ตอนที่ 143
ได้ยินคำพูดปลอบโยนจากคุณหนูตัวน้อยแบบนี้ ยิ่งรู้สึกขอบคุณมากเลยครับ
ตัวแทนเจ้าตระกูลไอบันเอ่ยกับเธอเสียงสั่นเครือ
ไม่ได้พูดเพราะนางเป็นหลานสาวข้าหรอกนะ ตอนนี้นางอาจจะเพิ่งบรรลุนิติภาวะก็จริง แต่ก็เป็นเด็กที่ใจกว้าง ทั้งยังฉลาดมากทีเดียว
ท่านปู่แอบพูดชมเธอจากข้างๆ
กิจการไปรษณีย์ลอมบาร์เดียคราวนี้เองก็เป็นผลงานของเด็กคนนี้
โอ้ว อย่างนั้นหรือครับ
แววตาของตัวแทนเจ้าตระกูลไอบันที่หันมามองเธอเปลี่ยนแปลงไปในทันที
เธอฉีกยิ้มพร้อมกับชี้ไปยังโต๊ะที่มีชาจัดเตรียมเอาไว้
ข้าเตรียมชาที่จะช่วยผ่อนคลายให้หลับสบายเอาไว้ให้ค่ะ ดื่มไปคุยไปเถอะค่ะ
ชาที่เธอเป็นคนเลือกด้วยความเอาใจใส่ ที่จริงแล้วเป็นชาที่ช่วยให้ใจสงบลงมากกว่าจะช่วยเรื่องการนอนหลับ
และดูเหมือนมันจะได้ผลดียิ่ง สีหน้าของตัวแทนเจ้าตระกูลไอบันที่นั่งลงจิบชาไปหลายจิบดูดีกว่าเมื่อครู่นี้อย่างเห็นได้ชัด
ใบหน้านิ่งขรึมเหมือนน้ำแข็งก็ละลายลงดูอ่อนโยนมากขึ้น
อ่อนลงจนเหมาะที่จะบดขยี้ลงไปตามใจชอบเลยละ
สถานการณ์ความเสียหายเป็นยังไงบ้าง
ท่านปู่เป็นฝ่ายพูดก่อนตามสคริปต์ที่เธอวางไว้ให้ก่อนที่ตัวแทนเจ้าตระกูลไอบันจะมาถึง
เท่าที่ประเมินจนถึงตอนนี้ ผู้ได้รับบาดเจ็บมีไม่มากเท่าไหร่ครับ ทว่า…
ผิดคาด ตัวแทนเจ้าตระกูลไอบันยอมเล่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นออกมาตามตรงอย่างไม่คิดปิดบัง
หากปล่อยไว้แบบนี้ เมื่อฤดูหนาวผ่านพ้นไปและฤดูใบไม้ผลิมาถึง พลเมืองคงไม่อาจทำการเพาะปลูกพืชผลทางการเกษตรได้แน่ครับ
ตอนนี้เรื่องเพาะปลูกมันใช่ปัญหาที่ไหนกันล่ะ ต้องเป็นห่วงเรื่องฤดูหนาวที่จะมาเยือนก่อนต่างหาก ฤดูหนาวของแถบเหนือรุนแรงมากไม่ใช่หรือไง
…ที่กล่าวมาก็ถูกครับ
ไหล่ของตัวแทนเจ้าตระกูลไอบันลู่ลงอย่างไร้เรี่ยวแรง
และเมื่อได้เห็นภาพนั้น เธอก็มั่นใจในทันที
เห็นว่าเดินทางเข้าวังจักรพรรดินีไปตั้งแต่เช้าตรู่ ท่าทางความสัมพันธ์กับจักรพรรดินีจะไม่ได้ดีเหมือนแต่ก่อนเสียแล้ว
ถ้าหากยังคงรักษาสายสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับตระกูลอังเกนัสไว้เหมือนเคยแล้วละก็ ตัวแทนเจ้าตระกูลไอบันย่อมต้องไม่ละความระแวดระวังที่มีต่อเธอและท่านปู่จนถึงที่สุด
แต่ก็นะ ในเมื่อไอบันไม่สามารถมอบต้นทรีบ้าให้กับทางนั้นได้อีกต่อไปแล้วจักรพรรดินีย่อมไม่มีทางสนใจไยดีพวกเขาต่อไป
แค่ไม่เชิดหน้าคอตั้งและโวยวายผลักไสภาระความรับผิดชอบเรื่องเหตุดินถล่มใส่ทันทีก็ยังถือว่าแปลกด้วยซ้ำ
ยังไงก็ช่างเถอะ ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือตระกูลไอบันซึ่งเป็นตัวแทนเขตแดนเหนือที่กำลังตกอยู่ในภาวะเหมือนว่าวที่เชือกเริ่มหย่อนจนคล้อยต่ำลงมาต่างหาก
คราวนี้ตระกูลไอบันประมาทเกินไปจริงๆ จะตัดไม้ก็ควรจะทำอย่างเหมาะสมกำแพงปราการเพียงแค่สร้างขึ้นใหม่ก็ย่อมได้ แต่ชีวิตที่สูญเสียไปจากเหตุดินถล่มนั่นจะทำเช่นไร
ท่านปู่เอ่ยเสียงเข้มคล้ายเป็นการตำหนิ
เธอที่นั่งอยู่ข้างๆ รีบเข้าข้างฝ่ายตระกูลไอบัน
ไม่มีใครทราบนี่คะว่าฝนจะตกลงมาหนักขนาดนั้น ท่านปู่
แต่คนเป็นเจ้าตระกูลก็ต้องรู้จักเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์แบบนั้นด้วยสิ
เธอกับท่านปู่ไม่ได้มีความเห็นขัดแย้งกันจริงๆ หรอกก็แค่เล่นละครไปตามบทที่วางเอาไว้เท่านั้นเอง
ฝ่ายหนึ่งคอยข่มขู่กลั่นแกล้งให้หวาดกลัว กลับกันอีกฝ่ายก็จะช่วยปกป้องและปลอบประโลม
ถ้าทำเช่นนั้น โดยธรรมชาติแล้ว คนที่สามในเหตุการณ์ก็จะมีความรู้สึกที่ดีต่อฝ่ายที่ช่วยออกหน้าปกป้องตัวเอง และเริ่มคล้อยตามคำพูดไปเอง
ตอนนี้มาพร่ำพูดเรื่องที่ทำพลาดไปแล้วมันจะไปได้ประโยชน์อะไรขึ้นมาล่ะคะ ท่านปู่ เรื่องที่สำคัญที่สุดคือการทำให้ผู้คนทั้งหลายได้กลับไปใช้ชีวิตเหมือนอย่างที่เคยเป็นให้เร็วที่สุดต่างหาก ว่ามั้ยคะ ท่านตัวแทนเจ้าตระกูลไอบัน
พับเรื่องที่ผ่านมาแล้วเก็บไป แล้วมาหาวิธีการแก้ไขกันดีกว่า
มันเป็นประโยคที่คนซึ่งกระทำความผิดและต้องแบกรับความผิดพวกนั้นชอบมากที่สุดตัวแทนเจ้าตระกูลไอบันเองก็ไม่ต่างกัน
ใช่ครับ ตระกูลในเขตเหนือทุกตระกูลตอนนี้ต่างก็กำลังมุ่งมั่นอยู่กับเรื่องฟื้นฟูความเสียหายที่เกิดขึ้นครับ
และเพื่อที่จะให้ความช่วยเหลือในเรื่องดังกล่าว วันนี้ข้าถึงได้ติดต่อขอพบตัวแทนเจ้าตระกูลไอบันค่ะ
ช่วยเหลืออย่างนั้นหรือ…
จะสร้างเขตเหนือให้กลับมาเป็นเหมือนแต่ก่อน สิ่งที่จำเป็นที่สุดคือไม้ใช่มั้ยล่ะคะ
ชะ ใช่
แต่จะตัดไม้เพิ่มก็ไม่ได้ เพราะกังวลว่าเดี๋ยวจะเกิดเหตุดินถล่มขึ้นมาอีกสินะคะ
ถึงยังไงเส้นทางไปยังแคมป์ตัดไม้ก็ถูกดินถล่มปิดกั้นเส้นทางสัญจรทั้งหมด…
ตายจริง เรื่องเช่นนั้น…
หลังจากแสร้งทำเป็นตกอกตกใจพอประมาณ เธอก็พูดเสริมต่อทันที
ท่านเครย์ลีบัน เพลเลส เจ้าของร้านค้าเพลเลสเป็นอาจารย์ที่ช่วยอบรมสั่งสอนข้ามาตั้งแต่เด็กค่ะ และก็โล่งอกที่ทางร้านค้าเพลเลสเก็บรวบรวมไม้ทรีบ้าเอาไว้เป็นจำนวนมากทั้งยังไม่ได้ใช้งานมันเลยสักท่อน อาจารย์เองก็เห็นใจทางเหนือมาก เลยคิดจะขายไม้พวกนั้นกลับคืนให้ในราคาทุนที่ซื้อมาค่ะ
อันที่จริงไม่ใช่เครย์ลีบันหรอก แต่เป็นเธอเองนี่แหละที่ตั้งใจกว้านซื้อมันเอาไว้เพื่อแผนการนี้โดยเฉพาะ แต่ก็ช่างเถอะ
พูดจริงหรือ ถะ…ถ้าหากเป็นเงินละก็ ไม่ว่าจะเรียกร้องเท่าไหร่ ไม่สิ ตอนนี้อาจจะลำบากเล็กน้อย แต่ถ้ามอบเวลาให้พวกข้าสักหน่อยละก็ ข้าสามารถจ่ายได้แน่นอน!
ตัวแทนเจ้าตระกูลไอบันดีใจเป็นอย่างยิ่ง
ไอบันไม่ใช่เขตแดนที่ยากจนเลยแม้แต่น้อย
แต่เป็นเพราะสถานการณ์ในตอนนี้ที่กิจการเพาะปลูกและกิจการเหมืองแร่ซึ่งเป็นกิจการหลักนั้นถูกปิดตาย พวกเขาจึงไม่อาจจ่ายเงินก้อนใหญ่ออกไปได้ในทันที
เรื่องนั้นไม่ต้องกังวลมากไปหรอกค่ะ ไม้พวกนั้นทางลอมบาร์เดียของพวกเราคิดไว้แล้วว่าจะช่วยซื้อมาครึ่งหนึ่ง เพื่อจัดส่งไปช่วยเหลือเป็นเขตแดนทางเหนือค่ะ
มะ ไม่สิ เงินมากมายขนาดนั้น…
ตัวแทนเจ้าตระกูลไอบันที่กำลังตกใจกับคำพูดของเธอ เพียงครู่เดียวก็ชะงักพูดอะไรต่อไม่ออก
เพราะตระหนักขึ้นมาได้ว่า บุคคลที่เขากำลังเผชิญหน้าอยู่ในตอนนี้ ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นตระกูลลอมบาร์เดีย
ว่ากันตามตรง ต่อให้ใช้เงินเป็นสิบเท่าของเงินจำนวนนั้น ก็ยังไม่ได้ถึงเศษเสี้ยวทรัพย์สินของลอมบาร์เดียเลยด้วยซ้ำ
ตัวแทนเจ้าตระกูลไอบันลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะโค้งศีรษะลงเล็กน้อย
ถึงแม้จะน่าละอายใจ แต่ข้าขอรับความช่วยเหลือจาก…ลอมบาร์เดียเอาไว้ครับ ขอบคุณครับ
และเสียงที่เอ่ยตามมาหลังจากนั้น ฟังดูสั่นเครือเจือสะอื้นไห้
วันนี้ทั้งวันข้าได้ไปเที่ยวขอความช่วยเหลือมาหลายที่ แต่กลับโดนปฏิเสธตลอด… มะ ไม่รู้ว่าจะต้องแสดงความขอบคุณเช่นไร…
ตัวแทนเจ้าตระกูลไอบันมองสบตาท่านปู่
ท่านปู่เอ่ยกับลอนเชนต์ ไอบันด้วยเสียงที่ผ่อนคลาย
ข้าทำอะไรที่ไหนกัน อำนาจการตัดสินใจทั้งหมดของเรื่องนี้อยู่ที่เด็กคนนี้ต่างหากล่ะ
อา…
ตัวแทนเจ้าตระกูลไอบันคนนี้มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับท่านพ่อของเธอ เขายิ้มกว้าง ก่อนจะเอ่ยกับเธอ
ขอบใจมากนะ คุณหนูลอมบาร์เดีย
ภัยพิบัติทางธรรมชาติ มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้กับทุกคนอยู่แล้วนี่คะ เวลาแบบนี้สมควรที่จะช่วยเหลือกันและกันไม่ใช่เหรอคะ
คือว่า ถ้าหากมีสิ่งใดที่ไอบันของพวกข้าตอบแทนได้ละก็…
ใช่ นั่นแหละที่เธอต้องการ!
คำที่เธออยากได้ยินคือคำนี้นี่แหละ!
เธอยิ้มเล็กน้อย ค่อยๆ เลียบๆ เคียงๆ เอ่ยถึงสาเหตุหลักที่ในการพบปะครั้งนี้ออกไป
ถ้าอย่างนั้นก็มีอยู่เรื่องหนึ่ง…
เรื่องอะไรหรือ
ตัวแทนเจ้าตระกูลไอบันเอ่ยถามราวกับจะบอกว่า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดก็ขอให้พูดออกมาได้ทุกเรื่อง