เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] – เล่ม 4 บทที่ 168.2

เล่ม 4 บทที่ 168.2

เล่ม 4 บทที่ 168.2

เบเจอร์ตะคอกเสียงดังใส่ลาลาเน่

“นี่เจ้ามีหัวคิดบ้างหรือไม่! จะก่อเรื่องอะไรก็ควรที่จะมีขอบเขตบ้าง!ทำตัวไร้หัวคิดเช่นนี้ ไม่ได้มีแค่เจ้าเท่านั้น แต่ตระกูลรูมันเองก็จะต้องเผชิญปัญหาใหญ่รู้มั้ย ลาลาเน่!”

“อา……” ลาลาเน่ได้แต่ก้มหน้านิ่ง

“เรื่องวันนี้ข้าจะถือเสียว่าไม่เคยเข้ามาเห็นก็แล้วกัน ท่านชายน้อยรูมัน!”

เบเจอร์กัดฟันพูดเสียงรอดไรฟัน ก่อนจะคว้าแขนของลาลาเน่เอาไว้

“พอเถอะครับ!” อาบีน็อกซ์รั้งมือของเบเจอร์เอาไว้ ราวกับต้องการที่จะหักมือข้างนั้นทิ้งลงได้ทุกเมื่อ

แต่ทว่า

“……ปล่อยเถอะค่ะ ท่านอาบีน็อกซ์”

ลาลาเน่เอ่ยว่าเสียงสั่นเทา

“ท่านลาลาเน่…….”

อาบีน็อกซ์มองแขนของลาลาเน่ที่ถูกมือหยาบกร้านของเบเจอร์จับไว้แน่นด้วยความทรมานใจ ราวกับตัวเขาเองเป็นฝ่ายเจ็บปวด

พอเห็นว่าลาลาเน่ส่ายหน้าอีกเป็นครั้งที่สอง มือที่จับเบเจอร์เอาไว้ก็คลายออกอย่างไร้เรี่ยวแรง

“ไปเดี๋ยวนี้ ลาลาเน่”

เบเจอร์ลากตัวลาลาเน่เดินออกไป ทำท่าราวกับไม่อยากอยู่ที่นี่ต่ออีกแม้แต่วินาทีเดียว

ส่วนลาลาเน่เองก็ได้แต่ยอมถูกมือหยาบกร้านของบิดาลากตัวออกไปโดยไม่อาจต่อต้านอะไรได้แม้แต่น้อย

และเบเจอร์ก็พบเข้ากับเธอที่ยืนนิ่งอยู่หน้าประตูจนได้

เพียะ!

ไม่มีจังหวะให้หลบ ใบหน้าของเธอถูกตบจนสะบัดไปด้านข้าง

“ทะ เทีย!”

“ท่านฟีเรนเทีย!” อาบีน็อกซ์สะดุ้งตกใจ ส่วนลาลาเน่กรีดร้องเสียงดัง

ดูเหมือนปากจะแตก รู้สึกได้ถึงรสขมปร่าของเลือดที่ไหลออกมา

ถุย!เบเจอร์ถ่มน้ำลายใส่เธอที่ยืนนิ่งปล่อยให้อีกฝ่ายตบจนหน้าหัน

“นังชั้นต่ำโสโครก กล้าดียังไงมาทำลายอนาคตของบุตรสาวข้า”

เบเจอร์โมโหเดือดพล่านจนหายใจหอบ ขนาดได้ลงไม้ลงมือตบเธอแล้วก็ยังไม่ช่วยให้เขารู้สึกอารมณ์ดีขึ้นได้อยู่ดี

แต่ก็ยังรีบร้อนพาตัวลาลาเน่ออกไปจากเรือนกระจกอย่างรวดเร็ว ราวกับกลัวว่าจะมีใครมาเห็นฉากนี้เข้า

“ท่านฟีเรนเทีย เป็นอะไรมั้ยครับ” อาบีน็อกซ์รีบเข้ามาสำรวจเธอทันที

เธอผลักมือข้างนั้นออกไปเบา ๆ ถ่มเลือดผสมน้ำลายทิ้งลงบนพื้น

ที่จริงเธอเคยโดนตบหน้าแรงๆ แบบนี้มาก่อนแล้ว เลยไม่ได้ช็อกอะไรขนาดนั้น

ตอนนี้เรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องสำคัญเลยสักนิดเธอมองหน้าอาบีน็อกซ์ตรง ๆ ก่อนจะเอ่ยถามขึ้น

“จะเอายังไงต่อคะ”

“ท่านลาลาเน่ตอบรับคำขอแต่งงานของข้าแล้วอย่างแน่นอนครับ”

อาบีน็อกซ์ตอบทันที ขณะเดียวกันก็เดินไปเก็บกล่องแหวนที่กระเด็นตกอยู่บนพื้นขึ้นมา

“ตอนนี้ท่านลาลาเน่เป็นคู่หมั้นของข้า ข้าจะไม่ยอมแพ้แน่ครับ”

นัยน์ตาคู่นั้นลุกเป็นไฟ มันลุกโชนมากเสียจนไม่อาจคิดได้เลยว่า คน ๆ นี้ใช่อาบีน็อกซ์ผู้อ่อนโยนในทุก ๆ วันคนนั้นจริงหรือเปล่า

“……แบบนี้ค่อยถูกใจหน่อย”

ถ้าจะปกป้องลาลาเน่ มันก็ต้องระดับนี้นี่แหละ

เธอหยิบกล่องแหวนมาจากมือของอาบีน็อกซ์ แล้วเอ่ยขึ้นว่า

“อันนี้ข้าจะนำไปมอบให้ลาลาเน่เองค่ะ”

อาบีน็อกซ์ดูจะงุนงงไปบ้าง แต่เพียงไม่นานก็พยักหน้าตกลงเขาเชื่อใจเธอ

เธอตรวจเช็คให้แน่ใจว่าแหวนปลอดภัยดี ก่อนจะปิดกล่องลงเสียง ‘ปึก’ ในอุ้งมือดังขึ้นก้องไปทั่วเรือนกระจก

คิดว่าเธอจะยอมแพ้แค่นี้หรือไง

* * *

ณ ห้องประชุมใหญ่ประจำพระราชวัง

การประชุมระหว่างจักรพรรดิและบรรดาสภาขุนนางจบลงแล้ว

ไม่มีอะไรพิเศษ เป็นเพียงแค่การประชุมธรรมดาทั่วไป

แต่จู่ ๆ โยบาเนสกลับเอ่ยกับบรรดาขุนนางที่กำลังเตรียมตัวทยอยกันเดินออกไปจากห้องประชุมขึ้นมา

“ข้ามีเรื่องจะประกาศ”

ในที่สุดบรรดาขุนนางก็เริ่มสังเกตอะไรบางอย่างได้ จึงพากันเดินกลับไปนั่งประจำที่

จักรพรรดิมองจนแน่ใจว่าทุกคนนั่งประจำที่กันหมดแล้ว หลังจากนั้นจึงค่อยหันไปมองรูลลัก ลอมบาร์เดียและยิ้มเจ้าเล่ห์พลางเอ่ยขึ้นว่า

“ข้าโยบาเนส ตัดสินใจรับบุตรสาวของเบเจอร์ลอมบาร์เดีย ลาลาเน่ ลอมบาร์เดีย เข้ามาเป็นคู่ครองของเจ้าชายลำดับที่หนึ่งอาสทาน่า ขอให้ลอร์ดทุกท่านรับทราบตามนี้ด้วย”

สีหน้าผ่อนคลายราวกับเพียงแค่พูดล้อกันเล่นแต่ผลกระทบที่ตามมาหลังจากนั้นไม่น้อยเลย

“เฮือก!”

“ละ ลอมบาร์เดีย?” หลายคนที่ยังไม่ได้ยินข่าวลือได้แต่ตกตะลึง

“ข่าวลือเป็นเรื่องจริงสินะ!”

“ลอมบาร์เดียกับราชวงศ์…….”

ผู้คนที่พอจะได้ยินข่าวลือมาบ้าง ต่างก็ส่ายหน้าไม่อยากเชื่อ

“ด้วยการตัดสินใจเกี่ยวดองกันระหว่างตระกูลลอมบาร์เดียกับราชวงศ์ ข้าเชื่อว่าอาณาจักรแลมบลูของพวกเราจะต้องร่มเย็นเป็นสุข และสมบูรณ์แบบมากยิ่งกว่าเดิมอีกระดับอย่างแน่นอน”

ตอนนี้ขุนนางทุกคนต่างก็มองตรงไปยังจุดเดียวกันหมด

รูลลัก ลอมบาร์เดียกำลังจ้องจักรพรรดิด้วยใบหน้าบึ้งตึง

ปฏิกิริยาแตกต่างจากโยบาเนสที่ฉีกยิ้มกว้างน่ารังเกียจอย่างสิ้นเชิง และนั่นก็ทำให้ความใคร่รู้วาบผ่านขึ้นบนใบหน้าของพวกเขา

ไม่ได้คุยกันไว้แล้วหรอกหรือ

หรือนี่เป็นการประกาศเอาเองฝ่ายเดียว

เพราะเจ้าตระกูลลอมบาร์เดียที่เหล่าขุนนางรู้จักดี เป็นคนที่ไม่มีวันคิดอยากเกี่ยวดองกับราชวงศ์ด้วยการแต่งงานอย่างเด็ดขาด

นั่นไงล่ะ

รูลลัก ลอมบาร์เดียหยัดกายลุกขึ้นจากที่นั่ง

และเอ่ยเสียงทุ้มต่ำไปทางจักรพรรดิ

“กระหม่อมขอปฏิเสธพ่ะย่ะค่ะ”

“ปะ ปฏิเสธอย่างนั้นหรือ!”

คราวนี้ความโกลาหลปกคลุมไปทั่วห้องประชุมหนักยิ่งกว่าตอนที่โยบาเนสประกาศเรื่องการแต่งงาน

“ทะ ทำเช่นนั้นไม่อันตรายไปหน่อยหรือ”

“ปฏิเสธการหมั้นหมายอย่างเป็นทางการของราชวงศ์เนี่ยนะ…….”

หากไม่ใช่ลอมบาร์เดีย แต่เป็นตระกูลชั้นสูงทั่วไปแล้วล่ะก็ การทำเช่นนี้ย่อมต้องถูกลากตัวไปลงโทษด้วยข้อหาขัดรับสั่งของจักรพรรดิมันทันทีแล้ว

“นี่คิดจะขัดคำสั่งข้าอย่างนั้นหรือ เจ้าตระกูลลอมบาร์เดีย”

จักรพรรดิโยบาเนสจ้องรูลลักเขม็งด้วยความเย็นชา ในขณะที่เอ่ยถามขึ้น

แต่รูลลักกลับไม่แม้แต่จะกระพริบตาด้วยซ้ำไป

เขาจ้องหน้าจักรพรรดิไม่หลบสายตา เอ่ยปากอย่างชัดถ้อยชัดคำทุกคำพูด ราวกับต้องการประกาศแจ้งให้ทราบกันถ้วนหน้า

“ลอมบาร์เดียขอปฏิเสธการหมั้นหมายของราชวงศ์พ่ะย่ะค่ะ”

ไม่เพียงแค่นั้น รูลลักยังหมุนตัวเดินออกไปจากห้องประชุมโดยไม่ร่ำไม่ลา

ปกติก่อนที่จักรพรรดิจะประกาศเลิกประชุมอย่างเป็นทางการ จะไม่มีใครสามารถเดินออกไปจากห้องประชุมได้ทั้งสิ้น

ในตอนที่รูลลักเอื้อมมือไปจับลูกบิดประตู โยบาเนสก็ตวาดลั่นด้วยโทสะ

“หากเจ้าเปิดประตูออกไปตอนนี้ล่ะก็ จะไม่มีวันได้ย่างกรายเหยียบเข้ามาในเมืองหลวงอีก เจ้าตระกูลลอมบาร์เดีย!”

นั่นหมายความว่า จะออกราชโองการสั่งห้ามเดินทางเข้าออก

ราชโองการสั่งห้ามไม่ให้เดินทางเข้าออกเมืองหลวงซึ่งเป็นผืนดินขององค์จักรพรรดิ เป็นสถานที่จัดงานสำคัญต่าง ๆ รวมถึงการประชุมขุนนาง เป็นหนึ่งในมาตรการลงโทษที่เหล่าชนชั้นสูงหวาดกลัวมากที่สุด

แต่รูลลักที่ได้ยินเสียงตวาดนั้นเพียงแค่กระตุกมุมปากข้างหนึ่งขึ้นแล้วหันกลับมาเผชิญหน้ากับโยบาเนส

“ราชโองการสั่งห้ามงั้นหรือ” มันเป็นการลงโทษที่บิดาของโยบาเนส อดีตจักรพรรดิเคยสั่งลงโทษรูลลักมาแล้วครั้งหนึ่ง

และหลังจากการต่อสู้มาตลอดระยะเวลายี่สิบปี อดีตจักรพรรดิก็ต้องพับเก็บราชโองการสั่งห้ามฉบับนั้นกลับคืนมา

รูลลักโค้งศีรษะให้โยบาเนสเล็กน้อย แล้วเอ่ยขึ้นว่า “ทำตามที่ฝ่าบาทต้องการเถิดพ่ะย่ะค่ะ”

“เจ้าตระกูลลอมบาร์เดีย!”

ได้ยินเสียงของโยบาเนสดังไล่ตามหลังมา แต่รูลลักไม่คิดที่จะสนใจอีกต่อไปแล้ว เขาผลักประตูบานใหญ่ออกสุดแรง ก้าวเท้าเดินออกไปจากห้องประชุมด้วยฝีเท้าหนักแน่นมั่นคง

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]

Status: Ongoing

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 이번 생은 가주가 되겠습니다 I shall master this family 김로아 คิมโรอา เขียน หนทางการขึ้นเป็นเจ้าตระกูลของหญิงสาวผู้กลับมาชาติมาเกิดใหม่ถึงสองครั้งสองครา เมื่อ ฟีเรนเทีย ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์และได้มาเกิดใหม่ในตระกูลลอมบาร์เดียที่ยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักรแลมบลู ในฐานะหลานสาวของเจ้าตระกูลที่เกิดจากมารดาสามัญชนทำให้โดนรังเกียจจากคนในตระกูล เมื่อพ่อและปู่ขอเธอตายจากไป เธอถูกขับไล่ออกจากตระกูล สองปีหลังจากนั้น ตระกูลลอมบาร์เดียก็ล่มสลาย แต่แล้ว เมื่อเธอประสบอุบัติเหตุอีกครั้งและมีโอกาสได้ย้อนกลับมาเมื่อตอน 7 ขวบ ครั้งนี้เธอจึงตั้งมั่นที่จะเปลี่ยนแปลงอนาคตและตั้งใจจะขึ้นเป็นเจ้าตระกูลคนถัดไปให้ได้ หนทางแห่งการขึ้นเป็นเจ้าตระกูลจะลำบากยากเย็นเพียงไหน มาเอาใจช่วย ฟีเรนเทียได้ใน “ชาตินี้ข้าจะเป็นเจ้าตระกูล”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท