เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] – เล่ม 4 บทที่ 143.2

เล่ม 4 บทที่ 143.2

  ในการประชุมวันพรุ่งนี้ สมควรที่จะวางแผนเพื่อไม่ให้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นอีกรอบค่ะ วิธีการที่ดีที่สุดก็คือ ให้ทุกคนที่ต้องรับผิดชอบเหตุดินถล่มคราวนี้ ได้รับโทษที่เหมาะสมยังไงล่ะคะ  

  โทษ…  

  แน่นอนว่าทางเหนือต้องเสียหายอย่างหนัก เพราะเหตุดินถล่มไปแล้ว เพียงแค่มุ่งมั่นลงแรงกับการฟื้นฟูก็พอแล้วค่ะ  

  อา…  

สายตาของตัวแทนเจ้าตระกูลไอบันสั่นไหวอีกครั้ง

หมายความว่า ต้องการให้เขาเป็นกำลังเสริมในการต่อสู้กับจักรพรรดินีและตระกูลอังเกนัส

ดูเหมือนตัวแทนเจ้าตระกูลเองก็เข้าใจความหมายที่เธอต้องการสื่อเป็นอย่างดี

  ถึงคราวข้าพูดบ้างแล้วสินะ  

ท่านปู่ที่นั่งฟังบทสนทนาระหว่างเธอกับตัวแทนเจ้าตระกูลไอบันอยู่เงียบๆ มาโดยตลอด เอ่ยปากพูดขึ้น

ท่านปู่เริ่มบอกกล่าวคำพูดทั้งหลายซึ่งตัวแทนเจ้าตระกูลไอบันสมควรจะพูดในการประชุมใหญ่

ตัวแทนเจ้าตระกูลเองก็นั่งฟังอยู่เงียบๆ ไม่โต้แย้งอะไร พลางพยักหน้าตอบรับไปด้วย

คำพูดพวกนั้นไม่ใช่เรื่องที่น่าฝืนใจอะไรนัก เพราะเท่าที่ฟังดู คำพูดพวกนั้นก็เป็นเรื่องที่ไอบันสามารถพูดออกไปได้โดยไม่กระทบกระเทือนฐานะของตัวเองอยู่แล้ว

  ถ้าอย่างนั้นไว้พบกันพรุ่งนี้นะครับ  

ตัวแทนเจ้าตระกูลไอบันกล่าวลาท่านปู่ด้วยความนอบน้อม แล้วจึงปลีกตัวออกไปจากห้องทำงาน

เมื่อเหลืออยู่ตามลำพัง เธอกับท่านปู่ก็ดื่มด่ำกับความเงียบสงบกันอยู่ครู่หนึ่ง และท่านปู่ก็ยิ้มกว้างหันมาพูดกับเธอ

  ไม่ใช่ย่อยเลยนะ  

เธอเองก็ตอบกลับท่านปู่ไปเช่นกัน

  ท่านปู่ก็เช่นกันค่ะ  

  อะไรนะ ฮ่าฮ่าฮ่า!  

เสียงหัวเราะของท่านปู่ดังก้องไปทั่วห้องทำงาน

ท่านปู่หัวเราะเสียงดังจนริ้วรอยเด่นชัดขึ้นมาบนใบหน้า ท่านยกมือขึ้นลูบศีรษะเธอด้วยความเอ็นดู

  ใช่ สมแล้วที่เจ้าเป็นหลานสาวข้า ดูจากการเกลี้ยมกล่อมตัวแทนเจ้าตระกูลไอบันก็เห็นได้ชัดเลยละ  

หลานสาวของท่านปู่

ไม่ว่าจะได้ยินกี่ครั้ง ทุกครั้งที่ได้ยินก็ทำเอาเธอรู้สึกตื้นตันใจจนอยากร้องไห้

เธอเก็บความรู้สึกอ่อนไหวลงไป แล้วฉีกยิ้มกว้างออกมาแทน

  ข้าก็แค่กอบโกยความดีความชอบ โดยใช้ในสิ่งที่ลอมบาร์เดียมีอยู่แล้วเท่านั้นเองนี่คะ  

ท่านปู่เอ่ยกับเธอที่นั่งยักไหล่ไม่แยแสอะไรนักด้วยแววตาเปล่งประกายวาววับแปลกๆ ชอบกล

  ก็จริง ลอมบาร์เดียจะโอ้อวดในสิ่งที่ลอมบาร์เดียเป็นเจ้าของแล้วใครมันจะทำไม  

  ฮ่าฮ่า!  

คราวนี้เป็นเธอบ้างที่ต้องระเบิดหัวเราะเสียงดัง

ว่าแล้วเชียว

ท่านปู่ของเธอน่ะ เท่ที่สุดเลย

* * *

การประชุมใหญ่ถูกจัดขึ้นเพื่อหารือเรื่องให้ความช่วยเหลือเขตแดนเหนือ

เนื่องจากไม่กี่วันก่อนก็เพิ่งจะจัดการประชุมตามระเบียบวาระไป ทำให้มีขุนนางหลายคนไม่ชอบใจนัก แต่ในการประชุมที่มีทั้งองค์จักรพรรดิและเจ้าชายทั้งสองพระองค์เข้าร่วมด้วย ย่อมไม่มีใครกล้าอวดดีท้วงติงอะไรออกไป

ภายในห้องประชุมมีเสียงโหวกเหวกเล็กน้อย เพราะขุนนางหลายคนใช้ข้ออ้างเรื่องข่าวการเสียชีวิตของเจ้าตระกูลอังเกนัส เพื่อเข้าไปพูดคุยกับอาสทาน่า

  พระองค์คงจะใจสลายมากเลยใช่มั้ยพ่ะย่ะค่ะเจ้าชายลำดับที่หนึ่ง  

  ก็มีเสียใจอยู่บ้าง แต่ข้าไม่เป็นอะไรหรอก แต่เสด็จแม่น่ะสิ เสียพระทัยมากจนเสวยอะไรไม่ลง ไม่อาจลุกขึ้นจากเตียงได้เลย  

อาสทาน่าสวมชุดไว้ทุกข์สีดำสนิท เอาแต่ร่ายคำพูดเดิมๆ เหมือนนกแก้ว

  เริ่มการประชุมกันได้แล้ว  

คำพูดประโยคเดียวขององค์จักรพรรดิ ทำให้ขุนนางทั้งหลายรีบกลับไปประจำตำแหน่งของตัวเอง ก่อนจะลอบแลกเปลี่ยนสายตากันลับๆ

พวกเขาต่างเป็นพวกหูตาว่องไวดังนั้นจึงตระหนักได้ว่าอันตรายแบบไหนกันที่ถึงกับทำให้อังเกนัสพยายามหลบเลี่ยงโดยการละทิ้งการประชุมใหญ่เช่นนี้ และกำลังลังเลอยู่ว่าควรจะเลือกข้างฝ่ายใดถึงจะเหมาะสม

ไม่นานหลังจากนั้น การประชุมก็เริ่มต้นขึ้น จักรพรรดิเปิดประเด็นหลักที่จัดการประชุมในวันนี้ขึ้นมาในทันที

  ไหนลองบอกวิธีการแก้ไขที่ไปคิดกันมาหน่อยซิ  

แต่กลับไม่มีใครเสนอตัวลุกขึ้นพูดเลยแม้แต่คนเดียว

ท่ามกลางความเงียบ ตัวแทนจากตระกูลบาราพอร์ทซึ่งเป็นพันธมิตรกับตระกูลอังเกนัส เป็นฝ่ายเปิดปากพูดคนแรก

  เหมือนอย่างเหตุภัยแล้งทางตะวันออกเมื่อคราวก่อน ลดภาษีเขตแดนเหนือลงเป็นเช่นไรพ่ะย่ะค่ะ  

  ฮึ่ม  

จักรพรรดิโยบาเนสขมวดคิ้วแน่นด้วยความไม่พอใจ

การลดภาษีลง สุดท้ายก็ไม่ต่างอะไรจากการลดเงินท้องพระคลัง

หมายความว่า พวกขุนนางที่เสนอความเห็นนี้ออกมา จะไม่ต้องเสียเงินทอง หรือเสียหายขาดทุนเรื่องใดแม้แต่เรื่องเดียว

  ไม่มีความเห็นอื่นนอกจากความเห็นนี้แล้วหรือไงกัน  

ห้องประชุมตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง

ถ้าปล่อยเอาไว้แบบนี้ พระองค์คงต้องเปิดคลังหลวงเพื่อให้ความช่วยเหลือเขตแดนเหนือจริงๆ เป็นแน่

แต่จะแสร้งทำเป็นเมินเฉยเขตเหนือก็ไม่ได้ด้วย

จักรพรรดิโยบาเนสเหลือบมองตัวแทนเจ้าตระกูลไอบันที่นั่งนิ่งอยู่กับที่ แล้วก็เริ่มรู้สึกร้อนใจขึ้นมา

  ข้าผิดหวังในตัวพวกท่านจริงๆ ! นี่คือวิธีที่ดีที่สุดที่พวกเจ้าจะคิดได้แล้วหรือไง!  

  ฝ่าบาท  

สิ้นสุดเสียงตวาดลั่นด้วยความโมโหของโยบาเนส รูลลัก ลอมบาร์เดียก็หยัดกายลุกขึ้นจากที่นั่งอย่างช้าๆ

  โอ้ อะไรหรือ เจ้าตระกูลลอมบาร์เดีย  

จักรพรรดิทั้งดีใจและยินดีที่รูลลักเสนอตัวพูดขึ้น

ใช่แล้ว ลอมบาร์เดียไม่มีทางแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องราวได้อยู่แล้ว

นัยน์ตาของโยบาเนสยามมองรูลลักจึงส่องประกายไปด้วยความคาดหวัง

รูลลักหันไปมองรอบๆ ห้องด้วยนัยน์ตานิ่งสงบ แล้วจึงประกาศก้องเสียงดัง

  พวกเราลอมบาร์เดียไม่อาจเมินเฉยต่อเหตุน่าสลดของเขตแดนเหนือ ซึ่งเป็นพันธมิตร เป็นสหายที่สนิทสนมกันมานานได้ ดังนั้นจึงได้คิดวิธีให้ความช่วยเหลือต่างๆ มากมาย  

สหายที่สนิทสนมกันมานาน? พันธมิตร?

ขุนนางทั้งหลายต่างก็หันไปมองตัวแทนเจ้าตระกูลไอบันด้วยใบหน้าสับสนงุนงง

ในการประชุมครั้งก่อน ไอบันยังเป็นตระกูลที่ถือข้างฝ่ายจักรพรรดินีอยู่เลย

ขนาดเจ้าชายลำดับที่หนึ่งยังออกหน้า บอกให้เอาเงินช่วยเหลือตะวันออกไปให้ทางเขตเหนือแทนเลยไม่ใช่หรือไงกัน

แต่ผ่านไปแค่ไม่กี่วัน ลอมบาร์เดียกลับบอกว่าเขตเหนือรวมถึงไอบัน เป็นพันธมิตรของฝ่ายตัวเองเนี่ยนะนี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่

เหล่าขุนนางได้แต่เบิกตากว้างมองรูลลักกันเป็นสายตาเดียว

  ผลลัพธ์ที่ได้จากการครุ่นคิดไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน ลอมบาร์เดียตัดสินใจที่จะร่วมมือกับร้านค้าเพลเลส ทางนั้นจะส่งมอบไม้ทรีบ้าจำนวนมากเพื่อจะได้ช่วยให้ทางเหนือฟื้นตัวได้เร็วที่สุดส่วนลอมบาร์เดียก็จะส่งช่างฝีมือจำนวนห้าคนจากกลุ่มก่อสร้างลอมบาร์เดียไปยังเขตแดนภาคเหนือ เพื่อเร่งฟื้นฟูสิ่งก่อสร้างให้เป็นไปได้อย่างราบรื่น  

เรื่องของเขตเหนือที่อยู่ไกลแสนไกล ลอมบาร์เดียจากภาคกลางถึงกับลงมือเคลื่อนไหวอย่างกระตือรือร้นขนาดนี้

การประกาศอย่างกะทันหันทำให้ทั่วห้องประชุมเกิดเสียงฮือฮาขึ้นมา

แต่รูลลัก ลอมบาร์เดียไม่คิดสนใจเสียงเหล่านั้น เขายังคงพูดต่อไป

  และผู้รับผิดชอบในทุกขั้นตอนที่จะถูกส่งตัวไปยังเขตแดนไอบัน ทางลอมบาร์เดียจะเป็นคนจัดการควบคุมดูแลด้วยตัวเองทั้งหมด  

  โฮ่ว ผู้รับผิดชอบงั้นหรือ จะต้องรับหน้าที่สำคัญมากทีเดียวนะ คนที่ว่านั่นเป็นใครกันล่ะ เจ้าตระกูลลอมบาร์เดีย  

โยบาเนสหยัดกายลุกขึ้นนั่งตัวตรง ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเปี่ยมไปด้วยความสนใจ

รูลลักยิ้มกว้าง ก่อนจะเอ่ยเสียงภาคภูมิ

  พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท ผู้รับผิดชอบในด้านการให้ความช่วยเหลือคราวนี้ก็คือหลานสาวของข้า รูลลักคนนี้ บุตรสาวของแคลอฮัน ลอมบาร์เดีย หรือก็คือฟีเรนเทีย ลอมบาร์เดียพ่ะย่ะค่ะ  

 

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]

Status: Ongoing

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 이번 생은 가주가 되겠습니다 I shall master this family 김로아 คิมโรอา เขียน หนทางการขึ้นเป็นเจ้าตระกูลของหญิงสาวผู้กลับมาชาติมาเกิดใหม่ถึงสองครั้งสองครา เมื่อ ฟีเรนเทีย ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์และได้มาเกิดใหม่ในตระกูลลอมบาร์เดียที่ยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักรแลมบลู ในฐานะหลานสาวของเจ้าตระกูลที่เกิดจากมารดาสามัญชนทำให้โดนรังเกียจจากคนในตระกูล เมื่อพ่อและปู่ขอเธอตายจากไป เธอถูกขับไล่ออกจากตระกูล สองปีหลังจากนั้น ตระกูลลอมบาร์เดียก็ล่มสลาย แต่แล้ว เมื่อเธอประสบอุบัติเหตุอีกครั้งและมีโอกาสได้ย้อนกลับมาเมื่อตอน 7 ขวบ ครั้งนี้เธอจึงตั้งมั่นที่จะเปลี่ยนแปลงอนาคตและตั้งใจจะขึ้นเป็นเจ้าตระกูลคนถัดไปให้ได้ หนทางแห่งการขึ้นเป็นเจ้าตระกูลจะลำบากยากเย็นเพียงไหน มาเอาใจช่วย ฟีเรนเทียได้ใน “ชาตินี้ข้าจะเป็นเจ้าตระกูล”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท