เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] – เล่ม 5 บทที่ 171.1

เล่ม 5 บทที่ 171.1

เล่ม 5 บทที่ 171.1

ตอนที่ 171

หลังจากตรวจเช็กแจกันดอกไม้สีแดงเรียบร้อยแล้ว เธอก็เดินมุ่งหน้าตรงไปหาท่านปู่ที่ห้องทำงานต่อทันที

ก๊อก ก๊อก

 ท่านปู่ อยู่มั้ยคะ 

 หืม เทียหรือ เข้ามาสิ 

จะราชโองการสั่งห้ามอะไรก็ช่างเถอะ ท่านปู่ก็ยังคงดูยุ่งมากเสียจนแทบไม่มีเวลาได้หายใจหายคอเหมือนเดิมอยู่ดีนั่นแหละ และตอนนี้ท่านก็กำลังอ่านเอกสารกองพะเนินเท่าภูเขาที่วางสุมไว้เต็มข้างโต๊ะทีละแผ่น

 เดี๋ยวปู่เรียกโยฮันมาให้ กินคุกกี้รองท้องหน่อยดีมั้ย เดี๋ยวปู่รีบอ่านเอกสารด่วนก่อน แล้วจะไปนั่งคุยกับเจ้าทางนั้น 

ท่านปู่นี่นะ จริงๆ เลย

เธออายุปาเข้าไปตั้งเท่าไหร่แล้ว ยังจะให้กินคุกกี้อีกเหรอ

ถึงแม้คุกกี้ที่พ่อบ้านโยฮันคอยจัดหามาให้เป็นประจำจะอร่อยสุดๆ ไปเลยก็เถอะ

เธอเดินเข้าไปใกล้โต๊ะทำงานของท่านปู่แทนคำตอบ

 ขอเวลาข้าสักครู่ไม่ได้เหรอคะ ข้ามีเรื่องอยากคุยด้วยแค่ครู่เดียวเท่านั้นเองค่ะ 

เธอเองก็ไม่ได้นั่งดื่มชาสนทนากับท่านปู่อย่างผ่อนคลายมานานแล้วเหมือนกัน แต่ยังมีเรื่องมากมายที่รอให้เธอไปวิ่งเต้นจัดการ เพื่อเตรียมความพร้อมในปฏิบัติการช่วยเหลือลาลาเน่

 …ดูเหมือนจะเป็นเรื่องด่วนสินะ 

ท่านปู่คงจะรู้สึกได้จากสีหน้าของเธอว่ามีอะไรบางอย่างผิดปกติ จึงวางปากกาขนนกในมือลงทันที

 ว่ามาสิ เทีย 

 ข้าจะพูดสั้นๆ นะคะ ท่านปู่ 

เธอสูดหายใจเข้าลึก ก่อนจะเอ่ยว่า

 ข้าคิดจะพาลาลาเน่หนีค่ะ 

ท่านปู่ไม่ได้ตกใจหรือโมโหอะไร

เพียงแค่มองหน้าเธอนิ่งๆ ไม่พูดอะไรออกมาสักคำ

สีหน้าราวกับจะบอกว่าให้เธอพูดต่อ

 เรื่องนี้ลาลาเน่เองก็เห็นด้วยค่ะ แน่นอนว่าถึงแม้ท่านปู่จะพยายามขัดขวางการแต่งงานของลาลาเน่อยู่ก็เถอะ แต่ทั้งข้าทั้งท่านปู่ต่างก็ทราบดีไม่ใช่เหรอคะ ลาลาเน่คงอดทนต่อไปได้ไม่นานขนาดนั้น 

 อืมม… 

ท่านปู่ถอนหายใจเสียงแผ่วแทนคำตอบ

 หากปล่อยไว้แบบนี้ สักวันการต่อสู้ทางอำนาจระหว่างตระกูลของพวกเรากับราชวงศ์ก็จะจบไป ลาลาเน่เองก็จะได้เป็นอิสระจากการหมั้นหมาย แต่มันใช้เวลานานมากนะคะกว่าจะสำเร็จ แล้วไหนจะต้องรอทางตระกูลรูมันส่งหนังสือหมั้นหมายอย่างเป็นทางการมาอีก 

ถึงแม้ยังไม่รู้ว่าจะไปได้ถึงจุดนั้นหรือเปล่าก็เถอะ

 ท่านปู่ไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องพวกนี้หรอกค่ะ อย่างไรมันก็จะเกิดขึ้นเพราะลาลาเน่อดทนต่อไปไม่ไหว ถึงได้เลือกที่จะหนีตามคนรักไปยังไงล่ะคะ 

การที่ลาลาเน่หนีไปโดยเจ้าตระกูลมีส่วนรู้เห็นด้วยหรือไม่นั้น มันแตกต่างกันมากราวฟ้ากับเหวเลยทีเดียว

 แต่ถ้าหากคืนนี้กองกำลังอัศวินไม่เฝ้าประตูหน้าเอาไว้ละก็ แล้วก็ถ้าหากเปิดประตูทิ้งไว้ละก็ ลาลาเน่คงจะหนีออกไปจากคฤหาสน์ได้ง่ายขึ้นเยอะเลยค่ะ ท่านปู่ 

นัยน์ตาสีน้ำตาลของท่านปู่มองสบตากับเธอ

เธอเอ่ยถามขึ้นอย่างระมัดระวัง

 ได้มั้ยคะ ท่านปู่ 

อันที่จริงการบอกเรื่องของลาลาเน่ให้ท่านปู่ทราบก็ถือเป็นการเดิมพันอย่างหนึ่ง

เพราะอย่างไรลาลาเน่ก็เป็นทายาทสายตรงของลอมบาร์เดีย การที่นางหนีตามคนรักไปนั้นจึงเป็นเรื่องเสื่อมเสียเกียรติเป็นอย่างมาก

พวกตระกูลขุนนางส่วนหนึ่งแค่ได้ยินคำว่า ‘หนี’ จาก ‘หนีตามคนรัก’ ก็พร้อมที่จะปิดประตูลงกลอนขังบุตรหลานเอาไว้แล้ว

สุดท้ายท่านปู่จะตัดสินใจเช่นไรกันนะ

นัยน์ตาของท่านปู่ส่องประกายขบขันแฝงไปด้วยรอยยิ้มให้เห็นเพียงชั่วเสี้ยววินาที

และจับปากกาขนนกอีกครั้ง ในขณะที่เอ่ยพูดขึ้น

 ได้มั้ยอะไรกัน ข้าไม่เห็นรู้เรื่องเลยว่าเจ้ากำลังพูดถึงเรื่องใดกัน เทีย 

อ๊า ว่าแล้วเชียว!

มุมปากของท่านปู่ยามกล่าวเช่นนั้นแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มจางๆ

 นั่นสิคะ งั้นข้าขอตัวก่อนนะคะ ท่านปู่! 

เธอโค้งศีรษะกล่าวลาท่านปู่ ก่อนจะปลีกตัวออกมาจากห้องทำงาน

คราวนี้ทุกอย่างก็เตรียมการพร้อมหมดแล้ว

* * *

ยามค่ำคืนมาเยือน

ดูเหมือนสวรรค์เองก็เป็นใจอยากช่วยเหลือลาลาเน่ ท้องฟ้าในค่ำคืนนี้ถึงได้ไม่มีทั้งแสงจันทร์หรือแสงสว่างจากดวงดาวเลยสักดวง

ภายใต้ท้องฟ้ายามค่ำคืนอันแสนมืดมิด เธอสะกิดแผ่นหลังอันแสนคุ้นเคยแผ่วเบาก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า

 วันนี้ขอบใจมากนะเฟเรสที่ลำบากมาช่วยกันน่ะ 

แผนการนี้หากไม่มีเฟเรสคอยให้ความช่วยเหลือ ก็จะไม่มีวันสำเร็จได้เลย

เพราะฉะนั้นในสารที่ส่งไปหาเฟเรส เธอถึงได้ขอให้เขาช่วยสละเวลาตามที่เขาสะดวกระหว่าง ‘คืนนี้กับคืนพรุ่งนี้’ ให้หน่อย แต่เด็กหนุ่มกลับกระโดดข้ามรั้วลอมบาร์เดียมาพบเธอทันทีในคืนนี้แทนการส่งสารตอบกลับมา

อืม บางทีเฟเรสอาจจะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการหนีตามคนรักไปก็ได้นะเนี่ย คล่องเชียว

 เทีย มันเป็นเพราะแทบไม่มีเรื่องใดที่เจ้าต้องการให้ข้าช่วยเลยนี่นา เพราะอย่างนั้นเวลาเจ้าเรียก ข้าย่อมต้องรีบมาอยู่แล้วสิ 

เฟเรสหัวเราะเล็กน้อยพลางเอ่ยตอบ

และชี้ไปยังระเบียงห้องของลาลาเน่ ก่อนจะเอ่ยถามขึ้น

 แค่อุ้มขึ้นไปบนนั้นอีกครั้งใช่มั้ย 

 อื้อ แต่วันนี้ไม่ใช่แค่ข้า ต้องช่วยพาลาลาเน่ลงมาด้วย 

 …ลาลาเน่ ลอมบาร์เดีย ด้วย? 

เฟเรสเอียงคอด้วยความแปลกใจเล็กน้อย

 ตั้งใจจะหนีไปวันนี้เหรอ 

 …พูดอย่างกับเจ้ารู้อยู่แล้วว่าข้าตั้งใจจะพาลาลาเน่หนีเลยนะ 

 เพราะข้าคิดว่าถ้าเป็นเทียแล้วละก็ ย่อมไม่มีทางทนดูอยู่เฉยๆ แน่ยังไงล่ะ แต่ถ้าเป็นวันนี้… 

เฟเรสเงยหน้าขึ้นเหลือบมองท้องฟ้า ก่อนจะเอ่ยต่อ

 เลือกวันได้ดีทีเดียว วันแบบนี้แม้แต่เงาก็แทบมองไม่เห็นเลยละ 

 อะไรกัน พูดเหมือนเคยลองทำมาเยอะเลยนะ 

 …ก็เคยบ้างที่อะคาเดมี 

เฟเรสไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่มเติมต่อจากนั้น

เห็นเขาจบการศึกษาเร็วกว่าคนอื่นด้วยคะแนนอันดับท็อป ก็นึกว่าจะเอาแต่เรียนหนังสือเหมือนพวกนักเรียนดีเด่นเสียอีก

ดูจากที่พูดแบบนี้แล้ว ท่าทางจะไม่ใช่แล้วละมั้ง

เธอผลักความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับชีวิตในรั้วอะคาเดมีของเฟเรสออกไปก่อน เอาไว้ค่อยไปถามเขาเอาทีหลังก็ได้

 มานี่สิ เทีย 

เฟเรสเอ่ยพูดพลางยื่นมือออกมาหาเธอเหมือนคราวก่อน

 เจ้า… 

ทำไมน้ำเสียงฟังดูเจ้าเล่ห์แปลกๆ ชอบกล

 ทำไม 

เฟเรสเอาแต่มองหน้าเธอด้วยใบหน้าใสซื่อไม่รู้เรื่องรู้ราวใดๆ

 เฮ้อ ช่างเถอะๆ 

 

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]

Status: Ongoing

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 이번 생은 가주가 되겠습니다 I shall master this family 김로아 คิมโรอา เขียน หนทางการขึ้นเป็นเจ้าตระกูลของหญิงสาวผู้กลับมาชาติมาเกิดใหม่ถึงสองครั้งสองครา เมื่อ ฟีเรนเทีย ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์และได้มาเกิดใหม่ในตระกูลลอมบาร์เดียที่ยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักรแลมบลู ในฐานะหลานสาวของเจ้าตระกูลที่เกิดจากมารดาสามัญชนทำให้โดนรังเกียจจากคนในตระกูล เมื่อพ่อและปู่ขอเธอตายจากไป เธอถูกขับไล่ออกจากตระกูล สองปีหลังจากนั้น ตระกูลลอมบาร์เดียก็ล่มสลาย แต่แล้ว เมื่อเธอประสบอุบัติเหตุอีกครั้งและมีโอกาสได้ย้อนกลับมาเมื่อตอน 7 ขวบ ครั้งนี้เธอจึงตั้งมั่นที่จะเปลี่ยนแปลงอนาคตและตั้งใจจะขึ้นเป็นเจ้าตระกูลคนถัดไปให้ได้ หนทางแห่งการขึ้นเป็นเจ้าตระกูลจะลำบากยากเย็นเพียงไหน มาเอาใจช่วย ฟีเรนเทียได้ใน “ชาตินี้ข้าจะเป็นเจ้าตระกูล”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท