เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零] – ตอนที่ 340 โน้มน้าวพี่สามจ้าว

ตอนที่ 340 โน้มน้าวพี่สามจ้าว

ตอนที่ 340 โน้มน้าวพี่สามจ้าว
ตอนที่ 340 โน้มน้าวพี่สามจ้าว

 

เย่ฉูฉู่หัวเราะพรืด “กระต่ายแบรนด์ตระกูลจ้าว ทำไมชื่อนี้ฟังดูตลกจังคะ”

“จะไปสนใจว่าตลกหรือไม่ตลกทำไมกันล่ะครับ หาเงินได้ก็พอแล้ว! ชุดหนึ่งตัวของพี่สะใภ้สามคุณยังได้เงินตั้งหลายร้อยหยวนมากไปถึงหลักพันหยวนเลย กระต่ายกับหมูของผมก็ต้องขึ้นราคาให้สูงขึ้นหน่อย” จ้าวเหวินเทามีดวงตาเป็นประกาย “ภรรยา คุณรู้ไหม แค่ผมนึกถึงเรื่องพวกนี้ก็ตื่นเต้นเป็นพิเศษแล้ว พี่สะใภ้สามของคุณนี่มีความสามารถจริง ๆ เสื้อผ้าหนึ่งตัวที่มีราคาแค่ไม่กี่หยวน แต่กลับขายได้ถึงหลักร้อยหลักพัน ทำไมกระต่ายของผมจะทำไม่ได้ล่ะ คุณว่าจริงไหม?”

เย่ฉูฉู่ถึงกับตกใจ “คุณจะขายกระต่ายถึงหลักร้อยหยวนเลยเหรอคะ เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้หรอกมั้ง?”

“ไม่ทำแบบนั้นอยู่แล้ว แพงกว่าตอนนี้สัก 2-3 เท่าก็พอแล้ว” จ้าวเหวินเทากล่าว

 

แพงกว่า 2-3 เท่าก็ไม่ใช่น้อย ๆ นะ! เย่ฉูฉู่เกิดความสงสัย

“ก็ต้องได้อยู่แล้ว พี่สะใภ้สามของคุณบอกว่าทุกอย่างสามารถโฆษณาเกินจริงได้ทั้งนั้น ถึงเวลานั้นพวกเราโฆษณาเกินจริงสักหน่อยก็เรียบร้อยแล้ว!” จ้าวเหวินเทาพูดต่อ “อีกอย่างนะ โรงเต้าหู้ของพี่สามก็ย้ายไปแล้ว ถึงอยู่ห่างจากที่เลี้ยงกระต่ายทางฝั่งนั้น แต่ระยะห่างก็ยังไม่เพียงพออยู่ดี ให้ห่างอีกหน่อยดีกว่า ผมจะทำให้ดี ๆ ทำให้คนที่มาซื้อเต้าหู้รู้สึกว่า อืม คำนั้นเรียกว่าอะไรนะ ภูมิทัศน์ที่งดงามดุจภาพวาด อืม ใช่ คำนี้แหละ!”

 

คำพูดนี้กลับย้ำเตือนเย่ฉูฉู่

 

“ไต่ถามโรงเตี๊ยมอยู่หนใด เด็กเลี้ยงวัวชี้ไกลถึงซิ่งฮวา(1)” เย่ฉูฉู่จินตนาการถึงฉากนั้น “ฉันคิดว่าถ้าคุณทำแบบนี้ มันคงสวยงามมากเลยค่ะ”

จ้าวเหวินเทาได้ยินบทกวีนี้ก็พยักหน้าติดต่อกัน “อืม ภรรยา คุณอย่าพูดเลย ที่นี่สวยมากจริง ๆ นั่นแหละ”

 

เย่ฉูฉู่ยิ้ม “คุณบอกว่าจะปลูกไม้ผลด้วยไม่ใช่เหรอ ถึงเวลานั้นก็ตั้งโรงเต้าหู้ของพี่สามไว้ที่ไหนสักแห่งในสวนผลไม้ก็ได้นะ แบบนี้กลิ่นหอม ๆ ของเต้าหู้ก็จะได้ผสมกับกลิ่นหอมของดอกไม้และผลไม้ ดีมากเลยนะ!”

จ้าวเหวินเทาถึงกับตบหน้าขา “ภรรยาพูดได้ดีมาก! พวกเราทำตามนี้แหละ!”

จู่ ๆ เย่ฉูฉู่ก็นึกถึงตอนที่เธอและองค์ชายเคยอยู่ในสวนด้วยกัน ก็เกิดความตื่นเต้นขึ้นมาในทันที

“เหวินเทา เดี๋ยวฉันออกแบบให้ค่ะ!” เย่ฉูฉู่พูดอย่างไม่สงสัย

จ้าวเหวินเทาแย้มยิ้ม อย่าว่าแต่ภรรยาออกแบบได้เลย ต่อให้ออกแบบได้เขาก็ยกสองมือสองขาเพื่อสนับสนุนเธออยู่แล้ว!

“ได้สิ ภรรยา คุณออกแบบเสื้อผ้าดีขนาดนั้น ก็ต้องออกแบบฟาร์มกระต่ายของพวกเราได้ดีอยู่แล้ว!” จ้าวเหวินเทาไม่ได้สงสัยเลยว่าการออกแบบเสื้อผ้าและออกแบบภูเขานั้นแตกต่างกัน

“อย่าเรียกฟาร์มกระต่ายเลยค่ะ ให้เรียกว่าสวนชั้นยอดเถอะ” เย่ฉูฉู่กล่าว

 

“ได้เลย ภรรยาบอกให้เรียกอะไรก็เรียกแบบนั้นแหละ” จ้าวเหวินเทาตอบกลับโดยไม่หยุดคิด

  

“โรงเต้าหู้ของพี่สามต้องสร้างให้ดูดีสักหน่อย แต่งแบบโบราณ ถึงจะเข้ากับสวนชั้นยอดของพวกเรา” เย่ฉูฉู่พูดถึงความต้องการอีกครั้ง

 

“เรื่องนี้ไม่ยาก พรุ่งนี้ผมจะไปคุยกับพี่สามเอง ภรรยา คุณออกแบบให้สบายใจได้เลย” จ้าวเหวินเทากล่าว

เย่ฉูฉู่รู้สึกมีความสุข เธอพิงตัวเข้ามาพลางกล่าว “แล้วก็ ห้ามบอกว่าฉันออกแบบนะคะ ให้บอกว่าคุณเป็นคนออกแบบ!”

จ้าวเหวินเทาหันมาหอมเธอ และบีบจมูกเบา ๆ “ผมไม่อยากให้คนอื่นรู้หรอกว่าภรรยาของผมทำเรื่องนี้ได้!”

เย่ฉูฉู่ยิ้มด้วยความพึงพอใจ อันที่จริงเธอไม่อยากให้คนอื่นรู้เพราะไม่อยากถูกรบกวน เธอแค่อยากใช้ชีวิตของตัวเองอย่างสงบสุข อืม ได้ใช้ชีวิตกับองค์ชายในตอนนี้ของเธอ!

 

เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น จ้าวเหวินเทาเดินทางไปหาพี่สามจ้าวเพื่อคุยเรื่องโรงเต้าหู้ ส่วนเย่ฉูฉู่อยู่บ้านลงมือวาดภาพสวนที่อยู่ในความทรงจำของเธอ

พี่สามจ้าวกำลังกินอาหารเช้า มีโจ๊กข้าวฟ่าง แผ่นแป้งข้าวโพดจี่ และอาหารที่นานๆ ทีจะได้กินอย่างมันฝรั่งตุ๋นกับผักกาดขาว

“น้องหกมาแล้ว รีบเข้ามาสิ กินข้าวหรือยัง? ถ้ายังไม่กินก็กินสักหน่อยนะ!” พี่สะใภ้สามจ้าวพูดด้วยความกระตือรือร้น

“พี่สะใภ้สาม ผมกินข้าวมาแล้ว พี่สามล่ะครับ?” จ้าวเหวินเทาพูดขณะเดินเข้ามาด้านใน

  

“กำลังกินข้าวอยู่เลย!” พี่สะใภ้สามจ้าวนำเขาเข้ามาในห้อง

พี่สามจ้าวกำลังนั่งขัดสมาธิ มือถือถ้วยกินโจ๊กอยู่ ตอนที่เห็นจ้าวเหวินเทาก็เรียกทักทายชวนให้ขึ้นมานั่งบนเตียงเตา

  

“ฉันไม่ขึ้นแล้ว พี่สะใภ้สามรีบกินข้าวเถอะ” จ้าวเหวินเทานั่งลงบนเก้าอี้ยาวที่ตั้งอยู่ที่พื้น

 

หม่าต้านกินเสร็จแล้ว จึงกระโดดลงมาจากเตียงย้ายมายืนตรงหน้าจ้าวเหวินเทา กล่าวว่า “อาเล็ก การบ้านของผมได้ห้าคะแนนด้วยแหละ!”

 

“จริงเหรอ ไอ้เด็กคนนี้นี่มันเก่งจริง ๆ!” จ้าวเหวินเทาขยี้หัวของเขาแรง ๆ “ถ้าสอบล่ะ จะสอบได้หนึ่งร้อยคะแนนเต็มไหม?”

 

หม่าต้านแอบลำบากใจ “เรื่องนี้ก็ไม่แน่!”

“ฮ่า ๆ! งั้นเธอต้องขยันนะ ถ้าสอบปลายภาคครั้งนี้เธอได้หนึ่งร้อยคะแนนเต็ม อาเล็กจะให้ของขวัญหนึ่งชิ้น!” จ้าวเหวินเทาพูดอย่างกล้าหาญ

พี่สามจ้าวรีบพูด “ไอ้หนู เพื่อของขวัญจากอาเล็กแล้วต้องตั้งใจสอบนะ!”

หม่าต้านกลับพูดว่า “อาเล็ก ครั้งก่อนอาเล็กพูดว่า ถ้าผมได้ห้าคะแนน อาเล็กจะซื้อของอร่อยให้กิน! อาเล็กพูดคำไหนต้องเป็นคำนั้นนะ”

พี่สะใภ้สามจ้าวรีบพูด “หม่าต้าน ทำไมทำตัวไม่ได้เรื่องแบบนี้ โตขนาดไหนแล้ว ยังจะขอของกินจากอาเล็กอีก!”

“แต่อาเล็กตกปากรับคำแล้วนะ!” หม่าต้านแย้ง

 

“ใช่ อาตกปากรับคำแล้ว” จ้าวเหวินเทายอมรับ “ว่ามาสิ เธออยากกินอะไร?”

หม่าต้านดวงตาเป็นประกาย “ผมอยากกินอะไรก็ได้ทั้งนั้นเลยใช่ไหม?”

  

“ได้สิ เธอว่ามาสิว่าอยากกินอะไร!” จ้าวเหวินเทาพูดอย่างใจกว้าง

“ผมอยากกินปลา!” หม่าต้านรีบพูด “ปลาตัวใหญ่ ๆ น่ะ!”

“ได้! เดี๋ยวตอนค่ำเธอไปเอาปลาที่บ้านอา บอกให้พ่อเธอเอาเต้าหู้กลับมาสองก้อนด้วยนะ จะได้เอามาทำรวมกับปลานึ่งหม้อใหญ่ พวกเธอจะได้กินกันทั้งบ้านเลย!” จ้าวเหวินเทาตอบ

 

หม่าต้านกระโดดด้วยความดีใจ “อาเล็กดีจริง ๆ เลย!”

“ไอ้เด็กบ้า แค่ซื้อปลาให้กินก็บอกว่าดีแล้ว? รีบไปเรียนได้แล้ว!” จ้าวเหวินเทาตบก้นเขา

 

“อาเล็ก ปลาตัวนี้ไม่ถือเป็นของขวัญสอบปลายภาคของผมนะ” หม่าต้านพูดเน้นย้ำ “ถ้าสอบปลายภาคผมได้ร้อยคะแนนเต็ม อาเล็กต้องซื้อของขวัญชิ้นอื่นให้ผมด้วยนะ!”

จ้าวเหวินเทามีความสุข “ได้ ขอแค่เธอสอบได้หนึ่งร้อยคะแนนเต็มก็พอแล้ว!”

 

หม่าต้านกระโดดดีดตัวและวิ่งออกไปอย่างมีความสุข

 

เอ้อร์หยากินเสร็จแล้วก็เดินมาทักทายจ้าวเหวินเทาด้วยท่าทางอึกอัก ๆ จ้าวเหวินเทากล่าวว่า “เธอก็เหมือนกัน ตั้งใจเรียนนะ ถ้าสอบปลายภาคได้คะแนนเต็มอาเล็กจะให้ของขวัญเธอด้วย!”

เอ้อร์หยามีความสุข “ขอบคุณค่ะอาเล็ก!” พูดจบเธอก็เดินออกไป

พี่สะใภ้สามจ้าวแอบรู้สึกไม่ดี “เด็กสองคนนี้ทำตัวไม่ได้เรื่องเกินไปแล้ว โตขนาดนี้ยังอยากได้ของกินอีก!”

 

จ้าวเหวินเทากล่าว “พี่สะใภ้สาม อย่าพูดแบบนี้สิ นี่เป็นการให้กำลังใจพวกเขาเพื่อให้ตั้งใจเรียน ถ้าสอบได้คะแนนเต็มขึ้นมาจริง ๆ ให้ของขวัญอะไรก็คุ้มค่าทั้งนั้นแหละ!”

 

“เจ้าหกพูดถูก เด็กพวกนี้ต้องให้กำลังใจ” พี่สามจ้าวพูด

พี่สะใภ้สามจ้าวกลอกตาใส่เขา รู้จักแต่จะพูดให้ฟังดูดี ยังมีหน้ามาบอกว่าต้องให้กำลังใจ แล้วทำไมฉันถึงไม่เคยเห็นคุณให้กำลังใจลูกเลยล่ะ!

 

“เจ้าหก นายมาหาฉันมีธุระอะไรเหรอ?” พี่สามจ้าวถาม

จ้าวเหวินเทา “มีเรื่องนิดหน่อย พี่สาม โรงเต้าหู้ของพี่คิดไว้หรือยังว่าจะสร้างยังไง ถ้าสร้างบ้านธรรมดา ๆ แบบนั้นไม่ได้นะ พวกเราต้องสร้างให้สวยหน่อย”

 

พี่สามจ้าวชะงัก “โรงเต้าหู้ต้องสร้างให้สวยหน่อย สวยยังไงล่ะ?”

พี่สะใภ้สามจ้าวก็ไม่เข้าใจ “ก็เป็นบ้านธรรมดา ๆ ไม่ใช่เหรอ?”

 

สวยอย่างไรจ้าวเหวินเทาก็ไม่รู้เช่นกัน เพราะเขาไม่รู้ว่าภรรยาออกแบบไว้แบบไหน จึงพูดว่า “พี่สามประมาณไว้ที่เท่าไร ถ้าพี่เชื่อผม เดี๋ยวผมช่วยพี่จัดการให้”

พี่สามจ้าวรีบพูด “เชื่อไม่ได้หรอก! นายสร้างบ้านใช้เงินโหดจะตายไป ฉันไม่มีปัญญาจ่ายหรอก! ถ้านายออกเงินก็ว่าไปอย่าง”

  

จ้าวเหวินเทาถึงกับหมดคำพูด พี่สามคนนี้คงมีจิตใจเอารัดเอาเปรียบเข้ากระดูกดำไปแล้ว “พี่สาม ผมก็บอกไปแล้วไม่ใช่เหรอ? พี่ประมาณไว้เท่าไร ผมก็จะช่วยสร้างให้ตามงบของพี่นั่นแหละ”

………………………………………………………………………………….

มาจากบทกวีของตู้หมู่ กวีสมัยราชวงศ์ถัง จากวรรคที่ว่า 借问酒家何处有,牧童遥指杏花村

สารจากผู้แปล

พี่สามลงทุนสักหน่อยเถอะ ลงทุนเพื่อหวังกำไรระยะยาวอย่างไรล่ะ

ไหหม่า(海馬)

เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零]

เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零]

Status: Ongoing

ผู้แต่ง : 南方荔枝 ผู้แปล : ไหหม่า(海馬) & ซินซิน (新欣) เย่ฉู่ฉู่บุตรสาวเสนาบดีกังฉินเกือบถูกรังแกในระหว่างทางที่โดนเนรเทศ​ แต่ได้ว่าที่ท่านอ๋องผู้หนึ่งมาช่วยนางไว้​และเก็บนางไว้ข้างกาย​ ในระหว่างการชิงอำนาจเพื่อปกป้องพระราชโอรสองค์เล็กของจักรพรรดิองค์ก่อน​ ว่าที่ท่านอ๋องผู้นี้ก็สิ้นชีพเพราะยาพิษประหลาด​ ครั้นพิธีศพถูกจัดขึ้น​ เย่ฉู่ฉู่ก็ได้โขกศีรษะกับโลงศพของเขาตายตกตามกันไป​ แต่นางกลับได้มาเกิดใหม่ในประเทศจีนยุค​ 1970 ในร่างของเจ้าของร่างผู้ได้ชื่อว่าเป็น​แม่เสือตามคำกล่าวของจ้าวเหวินเทาผู้เป็นสามี จากภรรยาผู้ดุร้ายกลายเป็นภรรยาผู้อ่อนโยน​ เย่ฉู่ฉู่จะใช้ชีวิตในร่างนี้ให้มีแต่ความสุขอย่างไรดี? -Highlight : เรื่องนี้นางเอกไม่ได้ทะลุมิติมาในยุค​ 70​ เพียงคนเดียว​ แต่สามีในชาติก่อนที่ตายไปเมื่อก่อนหน้านี้ก็ได้มาเกิดใหม่เป็นสามีในชาติปัจจุบัน​ด้วยเช่นกัน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท