เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] – เล่ม 4 บทที่ 144.2

เล่ม 4 บทที่ 144.2

พวกขุนนางต่างก็เงียบเสียงไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่อาจทราบได้

ทุกคนกำลังรอคำตัดสินของจักรพรรดิกันอยู่

และในตอนนั้นเอง เฟเรสก็เอ่ยขึ้นมาเสียงทุ้มต่ำ

 ลงโทษให้เสียค่าปรับเป็นเช่นไรพ่ะย่ะค่ะ 

 …ค่าปรับ? 

 พ่ะย่ะค่ะ ด้วยจำนวนที่เหมาะสม 

การเสียเงินค่าปรับเป็นโทษที่เบาที่สุดในบรรดาโทษที่สามารถลงทัณฑ์เหล่าขุนนางได้ และเป็นวิธีการที่พวกเขาจะไม่ต้องสูญเสียเกียรติไปด้วย

รูลลัก ลอมบาร์เดียเอ่ยค้านเสียงทุ้ม

 กำแพงป้อมปราการพังทลาย ทั้งยังมีคนบาดเจ็บล้มตายพ่ะย่ะค่ะ มันไม่ใช่เรื่องที่จะแก้ไขได้ด้วยเงินค่าปรับนะพ่ะย่ะค่ะ 

 การลงโทษด้วยเงินค่าปรับอย่างไรก็เป็นการลงโทษรูปแบบหนึ่งไม่ใช่หรือครับ 

เฟเรสโต้เถียงคำของรูลลัก

และหันไปมองจักรพรรดิโยบาเนส ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า

 ลงโทษให้จ่ายเงินค่าปรับราคาสูง และแบ่งเงินส่วนหนึ่งไปช่วยส่งเสริมการฟื้นฟูเขตเหนือ กระหม่อมคิดว่าน่าจะสมเหตุสมผลอยู่พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท 

 นั่นช่างเป็นความคิดที่ดีจริงๆ ! 

จักรพรรดิโยบาเนสตบเข่าเสียงดังฉาดในขณะที่พูดขึ้น

หากเป็นการเสียเงินค่าปรับรูปแบบนั้นละก็ นอกจากจะไม่เสียชื่อแล้ว ยังช่วยรักษาหน้าตาของราชวงศ์เอาไว้ได้ด้วย

โยบาเนสรีบประกาศคำตัดสิน ก่อนที่จะมีเสียงคัดค้านอะไรดังขึ้นมาอีก

 ข้าขอสั่งลงโทษให้ตระกูลอังเกนัสจ่ายเงินค่าปรับจำนวน 10,000เหรียญทอง และเงินจำนวนครึ่งหนึ่ง หรือ5,000 เหรียญทองจะถูกนำไปใช้ในการบูรณะและช่วยเหลือเขตแดนเหนือ 

ในเมื่อองค์จักรพรรดิมีรับสั่งตัดสินออกมาแล้ว ย่อมไม่มีใครสามารถโต้แย้งอะไรได้อีก รูลลักจึงได้แต่จ้องเจ้าชายลำดับที่สองเขม็ง

‘เด็กนี่ ไม่ถูกใจเขาเอาเสียเลย’

ตั้งแต่เรื่องที่เสนอตัวขอไปเขตแดนเหนือพร้อมกับฟีเรนเทีย จนถึงที่เมื่อครู่นี้เสนอความเห็นให้ลงโทษในรูปแบบค่าปรับ เขาไม่ถูกใจสักเรื่อง

ไม่สิ ตั้งแต่วันที่พบหน้าในวังเล็กผุพังนั่นเป็นครั้งแรก ก็ไม่มีส่วนไหนถูกใจเขาเลยสักจุด

ไม่มีทางที่จะไม่รู้สึกถึงสายตาไม่เป็นมิตรของรูลลัก แต่เฟเรสก็ยังกระตุกยิ้มอย่างหาได้ยากยามมองสบตารูลลักกลับไป

เขาอาจจะไม่ค่อยแสดงความรู้สึกอะไรออกมาให้เห็นภายนอกก็จริง แต่ตอนนี้เฟเรสอารมณ์ดีมากจริงๆ

ทั้งเรื่องที่ได้ไปเขตแดนเหนือด้วยกันกับเทียก็ด้วย แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือเรื่องที่จักรพรรดินีและอังเกนัสต้องเสียเงินจำนวนมากอย่างหนึ่งหมื่นเหรียญทอง

เขากำลังกลุ้มใจอยู่พอดี เพราะดูเหมือนว่าไม้ทรีบ้าที่เขาเพียรกว้านซื้อเอาไว้ มันไม่มากพอที่จะสูบเงินของอังเกนัสให้หมดสิ้นได้แท้ๆ

หากเป็นเงินจำนวนหนึ่งหมื่นเหรียญทองที่ต้องควักจ่ายออกไปทันทีนั่นละก็ ย่อมเป็นยอดเงินที่เหมาะสมยิ่ง

เฟเรสเดินตามหลังจักรพรรดิออกจากห้องประชุม เขากระตุกยิ้มอย่างมีเลศนัย

* * *

 หนึ่งหมื่นเหรียญทองอย่างนั้นหรือ…! 

จักรพรรดินีราวีนี่กัดริมฝีปากแน่น หลังจากได้ยินผลการตัดสินในที่ประชุมใหญ่

ปกติการลงโทษในรูปแบบเงินสินไหมค่าปรับ มักจะถูกนำไปใช้กับเรื่องทางการทหารเสียมากกว่า แต่คราวนี้มันไม่ใช่

ตอนนี้เงินทองของพวกเขากำลังร่อยหรอขาดแคลนอยู่มาก

 ขายเขตแดนออกไปบางเขต…เป็นเช่นไรพ่ะย่ะค่ะ 

ดิวอิจลอบสังเกตสีหน้าของจักรพรรดินี พลางเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง

 …คงมีแต่วิธีนั้นเท่านั้น 

จักรพรรดินีตอบเสียงเย็นชา

ตระกูลที่ครอบครองเขตแดนจำนวนมากที่สุดในภาคตะวันตก จึงจะมีสิทธิ์ได้เป็นตัวแทนของเขตแดน

เพราะฉะนั้นการขายเขตแดนทิ้งจึงเป็นวิธีการสุดท้ายที่พวกเขาจะตัดสินใจทำ

แต่ในตอนนี้ นางมองไม่เห็นวิธีอื่นใดที่ดีกว่านี้แล้ว

 ถ้าอย่างนั้นลองส่งสารไปหาตระกูลอื่นๆ ในภาคตะวันตก… 

 เดี๋ยวก่อน 

จักรพรรดินีเอ่ยขัดคำพูดของดิวอิจ ก่อนจะเดินตรงไปหยุดตรงหน้าโต๊ะหนังสือ

และหยิบเอาสารที่ส่งมาถึงนางเมื่อหลายวันก่อนขึ้นมาถือไว้

จักรพรรดินีลูบสัมผัสเนียนลื่นของกระดาษชั้นยอดด้วยปลายนิ้วก่อนจะเอ่ยกับดิวอิจ

 ถ้าขายเขตแดนให้ตระกูลอื่นในภาคตะวันตกเพิ่มไปมากกว่านี้ จะเป็นอันตรายต่อตำแหน่งตัวแทนเขตตะวันตกได้ ดิวอิจ 

 เช่นนั้น…จะต้องทำเช่นไรพ่ะย่ะค่ะ 

 ต้องขายเขตแดนให้กับคนที่ต่อให้ครอบครองโฉนดที่ดินภาคตะวันตก ก็จะไม่ทำให้ตำแหน่งตัวแทนของพวกเราเป็นอันตรายได้ยังไงล่ะ 

จักรพรรดินีพึมพำอะไรบางอย่างที่ไม่อาจเข้าใจความหมายได้ แล้วนั่งลงหยิบปากกาขนนกขึ้นมาเขียนทันที

และไม่นานหลังจากนั้น นางก็ส่งซองสีม่วงที่ปิดผนึกด้วยขี้ผึ้งให้แก่ดิวอิจ

 ส่งสารฉบับนี้ไปยังเซอเชาว์ 

* * *

 ไม่พบจุดไหนแปลกเลย หากสืบเรื่องร้านค้าเพลเลสต่อไปก็มีแต่จะเสียเวลาไปเปล่าๆ 

ริกนีเต้เบาเสียงลงจนแทบกลายเป็นเสียงกระซิบในขณะที่เอ่ยกับเฟเรส

 เจ้าตั้งใจจะหาอะไรกันแน่ ถ้าบอกมาตรงๆ น่าจะช่วยให้การสืบมันง่ายกว่านะ 

 …ข้าเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าอะไร แต่มันมีอะไรบางอย่างแปลกๆ 

ริกนีเต้ได้แต่ถอนหายใจเสียงแผ่วเมื่อได้ยินคำตอบของเฟเรส

แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้บ่นอะไร

ลางสังหรณ์ของเฟเรสมักจะถูกอยู่เสมอจนน่ากลัวทีเดียว

เพราะฉะนั้นเรื่องของร้านค้าเพลเลส ต่อให้เป็นเพียงแค่ความสงสัยไร้ซึ่งหลักฐานของเฟเรส เขาก็ยังยอมทำตามคำสั่งอย่างอดทน

 มันก็มีอะไรแปลกๆ แน่ละ คนเป็นพ่อค้ากลับยอมทิ้งขว้างเงินทอง ทั้งยังยอมรับความเสียหาย เพียงแค่เพื่อส่งไปเป็นกู้ภัยเนี่ยนะ นั่นมันวิธีการเคลื่อนไหวทางการเมืองชัดๆ 

ไม้ทรีบ้าที่พยายามเก็บรวบรวมมาอย่างแข็งขัน เหมือนกระรอกที่เก็บรวบรวมลูกวอลนัทเอาไว้มากมายด้วยความโลภ ตอนที่เขาได้ยินว่าสุดท้ายพวกนั้นเอามันไปใช้เพื่อช่วยเหลือในการก่อสร้างฟื้นฟูเขตแดนเหนือ ริกนีเต้เองก็แทบไม่อยากเชื่อหูตัวเองเหมือนกัน

ในสถานการณ์ที่อังเกนัสกระหายกว้านซื้อไม้ทรีบ้าจนนัยน์ตาลุกเป็นไฟ ต้นทรีบ้าพวกนั้นสามารถสร้างผลกำไรจำนวนมหาศาลให้ได้อย่างแน่นอน

 ยอมปล่อยของพวกนั้นไป แล้วทางร้านค้าเพลเลสจะได้ประโยชน์อะไรกันแน่ 

 ลองสืบเกี่ยวกับร้านค้าเพลเลส โดยเฉพาะเกี่ยวกับเครย์ลีบัน เพลเลสให้มากขึ้นหน่อย ถ้าทำแบบนั้นจะต้องต่อจิ๊กซอว์ทั้งหมดขึ้นมาเป็นรูปเป็นร่างได้ 

และในตอนที่เฟเรสออกคำสั่งเสร็จสิ้น

 พร้อมออกเดินทางแล้วพ่ะย่ะค่ะ เจ้าชายลำดับที่สอง 

มหาดเล็กประจำพระราชวังก็เดินเข้ามาแจ้งกำหนดการเดินทาง

 ….เช่นนั้นก็ขอให้เดินทางปลอดภัยพ่ะย่ะค่ะเจ้าชาย 

ริกนีเต้โค้งศีรษะลงด้วยความนอบน้อม กล่าวคำพูดออกมาราวกับไม่เคยพูดจาเป็นกันเองไร้หางเสียงกับเฟเรสเลยสักครั้ง

เฟเรสรับคำกล่าวลาจากสหาย แล้วหันไปถามมหาดเล็ก

 มีการติดต่อมาจากทีมที่ล่วงหน้าไปก่อนหรือยัง 

 พ่ะย่ะค่ะ แจ้งมาว่าไม่มีอะไรผิดปกติพ่ะย่ะค่ะ 

 กลุ่มสองที่ต้องเตรียมไปอารักขาเองก็เตรียมการพร้อมแล้ว 

 ตามรับสั่งของเจ้าชาย กลุ่มที่สองเตรียมพร้อมที่จะออกเดินทางในสามชั่วโมงให้หลังพ่ะย่ะค่ะ 

 เตรียมพร้อมสำหรับอำนวยความสะดวกให้คุณหนูลอมบาร์เดียด้วยแล้ว? 

 …พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท 

คราวนี้ถึงกับดูแลกระทั่งความสะดวกสบายของคุณหนูที่จะร่วมเดินทางไปด้วยนี่พระองค์ไม่เชื่อใจพวกเขาหรือยังไงกัน

ใบหน้าของมหาดเล็กแฝงไปด้วยความเศร้าหมองอยู่ครู่หนึ่งแต่ก็เพียงแค่ครู่เดียวเท่านั้น

 ลำบากเจ้าแล้ว 

เพราะเฟเรสกล่าวเช่นนั้นพลางตบไหล่เป็นการขอบใจ ทำให้ความเศร้าของมหาดเล็กปลิวหลุดลอยหายไปทันที

 ทุกคนเตรียมตัวกันพร้อมหมดแล้ว ไม่ทราบว่ามัวทำอะไรอยู่ที่นี่เพคะ เจ้าชายลำดับที่สอง 

ฟีเรนเทียซึ่งขึ้นไปนั่งรอในรถม้าก่อนล่วงหน้าถึงกับทนไม่ไหว สุดท้ายต้องลงจากรถม้าเดินมาถามกันโต้งๆ

 เดี๋ยวก็ได้ออกเดินทางกันหลังพระอาทิตย์ตกดินพอดีนะเพคะ 

ถึงแม้จะฉีกยิ้มกว้างอยู่ แต่นัยน์ตาคู่นั้นกลับไม่มีรอยยิ้มให้เห็นเลยแม้แต่นิดเดียว ดูเหมือนจะไม่พอใจเฟเรสเป็นอย่างมาก

แต่ท่าทางที่ได้เห็นก็ยังดูงดงามเหมือนเคยอยู่ดี ทำให้เฟเรสได้แต่กลืนเสียงหัวเราะลงคอ ก่อนจะเอ่ยออกมา

 ….ขออภัยครับ คุณหนูลอมบาร์เดีย เช่นนั้นก็ออกเดินทางกันเลยเถอะครับ 

เฟเรสพาฟีเรนเทียเดินกลับไปยังรถม้าอีกครั้งด้วยความสุภาพอ่อนน้อมและเดินตามหลังนางขึ้นไปนั่งบนรถม้าคันเดียวกันหน้าตาเฉย

 ออกเดินทางได้ 

ประตูรถม้าปิดลง ขบวนเดินทางซึ่งอุปกรณ์บรรเทาสาธารณภัยเพื่อเขตเหนือจึงเริ่มเคลื่อนตัวออกเดินทางอย่างช้าๆ

ข้างหลังรถม้าหรูหราคันใหญ่ที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้ตามคำสั่งของเฟเรสมีเจ้าม้าหลังเปล่าไร้คนนั่งของเฟเรสเดินตามหลังส่งเสียงดังกุบกับ กุบกับ ไปตามทาง

 

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]

Status: Ongoing

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 이번 생은 가주가 되겠습니다 I shall master this family 김로아 คิมโรอา เขียน หนทางการขึ้นเป็นเจ้าตระกูลของหญิงสาวผู้กลับมาชาติมาเกิดใหม่ถึงสองครั้งสองครา เมื่อ ฟีเรนเทีย ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์และได้มาเกิดใหม่ในตระกูลลอมบาร์เดียที่ยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักรแลมบลู ในฐานะหลานสาวของเจ้าตระกูลที่เกิดจากมารดาสามัญชนทำให้โดนรังเกียจจากคนในตระกูล เมื่อพ่อและปู่ขอเธอตายจากไป เธอถูกขับไล่ออกจากตระกูล สองปีหลังจากนั้น ตระกูลลอมบาร์เดียก็ล่มสลาย แต่แล้ว เมื่อเธอประสบอุบัติเหตุอีกครั้งและมีโอกาสได้ย้อนกลับมาเมื่อตอน 7 ขวบ ครั้งนี้เธอจึงตั้งมั่นที่จะเปลี่ยนแปลงอนาคตและตั้งใจจะขึ้นเป็นเจ้าตระกูลคนถัดไปให้ได้ หนทางแห่งการขึ้นเป็นเจ้าตระกูลจะลำบากยากเย็นเพียงไหน มาเอาใจช่วย ฟีเรนเทียได้ใน “ชาตินี้ข้าจะเป็นเจ้าตระกูล”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท