ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ – ตอนที่ 41 ผลตอบแทนจากการสัมผัสจุดอ่อน

ตอนที่ 41 ผลตอบแทนจากการสัมผัสจุดอ่อน

ได้ฟังคำผู้ตัดสิน ทุกคนก็แตกตื่น

 เฮ้อ! มู่เฉียนซีดวงไม่ค่อยจะดีนัก เจอคู่ต่อสู้เป็นโอวหยางซิน 

 โอวหยางซินอยู่ในอันดับที่สี่ของนักเรียนในห้องเรียนระดับต่ำ มู่เฉียนซีตายแน่ ๆ 

 จบสิ้นแล้วสตรีมู่… 

 เชิญนักเรียนทั้งสองขึ้นสนามประลอง การแข่งขันเมื่อถึงตรงนี้แล้ว ห้ามทำร้ายคนอื่น  อาจารย์ผู้ตัดสินกล่าว

มู่เฉียนซีก้าวเท้าขึ้นไปยังสนามประลอง เห็นคู่ประลองรุ่นเยาว์ท่าทางเคร่งขรึมกระโดดขึ้นสนามประลองอย่างคล่องแคล่ว

ดวงตาคู่นั้นของเขา จ้องมองมาด้วยแววตาดุร้ายประหนึ่งเสือพร้อมขย้ำเหยื่อที่เข้าขวาง  เจ้าคนไร้ค่า! ครั้งก่อนพี่สาว ลูกพี่ลูกน้องไม่ได้ทำเจ้าถึงตาย ดวงเจ้าแข็งนัก ครั้งนี้ข้าตั้งใจให้เจ้าได้เจอดี 

โอวหยางซินเป็นญาติกับคุณหนูใหญ่โอวหยางเหว่ยแห่งจวนโอวหยาง เห็นอายุน้อย ๆ อย่างนี้ มีนิสัยเหี้ยมโหดไม่ต่างจากโอวหยางเหว่ย

ขนาดโอวหยางเหว่ย มู่เฉียนซียังมิเห็นอยู่ในสายตา นับประสาอะไรกับเขาที่กระโดดโลดเต้นไปมาเหมือนตัวตลก

ครูผู้ตัดสินกล่าว  นักเรียนโอวหยาง อาจารย์ขอย้ำ อย่าทำร้ายคนอื่น 

 วางใจเถิดอาจารย์ ข้าจะให้มู่เฉียนซียังคงมีลมหายใจ ไม่ทำให้นางตายที่สำนักศึกษานี้หรอก หากเกิดเรื่องอะไร ตระกูลโอวหยางจะรับผิดชอบเอง  โอวหยางซินกล่าวด้วยวาจาอันโหดร้าย ลำพองตนคิดว่าชัยชนะอยู่ในกำมือทั้งที่ยังไม่เริ่มการประลอง

ตระกูลโอวหยางกุมอำนาจมากมาย เป็นแค่คุณชายญาติเล็ก ๆ ก็ดูกล้ากำแหง ยโสโอหัง

อาจารย์ผู้ตัดสินไม่กล้าทำให้เขาไม่พอใจ จึงไม่ได้พูดอะไรขึ้นอีกนอกจาก  การแข่งขัน เริ่มได้ 

โอวหยางซินพ่นวาจาดุร้าย  เจ้าคนไร้ค่า หน้าเจ้าเป็นรอยสักหน่อยจะดีไหมเล่า หรือข้าควรตัดเอ็นแขนขาของเจ้าดี หรือว่าจะทำให้ตาบอดจนเดินไม่ได้ดังเช่นอาสามของเจ้า ฮ่า ๆ ๆ 

โอวหยางซินปล่อยพลังผู้ฝึกยุทธ์ระดับสี่ของเขา พลังช่างรุนแรง เหมือนกับว่าวันนี้มู่เฉียนซีจะถูกเขาบดบี้ขยี้ให้ตายเฉกเช่นมดถูกบี้แบนก็ไม่ปาน เขากำลังจะลงมืออันโหดร้ายกับมู่เฉียนซี มู่เฉียนซีกลับหายไป

ทันใดนั้น ร่างสีม่วงร่างหนึ่งเข้ามากระชั้นชิด เพียงใช้แขนสะบัดไปทุกอย่างก็เปลี่ยนแปลง

— ฉัวะ! —

 อ๊ากกกก! 

กระดูกแขนทั้งสองข้างโดนโจมตีจนกร่อน โอวหยางซินร้องเสียงหลง

กระโปรงผ้าแพรสีม่วงพลิ้วไหว มู่เฉียนซีถีบหัวเข่าของโอวหยางซินเต็มกำลัง

— ฉัวะ! —

เป็นเสียงนี้อีกแล้ว

— ตุบ! —

โอวหยางซินล้มคุกเข่าลงกับพื้น เหมือนดั่งเช่นหมาที่ตายไปแล้ว

ทุกคนรีบขยี้ตาตนเอง มองร่างสีม่วงนั้นด้วยสายตาไม่อยากเชื่อ ทุกอย่างมันเกิดขึ้นรวดเร็วราวสายฟ้าแลบ สตรีผู้ที่ใคร ๆ ก็ครหานินทาว่าไร้ความสามารถ ทั้งยังอ่อนแอไม่มีอะไรดี บัดนี้นางรวดเร็วราวผีสางที่หายตัวได้

พวกเขายังไม่ได้เห็นอย่างชัดเจนว่าสิ่งใดเป็นสิ่งใด โอวหยางซินก็ตกอยู่ในสภาพน่าอนาถเช่นนี้แล้ว

สตรีชุดม่วงบนสนามประลอง ดูเหมือนผู้ยิ่งใหญ่สูงศักดิ์ที่กำลังมองดูเบื้องล่างก็ไม่ปาน พวกเขาได้รู้ซึ้งพร้อม ๆ กันว่าเจ้าคนไร้ความสามารถที่พวกเขาดูแคลน มีใบหน้าอันงดงาม มีเสน่ห์พิเศษยากจะลืมเลือน ทั้งยังเก่งขึ้นผิดหูผิดตา ทำให้ตัวของนางดูโดดเด่นขึ้น

 โอ้! มู่เฉียนซีไม่ใช่คนไร้ความสามารถ นางสามารถฝึกฝนเล่าเรียนได้ 

 ความเร็วในการลงมือ อย่างน้อยนางก็เป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับสาม 

 นางฝึกยุทธ์ได้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ? 

โอวหยางซินพ่ายแพ้ยับเยิน ยังไม่ทันจะยอมแพ้เองก็ต้องอับอาย มู่เฉียนซียิ้มเลือดเย็นกรุ่นไปด้วยอารมณ์สะใจ นี่เพียงแค่การเริ่มต้นเท่านั้น

— ฟิ้ว! —

มู่เฉียนซีเคลื่อนไหวอีกครั้ง ร่างกายโอวหยางซินละม้ายคล้ายกับวัตถุทรงกลมที่ถูกเตะลอยขึ้นไปยังท้องนภาเบื้องบน

ทุกคนอึ้งตะลึงลาน มีวิธีต่อสู้เช่นนี้ด้วยหรือไร ?

 เจ้ามันคนไร้ค่า บังอาจกล่าวถึงท่านอาเล็กของข้า 

 ท่านอาเล็กของข้าไม่ใช่ว่าบุคคลอย่างเจ้าจะกล่าวถึงได้ 

 เจ้าถือรองเท้าให้อาเล็กของข้ายังไม่คู่ควรเลย จำใส่กะลาหัวเจ้าไว้! 

 อ่า! 

— พลั่ก! —

 ช่วยด้วย …อ๊ากกกก! 

ร่างของโอวหยางซินล่องละลิ่วไปบนท้องฟ้า ปากกระอักเลือดไม่หยุด กระดูกในร่างกายเจอลูกเตะของมู่เฉียนซีไป แทบไม่เหลือส่วนใดปกติดี

ทุกคนงงเป็นไก่ตาแตก พลังแรงที่เหลือเฟือของสตรีร่างบาง ช่างน่ากลัวเสียจริง

เหตุการณ์เกิดขึ้นเร็วยิ่งนัก อาจารย์ผู้ตัดสินเพิ่งจะรู้สึกตัว รีบตะโกนห้ามปราม  นักเรียนมู่เฉียนซี หยุดเพียงเท่านั้น อย่าทำร้ายคนอื่น หยุด! อาจารย์บอกให้หยุดเพียงเท่านั้นก่อน… 

 อะไรนะท่านอาจารย์ ? ลมมันแรง ข้าฟังไม่ได้ยิน 

— ปั่ก! —

มู่เฉียนซียังถีบต่อไปไม่หยุด

 พรวด!  ในที่สุดโอวหยางซินกระอักเลือดจนหมดสติ มู่เฉียนซีถีบเขาตกลงมากระแทกพื้น ถึงพื้นแล้วยังกระอักเลือดอีกสองสามทีแม้สติหมดสิ้นแล้วก็ตาม

ทุกคนต่างสูดอากาศเย็นเข้าไป ถอยหลังมาหลายก้าว หากแต่มู่เฉียนซีสตรีน่าตายเดินลงมาจากสนามประลองราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

มู่เฉียนซีที่เคยอ่อนแอ เปลี่ยนไปดูกล้าแกร่งขึ้นตั้งแต่เมื่อไร ? น่ากลัว… น่ากลัวมากจริง ๆ

ครึ่งหนึ่งของการประลองได้จบลง ถัดไปเป็นการแข่งขันร้อยอันดับ ผู้ตัดสินเริ่มอ่านรายชื่อผู้เข้าร่วมประลอง

 เยวี่ยซู่, มู่เฉียนซี 

 นั่นมัน… มู่เฉียนซีต้องเผชิญหน้ากับเยวี่ยซู่ เยวี่ยซู่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับสี่ มีความสามารถมากที่สุดในห้องเรียนระดับต่ำ นางช่างโชคร้ายเสียจริง ต้องเผชิญหน้ากับเขา 

 ความสามารถของเยวี่ยซู่แทบไม่ต้องพูดถึง พี่ชายของเขาติดอันดับเจ็ดในสิบบุคคลที่มีความสามารถของแคว้นจื่อเยี่ย พรสวรรค์แตกต่างกันไม่เท่าไร ใช้เวลาไม่นานก็คงตามพี่ชายของเขาทันแล้ว 

 … 

ถึงแม้มู่เฉียนซีจะชนะโอวหยางซินในระดับสาม ไม่มีใครคิดว่านางจะชนะเยวี่ยซู่

บนสนามประลอง เยวี่ยซู่พูด ท่าทางทะนงตนเต็มที่  หึ ๆ เข้ามาเลยแม่สาวน้อย ข้าให้เจ้าก่อนสามกระบวนท่า 

การแข่งขันการประลองครึ่งหนึ่งเสร็จสิ้นไปแล้ว ในทีแรกคิดว่าจะได้เปิดฝีมือเต็มที่ ไม่คิดว่าจะมาพบเจอคนไร้ความสามารถ ทำให้ไม่ใคร่จะมีแก่ใจแสดงฝีมือสักเท่าไหร่นัก มู่เฉียนซีมองชายหนุ่มหน้าตาอ่อนเยาว์ตรงหน้า พูดหยอกล้อ  แน่ใจรึว่าจะยอมให้ข้าสามกระบวนท่าก่อน ? 

 แน่นอน คนอย่างข้าคำไหนคำนั้น 

ร่างในชุดพลิ้วสีม่วงของนางเคลื่อนไหวรวดเร็วดุจสายฟ้าแลบ ท่าไม่ดี! เยวี่ยซู่รู้สึกหวิวในใจ แต่ตอนนี้เขาหลบไม่ทันแล้ว

— ผัวะ! —

ร่างของเขาลอยละลิ่วไป เขาเร่งใช้พลังทั้งหมดที่มีพยุงตัวไว้ไม่ให้กระแทกกับพื้นสนามประลอง

เยวี่ยซู่อายุสิบแปดปีก็มีระดับผู้ฝึกยุทธ์ถึงระดับสี่แล้ว ในแคว้นจื่อเยี่ยถือว่าเป็นคนมีพรสวรรค์ ต่างจากการใช้เงินซื้อชื่อเสียงเยี่ยงมู่เฉียนซี สิ่งที่ไม่เหมือนกันคือเขาเป็นคนมีความสามารถอย่างแท้จริง

 มู่เฉียนซีจู่โจมเยวี่ยซู่ ผู้มีพรสวรรค์อันดับหนึ่งของห้องเรียนระดับต่ำ เป็นไปได้อย่างไรกัน ? 

 หรือมู่เฉียนซีจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับสี่เช่นเดียวกับเยวี่ยซู่ 

 อะไรกัน ?! ก่อนหน้านี้ไม่นานนางไม่มีแม้แต่พลังวิญญาณ 

มู่เฉียนซีฝึกเคล็ดเทพต้านสวรรค์ เป็นการฝึกยุทธ์และบําเพ็ญตบะร่วมกัน ไม่ว่าจะมีคนมีพลังมากกว่านาง หรือมีพลังน้อยกว่านาง จะไม่สามารถดูพละกำลังที่แท้จริงของนางได้ว่าอยู่ขั้นไหน

ไม่มีใครคาดคิดว่ามู่เฉียนซีจะใช้เวลาเพียงเจ็ดวัน จากคนที่ไร้ความสามารถไม่มีพลังอันใดเลย มาเป็นผู้บำเพ็ญภูตระดับห้า

 เจ้า…  เยวี่ยซู่ตะลึงงัน ใครบอกเขาว่ามู่เฉียนซีเป็นคนไร้ความสามารถ นี่ไม่ทำให้เขาพลอยซวยไปด้วยหรืออย่างไร ? เขาดึงกระบี่ออกมา กำลังจะเตรียมจู่โจม

ทว่าตอนนี้เองที่มู่เฉียนซีกล่าวว่า…  เจ้าไม่ได้บอกเองหรอกหรือว่ายอมให้ข้าก่อนสามกระบวนท่า ตอนนี้เพิ่งกระบวนท่าแรกเองนะ 

 ข้า…  เยวี่ยซู่กรุ่นโกรธจนกำลังภายในบาดเจ็บ บัดนี้เขาอยากตบหน้าตนเองฉาดใหญ่สักสองสามทีให้ฟื้นตื่นสติ ขึ้นบนหลังเสือแล้วลงมาลำบากแท้ ๆ

 หรือว่าเจ้าจะผิดคำพูด ? 

 ข้าพูดคำไหนคำนั้น  เยวี่ยซู่กัดฟันกล่าว

 ถ้าเช่นนั้นก็… เตรียมใจรับกระบวนท่าถัดไปของข้าเสียเถอะ  มู่เฉียนซียกยิ้มมุมปาก ร่างของนางหายไปพลันจู่โจมอีกครั้ง

— ผัวะ! —

เยวี่ยซู่ใช้พละกำลังทั้งหมดที่ตัวเขามีมาตั้งรับ แต่หมัดที่ลอยมานั้นแฝงไปด้วยพลังอันน่าหวาดกลัว เขารับมือไว้ไม่ได้

ร่างกายของเขาลอยละลิ่วออกไปจนบังคับไม่ได้อีกครา เมื่อถึงข้างสนามการประลอง การประลองจึงหยุดลง

ทุกคนอึ้งปากอ้าตาค้าง ไม่เชื่อสายตาตัวเองว่านี่คือเรื่องจริง

 

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

Status: Ongoing

นางคือหมอปีศาจผู้เหี้ยมโหดแต่กลับต้องมาอยู่ในร่างของหญิงอ่อนแอไร้ความสามารถที่ผู้คนพากันรังเกียจ ทว่าหลังทำพันธสัญญากับเทพอสูรโบราณ ฝึกฝนบำเพ็ญเคล็ดวิชาต้านสวรรค์จึงเปล่งประกายเจิดจรัส จนผู้คนต้องหลบตาไปตาม ๆ กัน ทั้งยังครอบครองพิษหลายแขนง ใครที่กล้ามารังแกนาง นับว่ารนหาที่ตาย! โอสถเก้าสรรพคุณน่ะหรือ นั่นมันถั่วเคลือบน้ำตาลไว้ให้สัตว์เลี้ยงแสนน่ารักของนางกินเล่นต่างหากเล่า ปรุงยาเป็นก็ต้องเอาแต่ใจอย่างนี้นี่ล่ะ!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท