เล่ม 5 บทที่ 189.2
ชั่วขณะจู่ๆ เธอก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาอย่างรุนแรง
“ไม่เป็นไร”
เฟเรสกระชับแขนแกร่งที่กอดเอวเธอไว้แน่น
“นักฆ่าหรือ”
เธอถามเฟเรส
เพราะเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นเด็กหนุ่มดูเครียดขนาดนี้
“ข้ารับมือได้”
“ถ้าเจ้ามาคนเดียวใช่มั้ย”
เฟเรสไม่ได้ตอบคำถามเธอ
เขาเพียงแค่กัดฟันแน่น พยายามเพิ่มความเร็วม้าให้เร็วขึ้นเท่านั้น
กุบกับ กุบกับ!
เสียงฝีเท้าม้าวิ่งอย่างหนักหน่วงกำลังใกล้เข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ
ม้าหนึ่งตัวที่มีคนนั่งถึงสอง อีกทั้งยังเพิ่งจะเพิ่มความเร็วเอาตอนนี้อย่างพวกเรา อย่างไรก็ต้องโดนไล่ตามมาถึงตัว คงไม่อาจเลี่ยงการปะทะนี้ได้
เริ่มค่อยๆ มองเห็นคนกลุ่มนั้นผ่านเนินเขาเตี้ยแล้ว
พรึ่บ
ขนลุกชันด้วยความหวาดกลัวขึ้นมาอีกครั้ง
“สี่คน ทุกคนสวมหน้ากากสีดำกันหมด”
เธอบอกเฟเรสที่ต้องควบม้ามองตรงไปข้างหน้า
ถึงแม้จะพยายามบังคับเสียงให้นิ่งแค่ไหน แต่สุดท้ายมันก็ยังสั่นเทาบ้างอยู่ดี
ชิ้ง!
ในตอนนั้นเอง คนที่วิ่งนำอยู่หน้ากลุ่มก็ชักดาบออกมา
ขณะเดียวกันก็ปล่อยจิตสังหารออกมาอย่างเปิดเผยยิ่งกว่าเดิม
วินาทีนั้นเอง
จู่ๆ เฟเรสผงะไปเล็กน้อย ก่อนจะเหลียวหันไปมองข้างหลังเป็นครั้งแรก
และขมวดคิ้วลงเงียบๆ
หลังจากนั้นไม่กี่วินาที เฟเรสก็จ้องเขม็งไปยังมือสังหารที่ขี่ม้าตามมาอยู่หน้าสุด
กรอด
ได้ยินเสียงเฟเรสกัดฟันแน่น
“เฟเรส?”
“เทีย ก้มลง หมอบให้ต่ำที่สุด”
เฟเรสสั่งเธอ
“คิดเสียว่าซ่อนกายเอาไว้ในอ้อมกอดข้าก็ได้”
จู่ๆ เสียงของเฟเรสก็นิ่งสงบลงมากจนเธอประหลาดใจ
ราวกับคนที่ตัดสินใจอะไรบางอย่างแน่วแน่
เธอขดกายให้ต่ำลงมากที่สุดตามที่เฟเรสสั่ง
ระหว่างนั้นพวกมือสังหารก็วิ่งเข้ามาใกล้ยิ่งกว่าเก่า
และระยะห่างระหว่างพวกเรากับฝ่ายนั้นก็ไม่แคบไปมากกว่านั้นอีก
หรือจะไล่ตามไม่ทัน
ก็ไม่น่าใช่นี่นา
ถึงแม้จะเป็นช่วงเวลาแค่เสี้ยววินาทีก็เถอะ แต่เธอคิดว่าแค่นั้นก็มากพอแล้วที่จะให้เฟเรสชักดาบของเขาออกมา
ชิ้ง!
โล่งอกที่เฟเรสชักดาบขึ้นมาถือไว้ได้ทันเวลา
ทันทีที่เขาชักดาบออกมา ระยะห่างระหว่างพวกเรากับกลุ่มมือสังหารก็เริ่มแคบลงเรื่อยๆ
กุบกับ! กุบกับ!
ได้ยินเสียงม้าวิ่งกีบเท้ากระแทกพื้นดินดังสนั่นยิ่งกว่าเดิม
ตอนนี้พวกนั้นใกล้เข้ามาจนแทบจะไล่ตามหลังพวกเราทันอยู่แล้ว
ครืนนนน!
เสียงแรงสั่นสะเทือนดังขึ้นพร้อมกับออร่าถูกเรียกขึ้นมาปกคลุมไปทั่วดาบของเฟเรส
“ฮ่า!”
เฟเรสส่งเสียงคำรามสั้นๆ ขณะเดียวกันดาบของเขาก็ปะทะเข้ากับดาบของคนที่อยู่หน้าสุดของกลุ่มอย่างรุนแรง
เคร้ง!
เสียงโลหะเสียดสีกันดังลั่น ทำให้เธอหลับตาแน่นโดยไม่รู้ตัว
แล้วก็พลันฉุกคิดขึ้นมาได้
ทำไมดาบของอีกฝ่ายถึงไม่ถูกตัดขาดเป็นสองท่อนล่ะ
ต่อหน้าดาบออร่าของเฟเรส ดาบทั่วไปควรจะถูกตัดขาดสิถึงจะถูกต้อง
พอเงยหน้าขึ้น ลืมตามอง ก็ได้รู้เหตุผลในทันที
ครืนนนน
ดาบของมือสังหารเองก็มีออร่าสีน้ำเงินเหมือนกัน
“บ้าไปแล้ว”
เป็นแค่มือสังหารแต่กลับใช้ออร่าได้เนี่ยนะ
แค่มองก็รู้แล้วว่าอีกสามคนที่ไล่ตามมาข้างหลังนั่น ระดับฝีมือเทียบกับคนที่เป็นหัวหน้าคนนี้ไม่ติด
เพราะเธอไม่อาจสัมผัสได้ถึงจิตสังหารรุนแรงแบบหัวหน้าคนนี้จากพวกเขาเลย
เคร้ง! เคร้ง!
ดาบของเฟเรสกับมือสังหารฟาดฟันกันอีกหลายครั้ง
มีอะไรบางอย่างไม่ถูกต้อง
จะบอกว่ามือสังหารคนนั้นมีความสามารถในระดับเดียวกับเฟเรสเลยอย่างนั้นเหรอ
แต่ก็ไม่อาจลบความรู้สึกสังหรณ์ใจว่ามีอะไรบางอย่างแปลกๆ ได้เหมือนกัน
เพราะวิถีดาบที่มือสังหารกำลังกวัดแกว่งอยู่นั้น เพราะอะไรถึงได้เหมือนกับอีกฝ่ายกำลังส่งคำเตือนบางอย่างให้เฟเรสอยู่
ในตอนนั้นเองเฟเรสก็พูดกับเธอ
“ตอนนี้แหละ ก้มลง”
เธอรีบหมอบลงอย่างรวดเร็ว
จึก!
ได้ยินเสียงน่าขนลุกดังขึ้น
ในขณะเดียวกันหยาดน้ำอุ่นร้อนบางอย่างก็กระเด็นมากระทบกับแก้มของเธอ
กลิ่นคาวเลือด
“อึก”
เฟเรสคำรามเสียงทุ้มลอดไรฟัน
โดนฟันเหรอ
เธอรีบขยับมือคลำไปทั่ว
ยิ่งเข้าใกล้แผ่นหลังของเฟเรสเท่าไหร่ มือของเธอก็ยิ่งสัมผัสได้ถึงความเปียกชื้น
“เลือด?”
ได้แต่พึมพำด้วยไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง
สิ่งที่ไหลทะลักออกมาจนปลายนิ้วชื้นแฉะไปหมดคือเลือดอย่างนั้นเหรอเนี่ย
ชิ้ง! เคร้ง!
ดาบยังคงปะทะกันอย่างต่อเนื่อง
แต่ยิ่งเวลาผ่านไป การโจมตีของเฟเรสก็ยิ่งค่อยๆ อ่อนแรงลงไปเรื่อยๆ
ทว่าในจังหวะนั้น ปลายดาบของเฟเรสก็ฉวยโอกาสฟาดฟันลงบนขาของมือสังหารได้สำเร็จ
“อึก!”
เสียงครางทุ้มต่ำดังเล็ดลอดออกมาจากมือสังหาร
ทันใดนั้น มองไปก็เห็นเหล่าอัศวินตระกูลลอมบาร์เดียอยู่ไกลๆ ดั่งปาฏิหาริย์
“คุณหนูฟีเรนเทีย!”
“ท่านฟีเรนเทีย!”
ทันทีที่พวกเขาสังเกตเห็นเธอกับเฟเรสเข้า ก็รีบควบม้าเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง
มือสังหารเห็นแบบนั้นจึงรีบกระตุกสายบังเหียนม้าเปลี่ยนทิศทางหนีไปทันที
กุบกับ กุบกับ!
เสียงฝีเท้าม้าของพวกนั้นที่เคยดังอยู่ข้างๆ ก็เริ่มค่อยๆ ห่างออกไปไกลขึ้นเรื่อยๆ
แต่เธอก็สังเกตเห็นอะไรบางอย่างแปลกๆ เข้าจนได้
จังหวะที่กำลังจะหมุนเปลี่ยนทิศทางของม้าเป็นครั้งสุดท้าย มือสังหารคนหนึ่งในกลุ่มดึงของสิ่งหนึ่งออกมาจากอกเสื้อ
มันคือมีดสั้น
มีดสั้นที่ส่วนคมของมันถูกย้อมเอาไว้ด้วยของเหลวสีน้ำเงินเข้ม
และมือสังหารคนนั้นก็ปักมันลงบนต้นขาของเฟเรส
“กรอด!”
หลังจากนั้นมือสังหารก็รีบหลบหนีไปราวกับได้ทำหน้าที่ของตัวเองสำเร็จแล้ว
เพียงชั่วเสี้ยววินาทีสั้นๆ นั้น เธอลังเลขึ้นมา
เวลาที่โดนของอะไรบางอย่างแทงเข้าร่าง จะสุ่มสี่สุ่มห้าดึงมันออกไม่ได้เด็ดขาด
แต่สัญชาตญาณกำลังร้องบอกกับเธอ
ว่าให้รีบดึงมีดสั้นเล่มนั้นออกเดี๋ยวนี้
เธอเลยเอื้อมมือไปดึงมันออกจากขาของเฟเรสทันที
เพราะรีบร้อนมากเกินไป ปลายนิ้วของเธอเลยโดนบาดไปด้วย
แต่เธอก็ยังกำมีดเล่มนั้นเอาไว้แน่น ไม่ยอมปล่อยให้หลุดมือไป เพราะมีดเล่มนี้อาจจะเป็นหลักฐานมัดตัวคนร้ายได้
“ท่านฟีเรนเทีย! เจ้าชาย!”
หลังจากพวกอัศวินลอมบาร์เดียเข้ามารวมกลุ่มกับพวกเรา ลมหายใจที่เผลอกลั้นเอาไว้ก็พรั่งพรูออกมาในคราวเดียว
“แฮก! แฮก!”
“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ!”
เหล่าอัศวินรีบกระโดดลงจากหลังม้า แล้ววิ่งตรงเข้ามาหาพวกเราอย่างรวดเร็ว
เธอตอบออกไปทั้งๆ ที่ยังคงหอบหายใจด้วยความเหนื่อยล้า
“ขะ…ข้าไม่เป็นอะไร…”
แต่ร่างกายของเฟเรสที่โอบกอดเธอเอาไว้แน่นกลับโน้มเอนลงในพริบตา
“เฟเรส!”
เฟเรสหมดสติไปแล้ว
เลือดไหลออกมาไม่หยุด ใบหน้าซีดเผือดไร้สีเลือด คอพับเอนไปด้านข้างอย่างไร้เรี่ยวแรง
โล่งอกที่อัศวินลอมบาร์เดียพุ่งเข้ามารับตัวของเฟเรสเอาไว้ได้ทันเวลา
“ต้องรีบห้ามเลือด…!”
พูดอะไรต่อไม่ได้อีก
จู่ๆ โลกก็พลันมืดสนิท สายตาเริ่มมองอะไรไม่เห็น
“คุณหนูฟีเรนเทีย!”
ร่างกายของเธอสูญเสียการทรงตัวจนโงนเงนไปมาเช่นเดียวกับเฟเรส
จะหมดสติไปตอนนี้ไม่ได้นะ
เธอพยายามฝืนลืมตาพร่ามัวขึ้น จับจ้องไปมือข้างที่ถือมีดสั้นเล่มนั้นเอาไว้ แล้วก็ได้เห็นมันเข้า
ปลายนิ้วที่โดนบาดตอนดึงดาบออกกำลังเปลี่ยนเป็นสีดำคล้ำ
เธอยัดมีดสั้นเล่มนั้นใส่มืออัศวิน เค้นเสียงพูดย้ำๆ ทีละคำ
“ดาบ ที่ดาบมี…ยาพิษสีน้ำเงินเข้ม…”
นั่นคือทั้งหมดที่เธอสามารถพูดออกไปได้
“คุณหนู! คุณหนู!”
เสียงตะโกนของอัศวินเริ่มแผ่วลงจนไม่ได้ยิน
ท่ามกลางสติที่เริ่มพร่าเลือนจนไม่ได้ยินเสียงคนรอบข้างราวกับกำลังเข้าสู่นิทรา ความทรงจำเมื่อครู่ยังคงเหลือค้างติดอยู่ในสมอง
ออร่าสีน้ำเงินของมือสังหารที่เข้าปะทะกับออร่าของเฟเรสได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ