Chaotic Sword God ตอนที่ 40 การแลกเปลี่ยนอาวุธ
ใช่แล้ว หลี่ฉา เป็นข้าเองเสี่ยวเล่อ เหลียงเสี่ยวเล่อกล่าว น้ำเสียงของนางเต็มไปด้วยความสุข ขณะที่นางยืนยันในคำพูดของเพื่อนนาง
เสี่ยวเล่อ นั่นเป็นเจ้าจริง ๆ ดีจริง ๆ ! ข้าคิดว่าเจ้าหนีไปเสียแล้ว ข้าไม่เคยคิดเลยว่าจะได้พบกับเจ้าที่นี่อีก หลี่ฉา เด็กสาวที่อยู่ด้านหน้าของเหลียงเสี่ยวเล่อเต็มไปด้วยความสุขและยังคงกอดนางราวกับว่าจะกลัวเพื่อนของนางหายไป
เด็กสาวทั้งสองคนกอดกันแน่น หลี่ฉาหัวเราะออกมาดัง ๆ เหลียงเสี่ยวเล่อ ข้าไม่คิดว่าเราจะสามารถพบกันอีกครั้ง หลังจากที่พวกเราต่างก็พลัดหลงกันในป่านี้ นี่มันทำให้ข้ามีความสุขจริง ๆ !
สวัสดี มันถูกกล่าวโดยชายหนุ่ม ขณะที่จ้องมองไปยังเด็กหนุ่มสองคนที่สวมชุดขาดวิ่น ข้าดีใจที่พวกเจ้าทั้งสองคนได้พบกันที่นี่ อืม … ข้าควรทำอย่างไร ? ข้าไม่แน่ใจ เจ้ายินดีที่จะเข้าร่วมกลุ่มของเราหรือไม่ ถ้าเจ้าเข้าร่วม แน่นอนข้าสามารถรับประกันได้ว่า หากพวกเจ้าเข้าร่วม กลุ่มของพวกเราจะแข็งแกร่งขึ้นไปอีกอย่างแน่นอน และพวกเราจะสามารถล่าสัตว์อสูรจำนวนมากได้อย่างง่ายดาย และนอกจากนี้มีอันตรายอยู่ทั่วทุกซอกทุกมุมในป่าแห่งนี้ มันจะดีกว่าถ้าเราร่วมมือกัน น้ำเสียงแรกเต็มไปด้วยความชื่นชม ในขณะที่เขาเดินขึ้นไปยังเจี้ยนเฉินและเถี่ยต้า แต่ทันทีที่เขาเห็นว่าเสื้อผ้าเจี้ยนเฉินที่มีสีแดงเข้มจากเลือดสด ช่วยไม่ได้ที่เขาจะตื่นตระหนก พวกเขาสงสัยอย่างแท้จริงว่าเลือดนั้นมาจากเจี้ยนเฉิน เพราะทุกคนที่สูญเสียเลือดมากเกินไปจะอ่อนแอ ไม่มีทางที่บุคคลดังกล่าวจะสามารถยืนได้อย่างมั่นคงและมองมาด้วยสายตาที่เฉียบคมเช่นนี้
เจี้ยนเฉินส่ายหน้าและเอ่ยปฏิเสธอย่างสุภาพ ข้าขอโทษ แต่พวกเราวางแผนที่จะออกจากสถานที่แห่งนี้ ดังนั้นพวกเราจึงไม่สามารถเข้าร่วมกลุ่มของเจ้าได้
ชายหนุ่มมีท่าทีเสียใจบนใบหน้า แต่เขาก็ยังคงพยายามเกลี้ยกล่อมต่อไป สหายทั้งสอง ถึงแม้ว่าสัตว์อสูรที่นี่จะน่ากลัว แต่พวกเราก็มีความแข็งแกร่งมากเช่นกัน ตราบใดที่ทุกคนยินดีที่จะร่วมมือกัน แม้ว่าเราจะได้พบสัตว์อสูร 2 ตัวในคราเดียวกัน มันย่อมแน่นอนว่าพวกเราไม่มีทางที่จะพ่ายแพ้ ถ้าทุกคนต้องการเพียงแค่แกนอสูรระดับ 1 ข้าเชื่อว่าอีกไม่นานพวกเราคงจะรวบรวมมันได้ครบ ชายหนุ่มยังคงกล่าวในประเด็นนั้นอย่างต่อเนื่อง สายตาของเขาค่อนข้างคมชัดนัก และมันก็เห็นได้ชัดว่าเขาได้ตระหนักแล้วว่าความแข็งแกร่งของเจี้ยนเฉินและเถี่ยต้านั้นสูงกว่าทุกคน
จริง ๆ เราไม่ได้มีทางเลือกอื่น พวกเราทั้งสองได้ตัดสินใจแล้วที่จะออกจากที่นี่ ดังนั้นเราจึงไม่สามารถเข้าร่วมกลุ่มของท่านได้ โปรดยกโทษให้เรา เพื่อปฏิเสธการร้องขออย่างเป็นทางการ น้ำเสียงของเจี้ยนเฉินนั้นดูเป็นเป็นมิตรมาก
เมื่อได้ยินว่าเจี้ยนเฉินและเถี่ยต้ากำลังจะออกไป ช่วยไม่ได้ที่เหล่าเยาวชนเหล่านี้จะรู้สึกผิดหวัง เขาไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไม แม้จะเป็นเพียงหนึ่งในสามวันที่เหลืออยู่ ทั้งสองคนกลับเลือกปฏิเสธที่จะเข้าร่วม ตราบใดที่พวกเขาใช้เพียงแกนอสูรระดับ 1 จำนวน 2 ชิ้น พวกเขาก็จะสามารถเข้าร่วมได้แล้ว แต่เจี้ยนเฉินและเถี่ยต้ายังคงเลือกที่จะออกจากพื้นที่ หรือเพราะทั้งสองคนเลือกที่จะปฏิเสธโอกาสที่ดีเช่นนี้
พวกเขาคิดว่าเจี้ยนเฉินและเถี่ยต้าเลือกที่จะยอมแพ้และต้องการออกไปจากป่า เขาไม่เคยคิดว่า คำว่า ออกไป แท้จริงแล้วหมายถึงออกจากเขตแดนชั้น 2 เพื่อเข้าสู่เขตแดนชั้น 3 ซึ่งไม่ได้หมายถึงการออกจากป่าจริง ๆ
ในช่วงเวลานั้น เถี่ยต้าเหลือบมองไปยังขวานที่ลูกศิษย์คนหนึ่งกำลังถือ ดวงตาของเขาสดใสขึ้นในความสุขและเขาเดินตรงไปยังลูกศิษย์ด้วยท่าทีองอาจ และถามด้วยเสียงดังสนั่น เฮ้ ถ้าข้าให้แกนอสูรระดับ 1 สองชิ้นกับเจ้า เจ้าจะสามารถแลกเปลี่ยนขวานของเจ้ากับข้าได้หรือไม่ ? เถี่ยต้าถามออกมา หลังจากดึงขวานบนหลังออกมาด้วยมือข้างหนึ่ง และใช้มืออีกข้างที่จะดึงแกนอสูรระดับ 1 ออกมา 2 ชิ้น ออกมาจากเข็มขัดที่ยังคงปกคลุมไปด้วยเลือดสด
มันเป็นช่วงเวลาที่กลุ่มของผู้คนตระหนักว่า ขวานรบขนาดใหญ่ในมือเถี่ยต้าที่ถูกปกคลุมไปด้วยเลือดสด ๆ บนขวานถูกย้อมไปด้วยสีแดงเข้ม มันเป็นอะไรที่น่าตกใจ มันดูราวกับว่าเป็นอาวุธสังหารที่ได้รับการใช้ออกมาอย่างต่อเนื่อง ที่น่าเหลือเชื่อขึ้นไปอีกคือขวานรบนั้นทำจากโลหะ แต่ทั้งหมดของมันกลับเต็มไปด้วยรอยแตก นอกจากนี้บางส่วนของใบมีดก็คดงอ
คนส่วนใหญ่ก็ไม่อาจเชื่อในสิ่งที่ได้รับรู้นี้ พวกเขาคิดว่าเถี่ยต้าได้เลือกอาวุธเช่นนี้มาตั้งแต่แรกเริ่ม ไม่มีทางที่พวกเขาจะคิดได้ว่า ความเสียหายทั้งหมดของขวานนั้นมาจากตัวของเถี่ยต้าเอง
ลูกศิษย์บางคนมองอย่างกล้าหาญไปยังร่องรอยความเสียหายของขวานด้านหน้าของเขา ที่ซึ่งมีเลือดสีแดงราวกับสีน้ำ เมื่อลูกศิษย์คนอื่น ๆ ได้ยินคำขอของเถี่ยต้า แววตาของพวกเขาเป็นประกายขึ้นมาทันทีและมองไปที่ลูกศิษย์คนนั้น พร้อมกับท่าทีที่เต็มไปด้วยความอิจฉา ราวกับว่าพวกเขามีอาวุธที่จะสามารถแลกเปลี่ยนกับเถี่ยต้าได้
สหาย ข้าสามารถแลกเปลี่ยนกระบี่ของข้าเล่มนี้กับเจ้าได้ ลูกศิษย์คนหนึ่งแบกกระบี่มือเดียวเล่มยักษ์ เดินไปเถี่ยตาและกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ได้ยินเช่นนั้น เถี่ยต้ามองลงไปที่ขวานรบ ที่อยู่ในกำมือของเขาส่ายหัวและพูดว่า นั่นไม่จำเป็น ข้ายังคงที่จะชื่นชอบการใช้ขวานรบมากกว่า
ได้ยินอย่างนี้แล้ว ชายผู้นั้นก็มีใบหน้าที่เต็มไปด้วยความผิดหวัง ขณะนี้การได้รับแกนอสูรระดับ 1 สองชิ้น สำคัญมากกว่าสิ่งอื่นใด ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย ถ้าเป็นคนอื่น ๆ พวกเขายังคงที่จะยินดีทำการแลกเปลี่ยนอาวุธของพวกเขากับแกนอสูร แม้ว่าอาวุธของพวกเขาจะมีมูลค่ามากกว่าแกนอสูรระดับ 1 สองชิ้นก็ตาม
ชายร่างสูงใหญ่นั้นไม่ได้โง่ หลังจากพิจารณาเพียงชั่วครู่ เขาเต็มไปด้วยความสุขและส่งมอบขวานรบของเขาเพื่อแลกเปลี่ยน ใครจะโง่พอที่จะปฏิเสธการแลกเปลี่ยนที่เต็มไปด้วยกำไรเช่นนี้ได้กัน?
หลังจากแลกเปลี่ยนเสร็จ กลุ่มคนเริ่มที่จะมองเถี่ยต้าด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป ลูกศิษย์ที่ชาญฉลาดบางคน เชื่อมโยงถึงความเป็นไปได้จากใช้งานขวานรบนั้นว่ามันอาจมีสาเหตุมาจากเถี่ยต้า จากจุดนี้พวกเขาสามารถยืนยันได้ว่าความแข็งแกร่งของเถี่ยต้านั่นไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน มิฉะนั้น ทำไมเขาถึงหยิบแกนอสูรระดับ 1 ออกมาอย่างง่ายดายนัก? สถานที่แห่งนี้ไม่เหมือนกับด้านนอก ก่อนที่จะเข้าป่า คณะบริหารของสำนักได้ยึดอุปกรณ์ของพวกเขาทั้งหมด พวกเขาตบลงบนร่างกายของลูกศิษย์เพื่อตรวจสอบอย่างละเอียด ไม่มีทางที่จะมีแกนอสูรหลุดรอดเข้ามาจากภายนอกได้ เพียงวิธีเดียวที่จะได้รับแกนอสูร นั่นคือการล่าพวกมันเท่านั้น
แต่มีเพียงสิ่งหนึ่งที่คนไม่เข้าใจ ถ้าเถี่ยต้าและเจี้ยนเฉินมีความแข็งแกร่งในการล่าสัตว์อสูร ทำไมพวกเขาถึงไม่อยู่ที่นี่ 3 วันเล่า? หลังจากที่ทางสำนักกำหนดกฎระเบียบไว้อย่างชัดเจนว่าพวกเขาสามารถผ่านการทดสอบก็ต่อเมื่ออยู่ในนี้เป็นระยะเวลา 3 วัน และจะต้องใช้แกนอสูรระดับ 1 สองชิ้น ถ้ามีเพียงทำสำเร็จเพียงอย่างเดียว พวกเขาก็จะไม่ผ่าน
มันอาจเป็นไปได้ว่า พวกเขาไม่สนใจเกี่ยวกับรางวัลหรือไม่ หรือบางทีพวกเขาได้โกหกเกี่ยวกับการออกและที่จริงแล้ว พวกเขาไม่ได้ต้องการที่จะสังหารสัตว์อสูรร่วมกับพวกเรา ? ช่วยไม่ได้ ที่คนส่วนใหญ่จะคิดเช่นนี้ เมื่อพิจารณาความคิดเหล่านี้ ไม่กี่คนก็เริ่มจ้องมองไปที่เจี้ยนเฉินและเถี่ยต้าด้วยท่าทีไม่พอใจทันที
เจี้ยนเฉินไม่ได้ให้ความสนใจกับท่าทีของคนเหล่านั้น เขามองไปที่เหลียงเสี่ยวเล่อและเด็กสาวที่นางกอดและกล่าวว่า เหลียงเสี่ยวเล่อ เนื่องจากเจ้าได้พบสหายของเจ้าแล้ว ทำไมเจ้าไม่ไปกับคนกลุ่มนี้? พวกเขามีคนมากทีเดียว
เหลียงเสี่ยวเล่อแยกออกมาจากหญิงสาวและมองกลับไปที่เจี้ยนเฉินและเถี่ยต้า นางพยักหน้า เช่นนั้นแล้ว พวกเจ้าทั้งสองคนระวังให้มาก
หลังจากนั้นเถี่ยต้าและเจี้ยนเฉินไม่ได้เสียเวลาใด ๆ และออกจากพื้นบริเวณนั้นทันที
หลังจากที่ทั้งสองคนจากไป หญิงสาวที่ถูกเรียกว่าหลี่ฉาถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ เสี่ยวเล่อ พวกเขาเป็นใคร? ทำไมพวกเขาจึงหยิ่งขนาดที่ว่าไม่ควรอยู่ด้วยกันกับพวกเรา
หลี่ฉา เจ้าเข้าใจผิดแล้ว มันไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่ต้องการที่จะร่วมกลุ่มกับพวกเจ้า พวกเขาต้องการที่จะออกจากที่นี่จริง ๆ เหลียงเสี่ยวเล่ออธิบาย
นั่นเป็นไปไม่ได้! หลี่ฉาอุทานในการปฏิเสธที่จะเชื่อ เสี่ยวเล่อ ความจริงที่ว่าพวกเขามีแกนอสูรระดับ 1 ได้ นั่นมีความหมายว่า พวกเขาต้องแข็งแกร่งมากพอที่จะสังหารสัตว์อสูรลงได้ นอกจากนั้น พวกเขายังทำการแลกเปลี่ยนอาวุธ มันก็เห็นได้ชัดว่าพวกเขากำลังวางแผนอย่างต่อเนื่องที่จะต่อสู้ มันเป็นไปได้อย่างไรที่พวกเขาจะออกจากสถานที่แห่งนี้?
นั่นถูกแล้ว เสี่ยวเล่อ เจ้ากำลังถูกพวกเขาหลอก เด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านข้างกล่าวเพิ่มเติม
เหลียงเสี่ยวเล่อยิ้ม แน่นอน พวกเขาต้องการที่จะออกจากที่นี่ แต่พวกเขาไม่ได้อธิบายอย่างชัดเจนกับพวกเจ้า พวกเขาต้องการที่จะย้ายออกจากเขตแดนที่ 2 ไปยังเขตแดนที่ 3 เพื่อที่จะล่าสัตว์อสูรระดับ 2
อะไรนะ ! เหลียงเสี่ยวเล่อ เจ้ากำลังกล่าวเรื่องตลกอันใดออกมา? มันเป็นไปไม่ได้สำหรับพวกเขาทั้งสองคนที่จะไปยังเขตแดนชั้น 3 เพื่อล่าสัตว์อสูรระดับ 2 !
มันอาจเป็นไปได้ว่าความแข็งแกร่งของพวกเขาก้าวไปถึงระดับเซียนแล้ว? แต่มันจะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร ถ้าพวกเขามาถึงระดับเซียนแล้ว จากนั้นแล้วพวกเขาก็ไม่มีความจำเป็นต้องแลกเปลี่ยนอาวุธ
ทั้งสองคนช่างประมาทจริง ๆ ที่ต้องการจะเข้าไปยังเขตแดนชั้น 3
พวกเขาคงต้องการที่จะรนหาที่ตาย
….
ทันใดนั้น หลังจากคำพูดของเหลียงเสี่ยวเล่อ กลุ่มคนพวกนั้นก็ตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย ขณะที่พวกเขาเริ่มที่จะหารือกันอย่างบ้าคลั่ง ไม่มีใครสักคนในพวกเขาจะคิดว่าเจี้ยนเฉินและเถี่ยต้าจะสามารถเอาชีวิตรอดในเขตแดนชั้น 3 ได้
หลี่ฉาดึงมือของเหลียงเสี่ยงเล่อ ถามออกในลักษณะที่ชัดเจนว่านางไม่เชื่อ เสี่ยวเล่อ พวกเขาคงไม่บ้าพอที่จะเข้าไปในเขตแดนชั้น 3 จริง ๆ ใช่หรือไม่ ?
เหลียงเสี่ยวเล่อพยักหน้า นั่นไม่ผิดแน่ พวกเขาทั้งสองต้องการที่จะเข้าไปยังเขตแดนชั้น 3 หลี่ฉา เจ้าไม่สามารถประมาทพวกเขาสองคนได้ พวกเขาน่ากลัวกว่าที่คิดนัก เหลียงเสี่ยวเล่อกล่าวด้วยความเชื่อมั่น
มันอาจเป็นไปได้ว่า ทั้งสองคนแท้จริงแล้วเป็นเซียน ? หลี่ฉาถามในความตกตะลึง คณะบริหารสำนักได้ประกาศอย่างชัดเจนว่าลูกศิษย์ทุกคนที่เป็นเซียนจะต้องเข้าไปยังเขตแดนชั้น 3 ไม่มีทางที่พวกเขาจะได้ปรากฏตัวขึ้นในเขตแดนชั้น 2 เด็ดขาด
เหลียงเสี่ยวเล่อ ส่ายหัว ไม่ พลังของพวกเขายังไม่ถึงระดับเซียน เพราะพวกเขายังไม่สามารถหลอมรวมอาวุธเซียนได้
ได้ยินอย่างนี้แล้ว หลี่ฉายิ่งมีทีท่าทีตกตะลึงเพิ่มขึ้นไปอีก หากปราศจากการตัดผ่านถึงระดับเซียน เป็นเรื่องยากหากจะเอาชีวิตรอดในเขตแดนที่ 2 ซึ่งหากก้าวไปในเขตแดนที่ 3 หลังจากนั้นทั้งหมดจะเป็นสัตว์อสูรระดับ 2 ซึ่งความแข็งแกร่งของพวกมันมากกว่าสัตว์อสูรระดับ 1 ไม่น้อยเลย ขนาดถึงที่ว่าไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบกันได้
หลี่ฉาและเหลียงเสี่ยวเล่อเป็นเพื่อนสนิทกัน ดังนั้นเหลียงเสี่ยวเล่อไม่ได้รู้สึกว่าต้องปกปิดอะไรหลี่ฉา นางกล่าวด้วยเสียงอ่อนโยนว่า หลี่ฉา ข้าบอกเจ้าได้เพียงว่า เมื่อวานนี้ข้าเองได้เห็นพวกเขาทั้งสองคนสังหารสัตว์อสูรไปกว่า 70 ตัว
หลี่ฉาตกใจเหลือเกิน ขณะที่นางอุทานออกมาว่า อะไรนะ ! เสี่ยวเล่อ เจ้ากำลังล้อเล่น ? สองคนนั้นฆ่าสัตว์อสูรระดับ 1 ได้กว่า 70 ตัวในวันเดียวงั้นหรือ หลี่ฉาได้แต่ประหลาดใจ นางไม่สามารถรวบรวมคำพูดของนางออกมาได้ นางค่อย ๆ พูดเสียงดังเพิ่มขึ้น จนทั้ง 8 คนก็สามารถที่จะได้ยินเสียงของนางค่อนข้างชัดเจน ในทันทีที่ท่าทีและความคิดของพวกเขาได้มองเจี้ยนเฉินและเถี่ยต้าเปลี่ยนไป ความสำเร็จของเจี้ยนเฉินและเถี่ยต้าตามเหลียงเสี่ยวเล่อกล่าวมา พวกเขาได้แต่มีท่าทีที่เหลือเชื่อ
หลี่ฉา, เจ้าพูดว่าอะไร? สองคนนั้นสามารถที่จะจัดการสัตว์อสูรระดับ 1 ไปกว่า 70 ตัว ภายในวันเดียว? ลูกศิษย์คนหนึ่งถาม เขาไม่อาจยอมรับความเป็นไปได้นั้น คนเพียงสองคน นั่นเป็นเจี้ยนเฉินและเถี่ยต้าที่เขาพึ่งพบจริงหรือ
หลี่ฉาพยายามที่จะสูดลมหายใจเข้าลึก ๆและทาบที่หน้าอกของนาง ก่อนที่จะชี้ไปที่เหลียงเสี่ยวเล่อ นางกล่าวด้วยเสียงสั่นว่า เสี่ยวเล่อ บอกว่าเจ้าเองเห็นสองคนนั้นฆ่าสัตว์อสูรระดับ 1 ไปกว่า 70 ตัวในวันเพียงวันเดียวเท่านั้น น้ำเสียงหลี่ฉาสะท้อนให้เห็นความจริงที่ว่านางก็คิดไม่ถึงเช่นกันกับความเป็นไปได้ที่น่าเหลือเชื่อนั้น