เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] – เล่ม 5 บทที่ 194.2

เล่ม 5 บทที่ 194.2

เล่ม 5 บทที่ 194.2

งานเทศกาลแข่งล่าสัตว์ครั้งนี้ เธอเป็นคนเตรียมการทุกอย่างโดยได้รับอำนาจทั้งหมดจากท่านปู่

โดยอ้างว่า มันเป็นเรื่องสำคัญ จำเป็นต่อการฟื้นฟูตระกูลบราวน์ให้กลับมามีที่ยืนในสังคมได้อีกครั้งอย่างประสบความสำเร็จ

ท่านปู่มองเธอด้วยนัยน์ตาแปลกชอบกล แต่ก็ยอมอนุญาตสั้นๆ ว่า ‘ทำตามนั้นเถอะ’

“ข้าเตรียมตัวพร้อมแล้ว ลอรีล เจ้าไปหาเซอร์พรินท์กับเมริลลีนเถอะ”

“ค่ะ คุณหนู ถ้าต้องการอะไรก็เรียกข้านะคะ!”

ลอรีลกล่าวลาอย่างกระตือรือร้น แล้วปลีกตัวออกไปจากห้อง

ผ่านไปไม่นาน ประตูก็เปิดออกอีกครั้ง

ใบหน้าคุ้นเคยสามคนเดินเข้ามาในห้อง

“เตรียมการทุกอย่างพร้อมแล้วใช่มั้ยคะ”

เธอมองสบตาเครย์ลีบันพลางเอ่ยถามขึ้น

“ครับ เตรียมการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ต่อให้เริ่มงานเทศกาลแข่งล่าสัตว์ทันทีตอนนี้ก็ไม่มีปัญหาอะไรครับ”

“งานเฉลิมฉลองตอนกลางคืนล่ะคะ”

คราวนี้ไวโอเล็ตเป็นคนตอบ

“งานเลี้ยงตอนกลางคืนเองก็เตรียมการพร้อมหมดแล้วค่ะ”

“มีพื้นที่ต้องดูแลจัดการทั้งในและนอกงานกว้างขนาดนี้ ลำบากน่าดูเลยนะคะ”

“ไม่หรอกค่ะ เป็นเพราะคุณเบ๊ตคอยช่วยเหลือ เลยจัดการทุกอย่างได้อย่างราบรื่นเลยค่ะ”

เธอรู้ดีว่าไวโอเล็ตทำงานอย่างหนักไม่หลับไม่นอนมาหลายคืน เลยตบไหล่ให้กำลังใจนางเบาๆ

“เพราะท่านเจ้าของตึกมีรสนิยมแปลกไม่เหมือนใครน่ะครับ”

เบ๊ตพูดในขณะที่มองออกไปนอกหน้าต่างบริเวณที่เธอมองอยู่จนถึงเมื่อครู่

“แข่งขันกันโดยตัดสินว่าใครสามารถฆ่ามอนสเตอร์ได้มากกว่ากันในงานเทศกาลแข่งล่าสัตว์ที่ทางลอมบาร์เดียเป็นเจ้าภาพ แถมยังตั้งกฎให้เก็บชิ้นส่วนของซากศพไว้เป็นหลักฐานด้วย นี่ไม่ทำเกินไปหน่อยหรือครับเนี่ย”

แต่ใบหน้าของเบ๊ตกลับแสดงสีหน้าสนุกแทบคลั่ง ไม่เข้ากับประโยคที่เจ้าตัวกำลังพูดออกมาเลยสักนิด

“คงจะมีชนชั้นสูงมากมายที่ลงทะเบียนเข้าร่วม เพราะทราบเพียงว่าเป็นงานเทศกลางแข่งล่าสัตว์ลอมบาร์เดียเท่านั้น แต่พอได้มาเหยียบลงบนผืนดินแห่งนี้แล้วก็ต้องรู้สึกเสียใจขึ้นมาทีหลังแน่ครับ”

“เหรอคะ ข้านึกว่าพวกเขาจะดีใจกับการแข่งล่าสัตว์แบบใหม่นี่เสียอีก”

“พวกชนชั้นสูงทั่วไปแค่ต้องเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์ในป่ามืดมิดนั่น ก็คงจะแข้งขาอ่อนทรุดลงไปนั่งกองอยู่บนพื้นแล้วละครับ เผลอๆ จะถอนตัวกันตั้งแต่งานเริ่มแทบไม่ทันด้วยซ้ำ”

“แต่เงินรางวัลสำหรับคนที่ได้ที่ 1 ข้าทุ่มสุดตัวเลยนะ”

ถ้ากลัวนักก็ถอนตัวไปสิ

“คนที่ได้รับเชิญมาถึงกันครบแล้วหรือยังคะ”

ไวโอเล็ตตอบคำถามเธอ

“ค่ะ ชนชั้นสูงที่ได้รับเชิญ และผู้ใต้บังคับบัญชาของลอมบาร์เดียทุกท่านต่างก็เข้าห้องพักกันครบถ้วนไม่มีตกหล่นค่ะ”

ระหว่างที่เธอกำลังสนทนาอยู่กับไวโอเล็ต เครย์ลีบันก็เดินเข้ามาแทรก

“ท่านฟีเรนเทีย”

และสีหน้าของเขาก็ดูจะเป็นกังวลอยู่บ้าง

“ท่านฟีเรนเทียเตรียมตัวพร้อมแล้วหรือครับ”

“ข้า…”

เธอเข้าใจความหมายที่เครย์ลีบันต้องการจะสื่อดี

หากงานเทศกาลแข่งล่าสัตว์เริ่มขึ้นเมื่อไหร่ ทุกอย่างจะไหลไปตามครรลองที่ควรโดยไม่อาจหยุดยั้งเอาไว้ได้อีกต่อไป

เรื่องทั้งหมดที่จะเกิดขึ้นนับตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป มันจะทำให้เธอยุ่งจนไม่ได้หายใจหายคอกันเลยทีเดียว

“ข้าเตรียมพร้อมมาตั้งนานแล้วค่ะ”

เธอต้องลำบากมาตั้งเท่าไหร่ เพื่อที่จะอดทนเอาไว้ให้ได้จนถึงตอนนี้

บนทางเดินที่ย้อนกลับมาไกลเหลือเกินนี่ ในที่สุดก็เริ่มค่อยๆ มองเห็นปลายทางบ้างแล้ว

เธอสูดสายลมเย็นสบายที่พัดผ่านเข้ามาทางหน้าต่างเข้าปอด ร่างกายสั่นเทาขึ้นมาเล็กน้อยด้วยความรู้สึกตื่นเต้นลุ้นระทึกปนคาดหวัง ในยามที่กำลังวิ่งตรงไปยังจุดสิ้นสุดที่ยิ่งใหญ่เหนือสิ่งใด

ในตอนนั้นเอง ก็มองออกไปเห็นขบวนเดินทางกลุ่มใหญ่ที่กำลังเข้ามาใกล้วิลล่าขึ้นเรื่อยๆ จากที่ไกลๆ

ได้เวลาเคลื่อนไหวกันแล้วสินะ

“เอาละ ถ้างั้นเราออกไปกันเลยดีมั้ยคะ”

บุคคลสามคนที่แยกย้ายกระจายกันไปนั่งพักอย่างผ่อนคลายในห้องหยัดกายลุกขึ้นอย่างพร้อมเพรียงตอบรับคำพูดของเธอ

พวกเราเดินลงบันไดไปยังชั้นล่าง

เครย์ลีบัน ไวโอเล็ต และเบ๊ตต่างก็ค่อยๆ หลบเลี่ยงสายตาของผู้คน แล้วหายตัวไปทีละคนอย่างคล่องแคล่ว

และเมื่อลงมาถึงบริเวณชั้น 1 ก็เหลือเพียงแค่เธอคนเดียว

ด้านหน้าประตูเต็มไปด้วยผู้คนมากมายยืนออกันอยู่

“อ๊ะ คุณหนูลอมบาร์เดียมานั่นแล้ว”

“เฮ้ หลบทางหน่อย”

พอเธอเดินเข้าไปใกล้ ฝูงชนก็หลีกทางแบ่งออกเป็นสองฝั่งโดยธรรมชาติ

เธอกล่าวทักทายทุกคนผ่านทางสายตาแทนคำขอบคุณในขณะที่เดินผ่านพวกเขาไป

เมื่อมาถึงบริเวณหน้าประตูบ้านพักตากอากาศ ก็มองเห็นแผ่นหลังคุ้นเคยที่ยืนรอเธออยู่ก่อนแล้ว

“ท่านปู่”

“โอ้ๆ เทียมาแล้วหรือ”

ท่านปู่กำลังมองขบวนเดินทางที่เคลื่อนตัวเข้ามาจากที่ไกลๆ ด้วยใบหน้าไม่บ่งบอกอารมณ์ใดๆ แต่ท่านกลับหันมายิ้มต้อนรับเธอด้วยความยินดีราวกับไม่เคยใช้สายตาเย็นชามองขบวนเดินทางกลุ่มนั้นมาก่อน

“เทีย พ่อก็มาด้วยนะ”

ท่านพ่อหันหน้ามาจากข้างกายท่านปู่

ลอเรนซ์เองก็ยืนอยู่ข้างๆ ด้วยใบหน้ากระวนกระวายใจ

และแน่นอนว่าไม่เห็นเบเจอร์แม้แต่เงา

“เอาละ ไปด้านหน้ากันเถอะ”

ท่านพ่อ ท่านปู่ ลอเรนซ์ และเธอ

พวกเราทั้งสี่คนจากตระกูลลอมบาร์เดียเดินมาหยุดยืนอยู่ด้านหน้าสุดของฝูงชน มันเป็นบริเวณที่รถม้าจะเคลื่อนเข้ามาจอด

“มาแล้วหรือคะ”

ชานาเนสหันกลับมาทักทายพวกเรา

“ไม่ได้พบกันเสียนานเลยนะ เทีย”

รอยยิ้มอ่อนโยนยังคงเหมือนเคยไม่เปลี่ยนแปลง

“พวกแฝดอยู่ที่ไหนคะเนี่ย”

“ทางโน้นจ้ะ”

บริเวณที่ชานาเนสชี้นิ้วไปตรงนั้นก็คือ กองกำลังอัศวินลอมบาร์เดียที่สวมเสื้อเกราะเงางามส่องประกายกันอย่างหล่อเหลา ดูเท่กันมากเลย

และคิลลีวูกับเมโลนก็กำลังยิ้มให้เธออยู่ข้างหลังหัวหน้ากับรองหัวหน้ากองกำลังอัศวิน

เธอโบกมือเบาๆ ให้ทั้งคู่ จากนั้นก็หันกลับมา มองตรงไปข้างหน้า

รถม้าคันหรูเคลื่อนตัวเข้ามาจอดอยู่เบื้องหน้าพวกเรา

กองกำลังอัศวินส่วนพระองค์สวมชุดเกราะเช่นเดียวกัน พวกเขากระจายตัวยืนอารักขาอยู่รอบๆ

มหาดเล็กซึ่งคอยท่าอยู่ก่อนแล้วรีบวางแท่นรองเหยียบลงที่ด้านข้างรถม้าอย่างรวดเร็ว เสียงแกรกเบาๆ ดังขึ้นพร้อมกับประตูรถม้าที่เปิดออก

“ถวายบังคมฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”

ผู้คนมากมายที่ยืนอยู่หน้าประตูวิลล่าตระกูลลอมบาร์เดียต่างก็โค้งศีรษะทำความเคารพกันอย่างพร้อมเพรียง

“ฮ่าฮ่าฮ่า!”

องค์จักรพรรดิโยบาเนสระเบิดหัวเราะเสียงดังลั่นด้วยความพอใจกับภาพตรงหน้า ในขณะที่ก้าวเท้าลงจากรถม้า

จักรพรรดินีเองก็ก้าวตามหลังลงมาเหยียบพื้นดิน

นางสวมเดรสสีน้ำเงินเข้มทำจากผ้ากำมะหยี่ผืนหนา คลุมผ้าคลุมไหล่ขนสัตว์สีขาวเนียนตัวสั้นทับด้านนอก ยังคงดูงดงามเหมือนอย่างที่เคยเป็นมาเสมอ

อาสทาน่ากับเฟเรสเองก็ก้าวลงจากรถม้าสองคันที่จอดอยู่ข้างหลังเช่นเดียวกัน

บุคคลทั้งสี่จากราชวงศ์เดินเรียงรายตรงมาหาพวกเรา

“เดินทางมาตั้งไกล ลำบากพระองค์แล้วพ่ะย่ะค่ะ”

ท่านปู่เป็นฝ่ายเริ่มบทสนทนาก่อน

“ขอบคุณที่เชิญนะครับ เจ้าตระกูลลอมบาร์เดีย”

จักรพรรดิโยบาเนสเองก็ยิ้มกว้างตอบท่านปู่กลับไปเช่นกัน

ลอมบาร์เดียกับราชวงศ์ดิวเรลลี่กำลังเผชิญหน้ากัน

มันเป็นวินาทีที่สายตาของผู้คนหลายร้อยที่มารวมตัวกันในงานเทศกาลแข่งล่าสัตว์จับจ้องไปยังจุดเดียว

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]

Status: Ongoing

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 이번 생은 가주가 되겠습니다 I shall master this family 김로아 คิมโรอา เขียน หนทางการขึ้นเป็นเจ้าตระกูลของหญิงสาวผู้กลับมาชาติมาเกิดใหม่ถึงสองครั้งสองครา เมื่อ ฟีเรนเทีย ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์และได้มาเกิดใหม่ในตระกูลลอมบาร์เดียที่ยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักรแลมบลู ในฐานะหลานสาวของเจ้าตระกูลที่เกิดจากมารดาสามัญชนทำให้โดนรังเกียจจากคนในตระกูล เมื่อพ่อและปู่ขอเธอตายจากไป เธอถูกขับไล่ออกจากตระกูล สองปีหลังจากนั้น ตระกูลลอมบาร์เดียก็ล่มสลาย แต่แล้ว เมื่อเธอประสบอุบัติเหตุอีกครั้งและมีโอกาสได้ย้อนกลับมาเมื่อตอน 7 ขวบ ครั้งนี้เธอจึงตั้งมั่นที่จะเปลี่ยนแปลงอนาคตและตั้งใจจะขึ้นเป็นเจ้าตระกูลคนถัดไปให้ได้ หนทางแห่งการขึ้นเป็นเจ้าตระกูลจะลำบากยากเย็นเพียงไหน มาเอาใจช่วย ฟีเรนเทียได้ใน “ชาตินี้ข้าจะเป็นเจ้าตระกูล”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท