เล่ม 4 บทที่ 169.2
ก๊อก ก๊อก
หลังจากเสียงดังขึ้นได้ไม่นาน ลาลาเน่ก็เดินมาเปิดประตูด้วยใบหน้าตื่นตกใจ
“ทะ เทีย?”
ลาลาเน่เรียกเธอเสียงแผ่วจนแทบจะเป็นเสียงกระซิบ นางหันไปมองเฟเรสที่นั่งเงียบอยู่ด้านหลังของเธอ แล้วก็พอจะประเมินสถานการณ์ออกคร่าวๆ
ลาลาเน่รีบพาเธอเข้าไปข้างในห้อง นางโค้งศีรษะให้เฟเรสที่นั่งนิ่งอยู่ด้วยสีหน้าไร้อารมณ์เหมือนเคย หลังจากทักทายเฟเรสพอเป็นพิธีก็ปิดประตูทันที
“เทีย หน้าเจ้า…”
ลาลาเน่พูดอะไรไม่ออกเมื่อเห็นริมฝีปากกับแก้มบวมเป่งของเธอ
นัยน์ตาบวมตุ่ยคู่นั้นเริ่มเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตาอีกครั้ง
“ขอโทษ ขอโทษนะ เป็นเพราะข้าแท้ๆ”
ลาลาเน่กุมมือเธอแน่น
“เพราะข้า ทั้งเทีย ทั้งท่านอาบีน็อกซ์ แล้วยังตระกูลรูมัน…”
ไม่สิ เดี๋ยวนะ นี่มันแปลกๆ
เธอกับอาบีน็อกซ์โดนเบเจอร์เล่นงานก็จริง แต่จู่ๆ เกี่ยวอะไรกับตระกูลรูมันด้วยล่ะ
“ตระกูลรูมันทำไม”
“มะ เมื่อครู่นี้ท่านพ่อแวะมาน่ะ…เห็นว่าเพราะเรื่องนี้เลยทำให้ตระกูลรูมันต้องเจอปัญหาใหญ่ บางทีอาจจะโดนตัดเงินช่วยเหลือที่ส่งไปตะวันออกด้วย…”
เบเจอร์ ไอ้สารเลวนั่น
คราวนี้ถึงกับขู่ลูกสาวตัวเองเลยงั้นเหรอ
แถมยังเป็นการขู่แบล็กเมล์กันอย่างหน้าด้านๆ อีกด้วย
เงินช่วยเหลือของตระกูลรูมันไม่ใช่สิ่งที่จะเรียกกลับคืนได้ง่ายๆ แบบนั้นอยู่แล้ว แต่ลาลาเน่ผู้แสนซื่อคงเชื่อทันทีที่ได้ยินคำพูดนั่นเป็นแน่
ถึงได้นั่งตัวสั่นด้วยความหวาดกลัวอยู่เพียงลำพังในห้องมืดๆ นี่
กลัวว่าเพราะตัวเองจะทำให้อาบีน็อกซ์กับตระกูลของเขาเกิดเรื่องใหญ่ ได้แต่นั่งโทษว่าเป็นความผิดของตัวเอง
“ทั้งหมดเป็นเพราะข้าโลภมากเอง…”
ลาลาเน่ที่พึมพำเสียงแผ่วเช่นนั้นดูอ่อนแอจนแทบจะแตกสลาย
ในวินาทีนั้นเอง มันทำให้เธอนึกถึงภาพของลาลาเน่ที่ได้แต่นอนนิ่งหลับใหลขึ้นมา
หลับตาลงชั่วนิรันดร์ด้วยวัยที่ยังสาวอยู่มาก เพียงแค่เพราะรักในตัวบิดามารดาผู้ไม่ได้เรื่องพวกนั้นด้วยใจที่บริสุทธิ์
ภาพของลาลาเน่ที่ร่วงโรยเหมือนดอกไม้ที่นางกุมไว้ในมือบนหน้าอก
เธอยัดกล่องแหวนขอแต่งงานที่เอามาจากอาบีน็อกซ์ใส่มือของลาลาเน่
“นี่มัน…”
นัยน์ตาของลาลาเน่สั่นไหวเมื่อได้เห็นแหวนหมั้นที่ไม่ทันได้แม้แต่จะลองสวมลงบนนิ้ววงนั้น
มือบางหยิบแหวนไข่มุกออกมาอย่างระมัดระวัง มันต้องแสงจันทร์กระจ่างส่องประกาย
ลาลาเน่ไม่อาจละสายตาไปจากอัญมณีอันแสนงดงามชิ้นนั้นได้พักใหญ่
และสวมแหวนวงนั้นลงบนนิ้วของตัวเองอย่างระมัดระวัง
แหวนวงนั้นสวมเข้ากับนิ้วของนางได้อย่างพอดิบพอดี ราวกับมันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อลาลาเน่เพียงคนเดียว
ใช่แล้ว ลาลาเน่
เจ้าเหมาะกับสิ่งนี้มากกว่าดอกไม้ร่วงโรยมากเหลือเกิน
เธอใช้ปลายนิ้วช่วยสางผมของลาลาเน่ที่พันกันจนยุ่งไปหมดพลางเอ่ยว่า
“ท่านอาบีน็อกซ์ฝากมาบอกว่า ‘จะรอ’ น่ะ”
“อา…”
หยาดน้ำตาเม็ดกลมร่วงหล่นลงมาจากนัยน์ตาของลาลาเน่
“ฟังให้ดีนะ ลาลาเน่ ข้าเตรียมวิธีออกไปจากที่นี่เอาไว้ให้แล้ว”
“วิธี…ออกไป?”
“อื้อ วิธีที่จะหนีไปยังสถานที่ที่ลาลาเน่กับท่านอาบีน็อกซ์จะได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขด้วยกัน”
แต่ลาลาเน่กลับเอ่ยด้วยความทรมานใจราวกับจะยอมแพ้
“แต่ถ้าหากข้าหนีไปแบบนี้ คงมีหลายคนเลยไม่ใช่เหรอที่ต้องเจ็บปวด ทั้งเทียที่ช่วยเหลือข้า…และถ้าข้าหนีไป ลอมบาร์เดียกับตระกูลรูมันก็จะ…”
“ไม่ต้องห่วงเรื่องพวกนั้นหรอก ต่อให้ลาลาเน่จากไปจากที่นี่พร้อมกับท่านอาบีน็อกซ์ ก็จะไม่มีใครเจ็บปวดทั้งนั้น เชื่อข้านะ ลาลาเน่”
“เทีย…”
“เพราะฉะนั้นตอนนี้ลาลาเน่คิดถึงแต่ความสุขของตัวเองก็พอ แล้วก็ตัดสินใจเสีย ตอนนี้ยังลังเลอยู่ไม่ใช่เหรอ”
“ระ เรื่องนั้น…”
ลาลาเน่ก้มหน้านิ่ง
ไม่มีทางที่จู่ๆ จะหนีไปพร้อมกับอาบีน็อกซ์ได้อยู่แล้ว
เพราะลาลาเน่รักในครอบครัวอย่างเบเจอร์ เซรัล และเบเลซักมากเกินกว่าจะทำแบบนั้น
ในชีวิตก่อนก็เหมือนกัน ขนาดตอนที่โดนบังคับให้ต้องเลือกในสิ่งที่สำคัญที่สุด นางก็ยังไม่อาจทิ้งพวกเขาไปได้อยู่ดี
ถึงแม้เธอจะไม่อาจเข้าใจได้เลยก็เถอะ ว่าทำไมถึงยังรักคนอย่างเซรัลกับเบเจอร์ได้ขนาดนี้
บางทีอาจเป็นเพราะอย่างไรพวกนั้นก็เป็นบิดามารดาละมั้ง
และลาลาเน่ก็เป็นคนดีเกินไปด้วย
พอจะเข้าใจได้อยู่เหมือนกันว่าทำไมถึงได้ยังลังเล ไม่อาจจับมืออาบีน็อกซ์หนีไปทันทีในตอนนี้ได้
เธอลูบไหล่ของลาลาเน่เบาๆ เป็นการปลอบโยน
“การรักในตัวบิดามารดาและพี่น้อง การอยากทำเรื่องที่พวกเขาจะมีความสุข มันไม่ใช่เรื่องเลวร้ายหรอกนะ ไม่เด็ดขาด”
นัยน์ตาชื้นไปด้วยหยาดน้ำตาของลาลาเน่เงยขึ้นมองสบตาเธอ
“แต่อย่างไรสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ความสุขของตัวเจ้าเอง ลาลาเน่ เพราะฉะนั้นเจ้าต้องเป็นคนตัดสินใจว่าจะทำอะไรต่อไป”
“…ถ้าเป็นเทียล่ะ จะทำยังไง”
“ถ้าเป็นข้า…”
คงไม่จำเป็นต้องมาถึงจุดนี้ด้วยซ้ำ
เพราะเธอคงทำให้บ้านลุกเป็นไฟ ฉีกปากคนที่พยายามเกลี้ยกล่อมหรือสั่งให้เธอแต่งงานกับคนอย่างอาสทาน่าไปแล้ว
คิดจะทำลายชีวิตใครกันยะ!
แต่คำพูดแบบนั้นมันคงจะรุนแรงกับลาลาเน่เกินไปหน่อย
เธอส่ายหน้าก่อนจะเอ่ยตอบ
“ลาลาเน่ไม่ใช่ข้านี่นา คำถามพวกนี้มันไม่มีความหมายอะไรหรอก แต่รู้ให้แน่ใจไว้เรื่องหนึ่งก็พอ”
เธอมองสบนัยน์ตางดงามของลาลาเน่ในขณะที่เอ่ยอย่างชัดเจน
“ครอบครัวของลาลาเน่ต้องการที่จะสละเจ้าเพื่อตัวเอง คนที่ทำเรื่องเช่นนั้นไม่ใช่คนที่น่าซาบซึ้งในพระคุณหรอกนะ”
แพขนตายาวของลาลาเน่สั่นระริก
บางทีเจ้าตัวเองก็คงจะรู้ความจริงเรื่องนี้ดีอยู่แล้วเหมือนกัน
“เพราะฉะนั้น เจ้าไม่จำเป็นต้องอดทนเสียสละเพื่อครอบครัวอีกต่อไปแล้วก็ได้ ลาลาเน่”
เธอทิ้งท้ายไว้เพียงแค่คำพูดประโยคนั้น แล้วลุกขึ้นจากที่นั่ง
ต้องรีบออกไปก่อนจะถูกจับได้
“ขอโทษนะ แต่ไม่มีเวลาแล้ว ลาลาเน่ ต่อไปนี้อีกแค่ห้าวันเท่านั้น เจ้าจะต้องตัดสินใจให้ได้ภายในห้าวัน”
“ห้าวัน…”
ลาลาเน่พยักหน้าเบาๆ
เธอก้าวเดินเพื่อที่จะออกไปยังระเบียงที่เฟเรสรออยู่อีกครั้ง แต่แล้วสายตาก็พลันมองเห็นแจกันดอกไม้หลายใบที่วางอยู่บนโต๊ะ
ในบรรดาแจกันเหล่านั้น เธอถูกใจดอกไม้สีแดงที่เบ่งบานอย่างงดงามมากที่สุด
แตกต่างจากดอกไม้ดอกอื่นที่ต้องพึ่งพากิ่งก้านเพื่อเบ่งบาน เพียงเพราะอ่อนแอเกินกว่าจะอดทนเอาไว้ได้ด้วยตัวเอง ดอกไม้สีแดงสดที่เชิดหน้าอย่างเย่อหยิ่งมองออกไปยังท้องฟ้ากว้างใหญ่ด้วยกำลังของตัวเอง
เธอชี้ไปที่แจกันนั้นพลางเอ่ยขึ้นว่า
“หากตัดสินใจได้แล้ว ภายในห้าวัน เจ้าวางแจกันดอกไม้นั่นไว้นอกหน้าต่าง แล้วที่เหลือข้าจะเตรียมการให้เอง”
* * *
สารจากจักรพรรดิโยบาเนสถูกส่งมาถึงห้องทำงานของรูลลัก
[ข้าให้เวลาเจ้าตระกูลลอมบาร์เดีย 3 วัน ภายในเวลานี้จงยอมตกลงเรื่องการแต่งงานของราชวงศ์กับลอมบาร์เดียเสีย หากไม่ทำตามคำสั่ง รูลลัก ลอมบาร์เดียจะได้รับราชโองการสั่งห้ามเข้าออกเมืองหลวงอีกต่อไป และราชโองการสั่งห้ามฉบับนี้จะถูกถอนออกต่อเมื่อมีการแต่งงานเกิดขึ้นเท่านั้น]