้อนกลับมาเมื่อตอน 7 ขวบ ครั้งนี้เธอจึงตั้งมั่นที่จะเปลี่ยนแปลงอนาคตและตั้งใจจะขึ้นเป็นเจ้าตระกูลคนถัดไปให้ได้ หนทางแห่งการขึ้นเป็นเจ้าตระกูลจะลำบากยากเย็นเพียงไหน มาเอาใจช่วย ฟีเรนเทียได้ใน “ชาตินี้ข้าจะเป็นเจ้าตระกูล”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท