เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零] – ตอนที่ 236 ตอกกลับไป

ตอนที่ 236 ตอกกลับไป

ตอนที่ 236 ตอกกลับไป

เมื่อเย่ฉูฉู่พูดจบ พี่สะใภ้สี่จ้าวก็เหม่ออยู่นานกว่าจะได้สติ  พวกเขารู้จักกันตอนที่มาฟังงิ้ว? 

 ค่ะ  เย่ฉูฉู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม

 เหมือนกับคนในเมืองที่คุยกันเองน่ะเหรอ?  พี่สะใภ้สี่จ้าวถามต่อ

 เรื่องนี้ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่คิดว่าคงคุยๆ กันบ้างแล้วล่ะค่ะ  เย่ฉูฉู่กล่าว

พี่สะใภ้สี่จ้าวตบหน้าขาพลางก่นด่า  เจ้ารองฉวี่คนนี้นี่ ไอ้บ้าเอ๊ย มีคนที่ชอบอยู่แล้วก็บอกแต่แรกสิ ไม่ยอมบอกอะไรสักอย่าง ทำให้พวกเราต้องเป็นธุระให้เขาเยอะแยะขนาดนี้! 

เย่ฉูฉู่ก็รู้สึกว่าเจ้ารองฉวี่ทำเกินไปหน่อย มีคนที่ชอบอยู่แล้วยังจะดูตัวอะไรอีก

พี่สะใภ้สี่จ้าวด่าเจ้ารองฉวี่จบก็บ่นขึ้นอีก  น้องสะใภ้หก เธอเองก็เหมือนกัน ทำไมไม่บอกฉันตั้งแต่แรกล่ะ จะได้ไม่ต้องให้แม่ของฉันวิ่งเทียวไปเทียวมาตั้งหลายรอบ แม่สามีก็เหมือนกัน ไม่บอกกันสักคำ 

เย่ฉูฉู่แอบไม่พอใจเท่าไรนัก  พี่สะใภ้สี่ พี่พูดแบบนี้ก็ไม่ถูกนะคะ พวกเราไม่รู้เรื่องนี้มาก่อนจะบอกพี่ได้ยังไง? คุณแม่ก็เพิ่งมารู้ทีหลังเหมือนกัน ตอนนั้นพี่เป็นแม่สื่อ เจ้ารองฉวี่ก็เห็นด้วยที่จะไปดูตัว พวกเราจะห้ามไม่ให้พี่ไปได้เหรอ? 

พี่สะใภ้สี่จ้าวปิดปากเงียบ แม้ว่าจะทราบว่าเย่ฉูฉู่พูดมีเหตุผล เรื่องนี้ตั้งแต่ต้นจนจบต้นเหตุก็คือเจ้ารองฉวี่ แต่หล่อนก็รู้สึกคับอกคับใจอยู่ดี ทำแบบนี้มันคืออะไรกันเนี่ย!

 น้องสะใภ้หก เธออย่าโกรธสิ แม่ของฉันบอกว่าหลานสาวของแม่ฉันชอบเจ้ารองฉวี่ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้ารองฉวี่จะไม่ชอบหล่อน หล่อนรับไม่ได้อยู่ช่วงหนึ่งจนล้มป่วยเลยนะ แม่ของหลานสาวก็เลยบ่นแม่ฉันว่าจัดการเรื่องได้ไม่ดี แม่ก็เลยมาบ่นฉันอีก 

เย่ฉูฉู่ประหลาดใจ  เรื่องนี้มีอะไรต้องบ่นด้วยคะ ฝ่ายชายไม่ชอบ แม่สื่อก็ไม่สามารถบังคับให้ฝ่ายชายมาชอบอยู่ดีไม่ใช่เหรอ? 

 มันก็เหตุผลตามนี้แหละ แต่การที่จะชอบหรือไม่ชอบส่วนใหญ่ก็ต้องดูที่แม่สื่อนี่แหละ  พี่สะใภ้สี่จ้าวกล่าว

เย่ฉูฉู่กล่าวเสียงเรียบ  ความหมายของพี่สะใภ้สี่ก็คือ พวกเราทำให้เรื่องดี ๆ ของพวกพี่เสียหายงั้นเหรอคะ? 

พี่สะใภ้สี่จ้าวกล่าว  แต่ถึงยังไงถ้าไม่มีทางฝั่งของพวกเธอ เจ้ารองฉวี่ก็ต้องตอบตกลงอยู่แล้ว 

เย่ฉูฉู่ยิ้มด้วยความโกรธเคือง  พี่สะใภ้สี่พูดแบบนี้น่าสนใจจริง ๆ ฝ่ายหญิงที่พวกพี่แนะนำให้ชอบเจ้ารองฉวี่ แต่เจ้ารองฉวี่ไม่ชอบฝ่ายหญิงที่พวกพี่แนะนำให้ พี่ก็เลยมาโทษพวกฉัน หรือจะบอกว่าเจ้ารองฉวี่ต้องชอบคนที่พวกพี่แนะนำให้เท่านั้น ไม่งั้นก็จะกลายเป็นความไม่ถูกต้อง? นี่มันเหตุผลอะไรกันคะ? 

พี่สะใภ้สี่จ้าวถูกตอกกลับจนพูดไม่ออก หล่อนจึงเอ่ยกระอึกกระอักกลับมาหนึ่งประโยค  ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้น 

จากนั้นก็ลุกขึ้นทำท่าจะกลับไป

เย่ฉูฉู่กล่าว  พี่สะใภ้สี่ ฉันขอพูดกับพี่อีกหนึ่งประโยคนะคะ เรื่องการแต่งงานไม่ใช่เรื่องที่แม่สื่อจะตัดสินใจได้ นี่เป็นการตัดสินใจของฝ่ายชายและฝ่ายหญิง จะสำเร็จหรือไม่สำเร็จก็เป็นเรื่องปกติ จะมาพูดว่าพวกพี่เป็นแม่สื่อแล้วต้องสำเร็จไม่ได้! 

พี่สะใภ้สี่จ้าวจึงเดินคอตกกลับไป

เย่ฉูฉู่เดิมทียังเคืองอยู่นิดหน่อย แต่เมื่อมาคิด ๆ ดูแล้วก็พบว่าเธอไม่สามารถโกรธกับคนแบบนี้ได้จริง ๆ จึงโยนความโกรธทิ้งไป

พี่สะใภ้สี่จ้าวกลับไม่ได้โยนเรื่องนี้ทิ้ง หล่อนกลับมาบ่นกับพี่สี่จ้าว

 …คุณดูสิคะทำไมน้องสะใภ้หกถึงเป็นแบบนี้ไปได้? ถ้าตัวเองเป็นแม่สื่อก็น่าจะบอกล่วงหน้าสักคำสิ นี่ไม่พูดอะไรเลย มองดูพวกเราทางฝั่งนี้ยุ่งวุ่นวาย จากนั้นค่อยแนะนำให้เจ้ารองฉวี่ มีแบบนี้ด้วยเหรอ?  พี่สะใภ้สี่จ้าวเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการกลับขาวให้กลายเป็นดำ พูดแบบนี้ คนที่ไม่รู้เรื่องราวคงคิดว่าเย่ฉูฉู่เป็นคนผิด

พี่สี่จ้าวฟังโดยไม่ได้ใส่ใจอะไร เขาล้างถั่วไปพลาง หลังจากรอภรรยาบ่นเสร็จแล้วจึงเข้าประเด็น  ในเมื่อเจ้ารองฉวี่ไม่ชอบ น้องสะใภ้หกจะบังคับให้เขาชอบได้เหรอ? 

 นี่คุณเข้าข้างฝั่งนั้นเหรอคะ? เจ้ารองฉวี่นั่นจะไปรู้เรื่องรู้ราวอะไรกัน!  พี่สะใภ้สี่จ้าวพูดอย่างไม่สบอารมณ์

 ถึงเจ้ารองฉวี่จะไม่รู้เรื่องรู้ราว แต่ก็รู้จักเอาฟองเต้าหู้ไปให้บ้านพ่อตาแม่ยายเพื่อไปเยี่ยมภรรยาของเขานะ  พี่สี่จ้าวกล่าว

 คุณ!  พี่สะใภ้สี่จ้าวโกรธจนทนไม่ไหว

ตอนนี้คนจากทั้งหมู่บ้านต่างก็รู้เรื่องที่เจ้ารองฉวี่ละทิ้งเรื่องการหาคู่ผ่านแม่สื่อและหาคู่ด้วยตัวเองแทนแล้ว พี่สะใภ้สี่จ้าวย่อมทราบด้วยเช่นกัน แต่หล่อนกลับคิดว่านี่เป็นผลลัพธ์จากการร่วมมือกันระหว่างเย่ฉูฉู่และเฮ่อซงจือ

คนเรานี่นะ เอาแต่เชื่อในเรื่องที่ตัวเองเชื่อ ใครก็ทำอะไรไม่ได้

ครั้นจ้าวเหวินเทากลับมาในช่วงค่ำ เย่ฉูฉู่จึงนำคำพูดของพี่สะใภ้สี่จ้าวเล่าให้เขาฟัง

 อย่าไปสนใจเลย คนแบบนั้นไม่มีสมองหรอก!  จ้าวเหวินเทาพูดด้วยความดูแคลน ระหว่างที่พูดก็ปลอบใจเย่ฉูฉู่ด้วย  ภรรยา คุณอย่าไปโกรธคนแบบนี้เด็ดขาดเลยนะ ไม่คุ้มค่าเลย เข้าใจไหม? 

เย่ฉูฉู่ยิ้ม  ฉันเองก็คิดแบบนี้เหมือนกัน ถึงยังไงเรื่องนี้ก็พูดชัดเจนแล้ว พี่เขาอยากคิดยังไงก็ช่างเถอะค่ะ 

 ภรรยาของผมช่างสมเหตุสมผลจัง!  จ้าวเหวินเทาหอมเย่ฉูฉู่ก่อนจะเปลี่ยนหัวข้อสนทนา  ภรรยา ครั้งก่อนผมเคยเล่าให้คุณฟังใช่ไหม เรื่องที่ผมรู้จักพี่ใหญ่หลิวคนพลิกหน้าดินที่หมู่บ้านไท่ผิง คุณยังจำได้ไหม เขานัดผมไปตกปลาด้วยกันวันพรุ่งนี้ ดังนั้นผมอาจจะออกจากบ้านเช้าหน่อยนะ 

 ตกปลา? ที่ไหนเหรอคะ?  เย่ฉูฉู่พูดด้วยความสงสัย

 ทางเหนือน่ะ อยู่ห่างจากที่นี่ประมาณห้าสิบลี้ เขาบอกว่าตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่ดีในการตกปลา อากาศก็หนาวขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว ปลาที่ตกกลับมาก็ไม่เสียด้วย 

เย่ฉูฉู่กล่าว  ได้สิ คุณไปเถอะ ใส่กางเกงกับเสื้อผ้าฝ้ายหนา ๆ นะคะ ฉันทำไว้ให้หมดแล้ว พรุ่งนี้จะออกไปกี่โมงคะ? 

 ตีสามกว่าก็ออกจากบ้านแล้ว ไปเจอกันที่ตัวอำเภอ ถึงที่นั่นก็คงเช้าพอดี กว่าจะกลับมาก็ค่ำ ๆ  จ้าวเหวินเทาคำนวณเวลา

 งั้นคุณก็ระวังตัวด้วยนะคะ ตอนนี้อากาศหนาวแล้ว อย่าตกลงไปในชั้นน้ำแข็งที่ยังไม่แข็งตัวหนาเชียวล่ะ  เย่ฉูฉู่กำชับ

 ผมรู้แล้ว คุณไม่ต้องห่วงนะ  จ้าวเหวินเทาอุ้มลูกชายยกขึ้นสูงอีกครั้ง  พรุ่งนี้พ่อจะไปตกปลามาให้กินนะลูก! 

เสี่ยวไป๋หยางกางแขนเล็ก ๆ หัวเราะไม่หยุด เขาชอบเล่นด้วยวิธียกตัวลอยสูงแบบนี้มากที่สุด

เมื่อคิดว่าสามีจะออกเดินทางเช้า เย่ฉูฉู่จึงห่อเกี๊ยวไว้ตั้งแต่ตอนกลางคืน วันพรุ่งนี้เช้าแค่ลงไปต้มในหม้อก็รับประทานได้แล้ว

ยังไม่ถึงตีสามของเช้าวันรุ่งขึ้น จ้าวเหวินเทาก็ตื่นแล้ว เมื่อเห็นภรรยายังหลับสบาย จึงแอบไปต้มเกี๊ยวรับประทานและเดินทางออกจากบ้าน

ท้องฟ้าด้านนอกยังมืดมิด บนท้องฟ้ามีดาวฮั่นซิงประดับอยู่ จ้าวเหวินเทาก็ขับรถมุ่งหน้าไปยังจุดรวมตัวที่ตัวอำเภอแล้ว

จนกระทั่งมาถึงหน้าประตูใหญ่ของอำเภอก็พบว่ามีคนสิบกว่าคนกำลังรออยู่ ทุกคนสวมใส่หมวกหนัง เสื้อกันหนาวหนังแกะและถุงมือครบครัน นอกจากจ้าวเหวินเทาที่ขับรถใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในการเผาไหม้ก็ยังมีอีกหนึ่งคนที่ขับรถมาด้วย ครั้นพี่ใหญ่หลิวเห็นว่าทุกคนมาถึงกันครบแล้ว จึงเรียกให้ทุกคนขึ้นรถ เขานั่งบนรถของจ้าวเหวินเทา รถสองคันถูกนั่งเบียดเสียดจนแน่นเต็มคันรถ จากนั้นทุกคนก็เหยียบย่างลงบนหิมะเพื่อมุ่งหน้าไปยังเป้าหมาย

นี่คือทีมตกปลาที่พี่ใหญ่หลิวเป็นคนรวบรวมได้ พวกเขาไม่ได้ไปทุกปี ถ้าทุกคนมีเวลาถึงจะไปด้วยกันสักครั้ง บางครั้งคนมามาก บางครั้งคนมาน้อย ซึ่งการตกปลาไม่ใช่เพื่อนำไปขาย แต่เพื่อนำไปรับประทานเอง

 กินข้าวมาหรือยัง?  พี่ใหญ่หลิวถาม

 กินแล้วครับ อากาศหนาวแบบนี้ ไม่กินข้าวคงทนไม่ไหว  จ้าวเหวินเทากล่าว

 ก็ใช่น่ะสิ ฉันเอาเหล้ามาด้วย อีกเดี๋ยวนายดื่มสักหน่อย เดินทางไปกลับคงใช้เวลาเป็นวัน ไม่ดื่มสักหน่อยคงทนไม่ไหวแน่ 

ในฤดูหนาวช่วงเวลาก่อนที่ฟ้าจะสว่างคือช่วงที่หนาวที่สุด จ้าวเหวินเทาขับรถไปครู่หนึ่งก็ดื่มเหล้าของพี่ใหญ่หลิวไปสองอึก หลังจากดื่มเหล้าไปสองสามครั้งในที่สุดก็มาถึงจุดหมายปลายทาง ตอนนี้เองเพิ่งจะรุ่งสางพอดี

ยามมองไปด้านหน้าก็พบหมอกลอยปกคลุมอยู่ แอบเห็นป่าภูเขาแต่ไกล ๆ ส่วนแม่น้ำสายใหญ่ที่อยู่ใกล้ ๆ ตอนนี้ได้กลายเป็นน้ำแข็งแล้ว

ทุกคนลงจากรถได้ก็กระทืบเท้าเดินไปเดินมาเพื่อสร้างความอบอุ่นให้ร่างกาย พี่ใหญ่หลิวกล่าวด้วยรอยยิ้ม  รอตกปลาเสร็จ ถ้ายังมีเวลา พวกเราไปแช่น้ำที่บ่อน้ำพุร้อนกัน! 

…………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

เห็นฉูฉู่หงิมๆ แบบนี้ปากคอเราะรายใช่ย่อยนะคะ โดนสวนกลับไปเป็นไงบ้างคะพี่สะใภ้สี่

กิจกรรมของหนุ่มๆ ดูน่าสนุกกันจังค่ะ เสียแต่ว่าหนาวจนหูแทบหลุดนี่แหละ

ไหหม่า(海馬)

 

เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零]

เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零]

Status: Ongoing

ผู้แต่ง : 南方荔枝 ผู้แปล : ไหหม่า(海馬) & ซินซิน (新欣) เย่ฉู่ฉู่บุตรสาวเสนาบดีกังฉินเกือบถูกรังแกในระหว่างทางที่โดนเนรเทศ​ แต่ได้ว่าที่ท่านอ๋องผู้หนึ่งมาช่วยนางไว้​และเก็บนางไว้ข้างกาย​ ในระหว่างการชิงอำนาจเพื่อปกป้องพระราชโอรสองค์เล็กของจักรพรรดิองค์ก่อน​ ว่าที่ท่านอ๋องผู้นี้ก็สิ้นชีพเพราะยาพิษประหลาด​ ครั้นพิธีศพถูกจัดขึ้น​ เย่ฉู่ฉู่ก็ได้โขกศีรษะกับโลงศพของเขาตายตกตามกันไป​ แต่นางกลับได้มาเกิดใหม่ในประเทศจีนยุค​ 1970 ในร่างของเจ้าของร่างผู้ได้ชื่อว่าเป็น​แม่เสือตามคำกล่าวของจ้าวเหวินเทาผู้เป็นสามี จากภรรยาผู้ดุร้ายกลายเป็นภรรยาผู้อ่อนโยน​ เย่ฉู่ฉู่จะใช้ชีวิตในร่างนี้ให้มีแต่ความสุขอย่างไรดี? -Highlight : เรื่องนี้นางเอกไม่ได้ทะลุมิติมาในยุค​ 70​ เพียงคนเดียว​ แต่สามีในชาติก่อนที่ตายไปเมื่อก่อนหน้านี้ก็ได้มาเกิดใหม่เป็นสามีในชาติปัจจุบัน​ด้วยเช่นกัน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท