ทุกคนต่างพากันมึนตึ้บ ช่างเป็นข่าวที่ค่อนข้างใหญ่จริง ๆ เลี้ยงกระต่าย? ปล่อยกระแสไฟฟ้า? สิ่งนี้เกี่ยวอะไรกับพวกเขา
นอกจากนี้ ทั้งสองเรื่องนี้ก็อยู่ไกลเกินเอื้อมด้วย
“เลขา เลี้ยงกระต่ายกับปล่อยกระแสไฟฟ้าเกี่ยวกันยังไง?” พ่อของชุยต้าถาม
“เลขา ปล่อยกระแสไฟฟ้ามาทำไม ฉันได้ยินมาว่าสิ่งนั้นก็ต้องใช้เงินด้วยนะ!” พ่อของเหล่าหวังสามกล่าว
“ใช่ ๆ จุดตะเกียงน้ำมันก็ดีอยู่แล้ว แถมยังใช้เงินไม่มากด้วย” คุณยายท่านหนึ่งกล่าว
“ก่อนหน้านี้ก็ไม่มีไฟฟ้าใช้นี่ มันก็เป็นการใช้ชีวิตแบบเดียวกันไม่ใช่เหรอ?” พ่อชุยต้ากล่าว
“นั่นสิ ดึงของไม่มีประโยชน์นั่นมาทำอะไร?” สามีของหลี่เฟินกล่าว
เลขาได้ยินคำพูดเหล่านี้ของคนในหมู่บ้านก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธเคือง ดูกลุ่มคนไม่มีอนาคตพวกนี้สิ เพราะแบบนี้อย่างไรล่ะหมู่บ้านถึงยังไม่พัฒนา นี่เป็นปัญหาของเขาเพียงคนเดียวเหรอ?
กลุ่มคนพวกนี้ต่างไม่ยอมก้าวหน้า นี่ต่างหากล่ะเป็นปัญหาใหญ่ที่สุด!
“สายตาพวกเธอไม่กว้างไกลกันน่ะสิถึงได้เห็นแค่ที่ดินสามนิ้วนั่นของตัวเอง ปล่อยกระแสไฟฟ้ามาทำไม? พวกเธอถามว่าเอามาทำไมเหรอ! นี่ไม่คิดจะมีชีวิตที่ดีกันแล้วใช่ไหม? ไม่ให้ปล่อยกระแสไฟฟ้าเข้ามาจะมีชีวิตที่ดีได้เหรอ!” เลขาก่นด่า
“ใช้ชีวิตดี ๆ มันเกี่ยวกับไฟฟ้าตรงไหน?” พ่อชุยต้ากล่าว “กินอิ่มดื่มพอก็เท่ากับมีชีวิตที่ดีแล้วไม่ใช่หรือไง?”
“นั่นสิ กินอิ่มดื่มพอก็เท่ากับมีชีวิตที่ดีแล้ว จะเอาไฟฟ้านั่นเข้ามาใช้ประโยชน์อะไร ของแบบนี้ยังต้องเสียเงินด้วย” คุณยายท่านหนึ่งกล่าว
“ใช่ๆ!” คนอื่น ๆ ก็เห็นด้วย
เลขาโมโหจนยิ้มเหี้ยมออกมา
คนพวกนี้นี่โง่จริง ๆ โง่แบบไม่มีขอบเขตเลยด้วย!
แต่เขาก็ไม่มีทางเลือก หันไปมองจ้าวเหวินเทาที่ยืนอยู่ข้าง ๆ “เสี่ยวลิ่ว นายขึ้นมา ช่วยพูดกับทุกคนหน่อย บอกพวกเขาทีว่าทำไมฉันถึงกังวลเกี่ยวกับการสร้างไฟฟ้าให้กับหมู่บ้านขนาดนี้!”
จ้าวเหวินเทาเองก็เห็นการโต้ตอบของคนในหมู่บ้านแล้ว หากเขาไม่ออกโรงเห็นทีคงไม่ได้
วันนี้ถ้าพูดออกไปก็จะทำให้อะไรๆ ราบรื่นขึ้น ไม่เช่นนั้นเขาจะทำให้ไฟฟ้าเข้าหมู่บ้านและกลายเป็นครอบครัวที่ร่ำรวยได้อย่างไรกัน?
ดังนั้นจ้าวเหวินเทาจึงรับโทรโข่งมาจากเลขา พูดว่า “ทุกคนอย่าเพิ่งใจร้อน ฟังที่ผมพูดก่อน การปล่อยกระแสไฟฟ้าเป็นเรื่องสำคัญในการหาเงิน หาเงินน่ะรู้จักไหม? ไม่ได้บอกให้ทุกคนจ่ายเงิน แน่นอนว่าช่วงแรก ๆ อาจจะต้องจ่ายเงินนิดหน่อย แต่หลังจากนั้นสิ่งที่จะได้กลับมาจะเหนือจินตนาการของทุกคนอย่างแน่นอน!”
“เริ่มหลอกคนอีกแล้ว” พี่สะใภ้รองจ้าวกระซิบพึมพำ
พี่สะใภ้สี่จ้าวได้ยินแล้วก็รู้สึกเช่นกันว่านี่เป็นการหลอกคนอื่น
“ทุกคนเห็นบ้านที่ผมสร้างแล้วใช่ไหม?” จ้าวเหวินเทาเริ่มเอ่ยปากพูด “ผมรู้นะว่าลับหลังผมพวกคุณพูดอะไรไว้บ้าง บอกว่าผมช่างกล้าหาญ คิดไม่ถึงเลยว่าจะค้างหนี้เยอะขนาดนั้นเพื่อสร้างบ้านหลังนี้ รู้สึกว่าเรื่องที่ผมทำมันไม่น่าเชื่อถือ แต่พวกคุณรู้หรือเปล่า ที่ผมกล้าทำแบบนี้ สาเหตุก็เป็นเพราะผมมีความมั่นใจ มั่นใจว่าอีกไม่นานจะคืนเงินได้ ทำไมผมถึงจะไม่กล้าติดหนี้ล่ะ ผมค้างจ่ายก็จริงแต่ก็สามารถเข้าไปอยู่ในบ้านใหม่อย่างมีความสุขได้ ส่วนเรื่องเงินก็ค่อย ๆ ใช้คืน แล้วผมก็มีปัญญาจ่ายคืนด้วย!”
ทุกคนเห็นเขาพูดถึงเรื่องนี้ จึงสอบถามอีกว่าสุดท้ายแล้วเขาติดหนี้เท่าไรกันแน่?
จ้าวเหวินเทากล่าวด้วยรอยยิ้ม “บ้านหลังนั้นตั้งแต่เริ่มต้นจนจบใช้เงินไปเกือบสามพันหยวน!”
“สาม…สามพันหยวน! แม่เจ้า!” สะใภ้จ้วงถึงกับสูดปากดังซื้ด
“เยอะขนาดนี้เลย จะคืนหมดตอนไหนเนี่ย?” แม่เฒ่าหยางเองก็ชะงักเช่นกัน
“นั่นสิ เจ้าหกจ้าว นายนี่กล้าจริง ๆ!” สามีของหลี่เฟินกล่าว
“เงินเยอะขนาดนี้ จะไม่ใช้ชีวิตแล้วเหรอ?” พี่สะใภ้สี่จ้าวพูด
ไม่แปลกใจเลยที่ทุกคนจะเกิดอารมณ์ความรู้สึก เงินสามพันหยวนเชียวนะ นี่มันน่าเหลือเชื่อมากเลย แค่ในตอนนี้เป็นครอบครัวหมื่นหยวนก็ได้ขึ้นหนังสือพิมพ์แล้ว ส่วนจ้าวเหวินเทาตอนนี้ติดหนี้ถึงสามพันหยวน!
เงินสามพันหยวนนี้แน่นอนว่าเป็นเงินจำนวนมาก โดยเฉพาะในสายตาของคนในหมู่บ้าน นี่เป็นเงินก้อนโตเลยทีเดียว!
แม้แต่เลขาก็ถึงกับเดาะลิ้น เจ้าเด็กคนนี้ช่างใจกล้าจริง ๆ!
จ้าวเหวินเทานิ่งสงบ กล่าวต่อไปว่า “ผมติดหนี้เยอะขนาดนี้ก็ไม่ผิด แต่คนเหล่านั้นทำไมถึงกล้าให้ผมค้างจ่ายล่ะ แล้วทำไมผมถึงกล้าที่จะขาดแคลนเงินขนาดนี้?!”
ทุกคนชะงัก เมื่อทราบว่าเขาอยากจะพูดเรื่องกระต่าย เพียงไม่นานก็ถามด้วยความฉงน
“เลี้ยงกระต่ายได้เงินเยอะขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“ฉันเองก็ไม่เห็นว่านายจะเลี้ยงกระต่ายมากมายเท่าไรเลยนะ?”
“กระต่ายหนึ่งตัวหนักไม่กี่ชั่งเอง จะขายได้สักเท่าไรกันเชียว?”
สำหรับเรื่องหาเงิน ทุกคนต่างก็เกิดความสงสัยไม่เข้าใจ พวกเขาก็อยากทราบเหมือนกัน เจ้าหกจ้าวไปเอาความกล้ามากมายขนาดนี้มาจากที่ไหน
อย่าว่าแต่คนในหมู่บ้านเลย พี่รองจ้าว พี่สะใภ้รองจ้าว และพี่สะใภ้สี่จ้าวสี่ก็อยากรู้เช่นกัน
ส่วนพี่สามจ้าวในตอนนี้เริ่มตื่นเต้นขึ้นมาแล้ว เขาทายถูกจริง ๆ เจ้าหกร่ำรวยเพราะพึ่งพาการขายกระต่ายนี่เอง!
คุณพ่อจ้าวและคุณแม่จ้าวกลับไม่ได้แสดงอารมณ์อะไรให้มากมาย พวกเขาทราบดีว่าลูกคนเล็กคิดจะทำอะไร คำพูดเหล่านี้ยังไม่ใช่เรื่องสำคัญ
จ้าวเหวินเทาพูดด้วยสีหน้านิ่งสงบ ทว่าน้ำเสียงกลับสูงขึ้น “กระต่ายจะทำเงินได้หรือเปล่า วันนี้ผมจะพูดให้ทุกคนฟัง ถึงกระต่ายจะดูตัวไม่ใหญ่ แต่เนื้อของมันแน่นมาก หนึ่งตัวก็ได้ตั้งหลายชั่ง จะกี่ชั่งก็เป็นเนื้อทั้งหมด ซึ่งเนื้อนี่แหละสามารถทำราคาได้!”
“กระต่ายกินอะไรล่ะ พวกมันกินหญ้า ต่อให้ต้องป้อนอาหารนิดหน่อย แต่ก็กินหญ้าเป็นหลัก ส่วนผักก็ให้พวกมันแทะได้ ไม่ต้องพูดหรอกว่ามันจะดีใจขนาดไหน สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงอะไร? ก็แสดงให้เห็นว่าเงินทุนในการเลี้ยงกระต่ายน้อยเสียจนทุกคนคาดไม่ถึงเลยอย่างไรล่ะ!”
“กระต่ายยังมีลักษณะเฉพาะด้วยนะ นั่นคือคลอดลูกเก่ง หนึ่งรอบโดยปกติแล้วจะคลอดออกมา 7-8 ตัว กระต่ายที่ผมเลี้ยงไว้สามารถคลอดได้ครั้งหนึ่งมากสุดถึง 20 ตัวเลย ผมเลี้ยงพวกมันด้วยความเอาใจใส่ ดังนั้นมันจึงมีชีวิตรอดทุกตัว กระต่ายหนึ่งคู่หนึ่งปีสามารถคลอดได้กี่ครั้ง? โดยพื้นฐานแล้ว 1-2 เดือนจะคลอดลูกหนึ่งครั้ง รายได้นี้พวกคุณเคยคำนวณไว้หรือเปล่าล่ะ?”
“กระต่ายหนึ่งคู่หนึ่งปีสามารถคลอดกระต่ายได้กี่ตัว มากถึง 40-50 ตัวเลย ส่วนลูกกระต่ายที่คลอดออกมาเหล่านี้ก็ยังสามารถสืบพันธุ์ต่อไปได้ หนึ่งปีทุกคนจะมีกระต่าย 100-200 ตัว ที่พูดถึงตอนนี้ในกรณีที่เป็นปกตินะ แต่ถ้าออกมามากก็อาจจะมากกว่า 300 ตัว!”
เมื่อได้ยินตัวเลขนี้ ทุกคนก็อ้าปากค้าง แต่อย่าพูดเลย พอมาคำนวณดูแล้วมันก็เป็นตัวเลขนี้จริง ๆ กระต่ายเป็นสัตว์ที่มีลูกดก เรื่องนี้พวกเขาต่างก็ทราบดี
ก่อนหน้านี้ก็หลายครั้งที่พวกมันกัดแทะทำลายพืชผล
“กระต่ายหนึ่งตัวขายได้ราคาเท่าไร? เรื่องนี้พวกคุณอาจจะยังเห็นไม่ค่อยชัดเจน แต่ผมที่วิ่งออกไปขายของข้างนอกย่อมรู้ดี กระต่ายตัวเป็น ๆ สามารถขายในตลาดได้ห้าเหมาต่อหนึ่งชั่ง! ถ้าฆ่าแล้วนำเนื้อไปขาย ก็จะได้ราคามากกว่าเอากระต่ายตัวเป็น ๆ ไปขาย!” จ้าวเหวินเทากล่าว
“พี่หก ทำไมเนื้อจากกระต่ายที่ตายแล้วถึงได้เงินมากกว่าล่ะ?” ชุยต้าได้ยินพี่หกของเขาพูดจนใจสั่นระรัวแล้ว จึงตะโกนถามเสียงดัง
จ้าวเหวินเทากล่าว “เพราะกระต่ายที่ยังไม่ตายต้องขายออกไปทั้งตัว แน่นอนว่ามันขายไม่ได้ราคาอยู่แล้ว แต่ถ้าฆ่ามันแล้วขายเนื้อ หนังก็สามารถนำไปขายได้ ส่วนหัวก็มีราคามากที่สุด ได้ยินมาว่าซานตงทางฝั่งนั้นชอบกินสิ่งนี้ เอาไปทำเป็นหัวกระต่ายผัดน้ำแดง พวกคุณลองคิดดูสิว่าจะได้เงินเท่าไหร่?”
เรื่องใหญ่แบบนี้ ย่อมมีฝ่ายบัญชีนั่งอยู่ที่นี่อยู่แล้ว ดังนั้นในฐานะที่เป็นตัวแทนของทุกคนจึงคำนวณตัวเลขให้
เมื่อลองคำนวณออกมา ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือหากเลี้ยงกระต่ายให้ดี ๆ ต้องร่ำรวยแน่นอน!
เลขามีดวงตาเป็นประกาย เพราะตัวเลขนี้เมื่อคำนวณออกมาแล้วถือว่าไม่เลวเลย
ทุกคนยิ่งไม่ต้องพูดถึง ต่างก็ฮือฮาขึ้นมาแล้ว
“แต่ฉันเห็นนายมีกระต่ายแค่ไม่กี่ตัวเองนะ?” พี่สามจ้าวอดไม่ได้ที่จะถาม
“กระต่ายของผมถ้าเป็นตัวผู้โตเต็มวัยก็จะเอาไปขาย ตอนนี้ที่เหลืออยู่มีแค่กระต่ายตัวเมีย นำมาผสมพันธุ์กันเองไม่ได้ ผมเลยต้องไปหากระต่ายตัวผู้กลับมาอีกรอบ แบบนี้ก็จะคลอดลูกกระต่ายสุขภาพดีออกมาได้ แถมยังคลอดได้เยอะด้วย ถ้าโชคดี ครั้งหนึ่งก็คลอดได้สิบตัว ถ้าทุกคนเลี้ยงกระต่ายหนึ่งคู่ หนึ่งปีสามารถทำเงินได้หลายสิบหยวนได้อย่างไม่มีปัญหาเลย!” จ้าวเหวินเทาตอบเสียงเรียบ
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เหวินเทาเจรจาแบบมีชั้นเชิงมาก ถ้าให้เป็นนายหน้าขายประกันนี่คงมีคนซื้อกรมธรรม์เยอะแน่ ๆ ค่ะ แค่พูดถึงเรื่องเลี้ยงกระต่ายก็มีคนเอนเอียงมาแล้ว
ไหหม่า(海馬)