เล่ม 5 บทที่ 191.1
ตอนที่ 191
“อืมมมม”
ร่างกายหนักอึ้งไปหมด
แต่เธอก็พยายามฝืนตัวเองลืมตาขึ้นในที่สุด
โล่งอกที่ทัศนียภาพตรงหน้าที่มองเห็นได้รางๆ เป็นห้องนอนที่บ้านของเธอเอง
และก็รู้สึกได้ถึงมือใหญ่ที่กอบกุมมือข้างซ้ายของเธอเอาไว้แน่น
“…เฟเรส”
คนที่ฟุบอยู่ข้างเตียงนอนของเธอ ทั้งๆ ที่ทั่วร่างถูกพันไว้ด้วยผ้าพันแผลเต็มไปหมดก็คือ เฟเรสนั่นเอง
“ได้สติแล้วเหรอคะ”
“อ๊ะ เอสทีร่า”
เธอพยายามยิ้มต้อนรับเอสทีร่าที่ไม่ได้พบหน้ากันเสียนาน แต่ขนาดแค่ฝืนยิ้มก็ยังทำไม่ได้อย่างที่ใจต้องการเลย
รู้สึกเหนื่อยมากราวกับไม่ได้นอนมาหลายวันหลายคืน
“ร่างกายรู้สึกหนักมากใช่มั้ยคะ มันเป็นอาการข้างเคียงเวลาถอนพิษทีทีออกน่ะค่ะ”
เอสทีร่าช่วยอธิบายให้เธอเข้าใจเหมือนอ่านใจเธอออก
“เขา…เฟเรสทำไมมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะคะ”
ทั้งๆ ที่เป็นคนไข้ที่อาการสาหัสกว่าเธอตั้งเยอะ
“เจ้าชายฟื้นขึ้นมาเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน หลังจากนั้นก็เอาแต่ดึงดันจะอยู่ที่นี่ไม่ยอมไปไหนท่าเดียวเลยค่ะ ขนาดบอกให้กลับไปนอนที่ห้องก็ยังไม่ยอมฟังเลย”
เอสทีร่ายิ้มขมขื่นในขณะที่อธิบายให้เธอฟัง
“เฟเรส…ปลอดภัยดีมั้ย”
“เลือดไหลออกมาเยอะมาก แต่โล่งอกที่ดาบไม่ได้แทงโดนจุดสำคัญค่ะ ยังไงผู้ใช้ออร่าก็ฟื้นตัวได้เร็วว่าคนทั่วไปมากอยู่แล้ว อีกไม่นานเจ้าชายก็คงจะฟื้นตัวได้อย่างสมบูรณ์แบบแล้วละค่ะ บางทีอาจจะฟื้นตัวได้เร็วกว่าท่านฟีเรนเทียด้วย”
“…ทั้งๆ ที่ข้าแค่โดนบาดนิดเดียวที่ปลายนิ้วเองเนี่ยนะ”
“ก็เจ้าชายเก่งกาจจนข้ามขีดจำกัดของมนุษย์ไปในหลายๆ ด้านแล้วนี่คะ”
ก็จริง
ขนาดมานาที่คนธรรมดาอย่างเธอไม่อาจสัมผัสได้ด้วยซ้ำว่ามีสิ่งนี้อยู่บนโลก เฟเรสยังสามารถใช้มันได้อย่างคล่องแคล่วจนเหมือนเป็นแขนขาของตัวเองเลยนี่นะ
บางครั้งก็เผลอลืมไปเลยว่าเฟเรสเป็นเด็กหนุ่มที่ยอดเยี่ยมขนาดไหน
เธอละสายตาจากเฟเรสที่นอนนิ่งราวกับสลบไป ก่อนจะเงยหน้าขึ้นเหม่อมองเพดานสูง เพื่อเรียบเรียงความคิดของตัวเอง
“เบื้องหลังคงเป็นจักรพรรดินีแน่ๆ”
เรื่องที่สำคัญที่สุดก็คือ นักฆ่าที่โจมตีพวกเราอยู่หน้าสุดในกลุ่มนั้นเป็นใครกันแน่
พอจะเดาได้คร่าวๆ อยู่เหมือนกัน
“เจ้าตระกูลเซอเชาว์”
ในบรรดานักดาบที่อยู่ใกล้เมืองหลวงในปัจจุบัน คนที่มีความสามารถมากพอจะต่อสู้กับเฟเรสได้อย่างสูสีขนาดนั้น มีเพียงแค่คนคนนั้นคนเดียว
ลองครุ่นคิดถึงพฤติกรรมต่างๆ ที่มัวแต่รั้งรอไม่ยอมลงมือโจมตีในทันที คล้ายกับพยายามแอบให้เวลาพวกเรานั่น มันชี้ตัวไปที่ชานตั้น เซอเชาว์ อย่างแน่นอน
“ส่วนพวกลิ่วล้อข้างหลังนั่น ก็คงจะเป็นคนที่จักรพรรดินีส่งมาสินะ”
เพื่อจับตาดูว่าเจ้าตระกูลเซอเชาว์ได้ลงมือจัดการเฟเรสตามที่นางสั่งหรือไม่
และเพื่อที่จะมั่นใจว่าได้ใช้ยาพิษแล้วจริงๆ
เอสทีร่าเดินเข้ามาใกล้ ใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆ ช่วยเช็ดใบหน้าของเธอเบาๆ
“โล่งอกมากจริงๆ นะคะที่ข้าคอยหลอมยาถอนพิษหลายชนิดทิ้งไว้ตามที่ท่านฟีเรนเทียบอกอยู่เป็นประจำ”
“ขอบคุณนะ เอสทีร่า”
“เรื่องนี้…คาดการณ์เอาไว้อยู่แล้วใช่มั้ยคะ”
เธอส่งยิ้มแทนคำตอบให้เอสทีร่าที่เอ่ยถามเสียงเศร้า
อันที่จริงเป็นเพราะจักรพรรดินีเป็นพวกชอบใช้ยาพิษ ก็เลยแค่ให้เตรียมการเผื่อไว้เท่านั้นเอง
“…ต่อไปข้าจะหลอมยาแก้พิษที่รุนแรงกว่านี้เอาไว้ด้วยค่ะ เรื่องที่ข้าสามารถทำได้คงมีแค่เรื่องนี้”
เอสทีร่าถอนหายใจเสียงแผ่ว
ในตอนนั้นเองประตูห้องนอนก็ถูกเปิดออกอย่างระมัดระวัง
“พ่อ”
“…เทีย”
ท่านพ่อมองเธอที่ตื่นแล้วด้วยความตกใจเล็กน้อย
และสายตาของท่านพ่อก็เคลื่อนย้ายไปมองเฟเรสที่นอนกุมมือเธอเอาไว้เงียบๆ
“พวกเรามาคุยกันหน่อยมั้ย เทีย”
ท่านพ่อเอ่ยถามพลางยิ้มให้เธออย่างไร้เรี่ยวแรง
* * *
เอสทีร่าพาเฟเรสออกไปด้านนอก
ปกติเขาควรที่จะสัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวของท่านพ่อที่เดินเข้ามาในห้อง แล้วลืมตาตื่นขึ้นมาเองแท้ๆ
แต่นี่กลับต้องให้เขย่าตัวปลุกกันอยู่หลายรอบ เฟเรสถึงจะตื่นขึ้นมา ท่าทางสภาพร่างกายคงจะย่ำแย่จริงๆ
เธอส่งยิ้มโบกมือให้เด็กหนุ่มที่ดึงดันเหลียวหลังหันกลับมามองเธอไม่ยอมห่างจนกระทั่งประตูปิดลง
“ร่างกายเป็นยังไงบ้าง”
นั่นเป็นประโยคแรกที่ท่านพ่อเอ่ยถามขึ้น หลังจากเหลืออยู่ในห้องนอนตามลำพังแค่สองคน
“ไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ แค่ยังรู้สึกเหนื่อยอยู่บ้าง”
ท่านพ่อนั่งลงบนเก้าอี้ตรงตำแหน่งที่เฟเรสเคยฟุบอยู่จนถึงเมื่อครู่ ก่อนจะเอ่ยพูดเสียงแหบพร่าราวกับไม่ได้หลับไม่ได้นอนมาหลายคืน
“พ่อนึกว่าเจ้าจะแย่เสียแล้ว”
“พ่อ…”
“เทีย ตอนที่เห็นเจ้าหมดสติไป หัวใจของพ่อเหมือนจะขาดจริงๆ”
ท่านพ่อยกมือขึ้นลูบใบหน้าแห้งผาก
“ตอนนี้ข้าไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ เอสทีร่าเองก็บอกว่าพักอีกหน่อยเดี๋ยวก็หายดีแล้ว”
“…ไม่รู้สิ พ่อไม่รู้หรอกเทีย ว่าลูกจะดีขึ้นจริงๆ หรือเปล่า”
เธอสามารถตระหนักได้ในทันที
ท่านพ่อไม่ได้กำลังพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในครั้งนี้อย่างเดียวเท่านั้น
“ขอโทษค่ะพ่อ”
คำที่เธอสามารถพูดออกไปได้ก็มีเพียงแค่คำพูดนี้เท่านั้น