ชายวัยกลางคนที่สวมชุดคลุมสีทองลวดลายมังกรมาปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขาด้วยพลังลมปราณมหาศาล ซวนหยวนหลี่ซางไม่รอช้า รีบคุกเข่าลง กล่าวขึ้นทันที ถวายบังคมเสด็จพ่อ
โอวหยางจื่อจ้องตาถลน กล่าวด้วยความประหลาดใจ ฝ่า… ฝ่าบาท… เขาคิดไม่ถึงว่าฮ่องเต้จะบรรลุเลยขั้นจักรพรรดิยอดยุทธ์ไปแล้ว เช่นนี้เปรียบได้กับเขาได้หลอกคนไปทั้งใต้หล้า
ซวนหยวนจือผู้บรรลุระดับขั้นจักรพรรดิยอดยุทธ์นั้น เวลานี้มั่นใจอย่างแรงกล้า เขาเหลือบมองมู่เฉียนซี มู่อวู่ซวง และโอวหยางจูก่อนจะกล่าวว่า โอวหยางจู อวู่ซวง ซีเอ๋อร์ พวกเจ้ามาก่อความวุ่นวายถึงในพระราชวังไท่จี๋ของข้า ไม่ทราบว่ามีเหตุอันใดหรือ ?
โอวหยางจูชิงพูดขึ้น ฝ่าบาท ช่วยข้าด้วย พระองค์ต้องช่วยข้าและบุตรชายข้า มู่อวู่ซวงกับมู่เฉียนซีจะฆ่าพวกเรา อ๊าก ฮือออ โอวหยางจูร้องไห้เสียงโหยหวน ดูแล้วน่าหมั่นไส้ ไม่น่าสงสารแม้แต่น้อย ตอนนี้ฮ่องเต้บรรลุระดับจักรพรรดิยอดยุทธ์ไปแล้ว เช่นนั้นก็ถึงเวลาที่จะต้องลงมือกับตระกูลมู่ เขาแค่ต้องช่วยโอวหยางจูเพียงเล็กน้อยเท่านั้น หากตอนนี้มู่อวู่ซวงคิดจะฆ่าเขา
ฝันไปเถอะ!
เป็นดั่งที่คาดคิดเอาไว้ เขาฟังคำร้องของผู้นำตระกูลโอวหยางเป็นที่เรียบร้อย
ซวนหยวนจือกล่าว ใบหน้าแสดงอารมณ์โกรธ มู่อวู่ซวง มู่เฉียนซี พวกเจ้าจะไม่เห็นแก่กฎหมายบ้านเมืองไปหน่อยกระมัง ถึงกับต้องการสังหารขุนนางชั้นผู้ใหญ่คนสำคัญแห่งแคว้น มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเย็นชา ฝ่าบาท โอวหยางจือร่วมมือกับสำนักนิกายเพลิงไฟจับท่านอาเล็กของข้าไป ไม่พอยังบีบบังคับให้ข้ามอบทรัพย์สินทั้งหมดของตระกูลมู่แก่เขา ความผิดนี้เขาสมควรตายเป็นหมื่น ๆ ครั้ง
อะไรนะ ?
สำนักนิกายเพลิงไฟถึงกับกล้าลงมือกล้าต่อกรกับขุมกําลังทางโลก เมื่อสิ่งที่เป็นของตนเองถูกผู้อื่นมาทำละโมบโลภมากใส่ ซวนหยวนจือกพลันกริ้วอย่างหนัก เรื่องนี้สำนักนิกายเพลิงไฟเป็นผู้ก่อ ข้าจะตามตัวสำนักนิกายเพลิงไฟมา…
อะแฮ่ม เสด็จพ่อ ท่านอยู่ในที่เก็บตัวคงไม่รู้ว่าเจ้าสำนักนิกายเพลิงไฟถูกทำลายลงแล้ว ซวนหยวนหลี่ซางขัดจังหวะซวนหยวนจือ
ถูกทำลายแล้วรึ ? ใครเป็นคนทํา ? สีหน้าซวนหยวนจือหม่นคล้ำ
คนทั้งสำนักนี้นั้น ได้กลายเป็นกระดูกขาวไปทั้งหมด คาดว่าคงเป็น… คิดว่าคงเป็นซวนหยวนจิ่วเยี่ย ทว่าเขาไม่เอ่ยออกไป ซวนหยวนจือก็รู้
ซวนหยวนจือกล่าวพลางขมวดคิ้ว สำนักนิกายเพลิงไฟได้รับผลกรรมที่พวกมันก่อไว้แล้ว เรื่องนี้จบลงไปแล้ว พวกเจ้าตระกูลมู่ก็อย่าได้ไปทำอะไรตระกูลโอวหยางเลย
มู่เฉียนซีบีบคอโอวหยางจื่อ นางกล่าวอย่างกรุ่นโกรธ ฝ่าบาท ถ้าหากข้าจะทำให้โอวหยางจื่อตายในไม่กี่วันนี้ล่ะ
มู่เฉียนซีเจ้ากำลังกระทำการล่วงเกิน เช่นนั้นเจ้าอย่าได้หาว่าข้าไม่เกรงใจ ข้านั้นทนกับพวกเจ้าตระกูลมู่มานานพอแล้ว ซวนหยวนจือโกรธเกรี้ยวหนักขึ้นเรื่อย ๆ พลันแผ่แรงกดดันระดับจักรพรรดิยอดยุทธ์พุ่งเข้าใส่มู่เฉียนซีกับมู่อวู่ซวงราวกับกระแสน้ำเชี่ยวกราก
พลังอันแข็งแกร่งประหนึ่งคลื่นหนาวม้วนเข้ามารวมกันอยู่ตรงหน้ามู่เฉียนซี
— บู้ม! —
ร่างซวนหยวนจือลอยกระเด็นไปตกอยู่ที่บนบันได
พรวด! เลือดสีแดงสดถูกกระอักออกมาจากปากของเขา ซวนหยวนจือกล่าวอย่างตกตะลึง ใคร ? ใครกล้าต่อกรกับข้า ?
จักรพรรดิยอดยุทธ์ อย่างไรก็คือจักรพรรดิยอดยุทธ์
ทันใดนั้นดวงตาอ่อนโยนทว่าแฝงความน่าหวาดกลัวจ้องซวนหยวนจือเขม็ง มีเสียงกล่าวอย่างช้า ๆ ดังขึ้นว่า ซวนหยวนจือ ท่านคิดว่าตัวท่านเป็นฮ่องเต้จึงมาล้ำเส้นตระกูลมู่ของข้า แล้วข้าจะไม่ทําอะไรกับราชวงศ์ท่านหรือ ? หากท่านกล้าทําร้ายซีเอ๋อร์แม้แต่ปลายเส้นผม ข้าแน่ใจว่าราชวงศ์ซวนหยวนทั้งหมดของท่านจะได้เดือดร้อนกันไปถ้วนทั่ว ความแข็งแกร่งของจักรพรรดิยอดยุทธ์ระดับสาม เกือบจะทําให้ซวนหยวนจือคุกเข่าลงต่อหน้ามู่อวู่ซวง
ระดับจักรพรรดิยอดยุทธ์ ความแตกต่างระหว่างระดับเปรียบได้กับความแตกต่างระหว่างสวรรค์และโลก ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้ยังห่างกันอยู่สองระดับอีกด้วย
ซวนหยวนจือกําหมัดแน่น เส้นเลือดบนมือของเขาปูดขึ้นทั้งยังเต้นรัว ดวงตาคู่นั้นของมู่อวู่ซวง สามารถเห็นได้ชัดเจนว่าพิษของเขาหายไปแล้ว
ช่างมันเถอะ เขาเพิ่งทะลวงผ่านไปยังระดับจักรพรรดิยอดยุทธ์ได้ แต่มู่อวู่ซวงผู้นั้น กลับพัฒนาขึ้นไปเป็นจักรพรรดิยอดยุทธ์ระดับสามแล้ว
ซวนหยวนจือยิ้ม กล่าวขึ้น อวู่ซวง ข้าไม่เคยคิดเลยว่าดวงตาของเจ้าจะหายดีได้ ทั้งความแข็งแกร่งของเจ้า… มันก็ยังก้าวหน้าขึ้นได้มาก ดี! ขอแสดงความยินดีด้วย ข้าเพียงแค่ล้อเล่นกับซีเอ๋อร์ เจ้าอย่าได้ถือสาเลย
สีหน้าซวนหยวนจือแปรเปลี่ยนไปไวกว่าการพลิกหน้าหนังสือเสียอีก ทําให้โอวหยางจูรู้สึกมีลางสังหรณ์ไม่ดีผุดขึ้นในใจ
ฝ่าบาท…
ณ ตอนนี้ อิทธิพลของมู่อวู่ซวงครอบคลุมไปทั่วทั้งแคว้นหนานอวิ๋น ซวนหยวนจือคงไม่เสี่ยงที่จะยั่วโมโหมู่อวู่ซวงเพื่อช่วยบุตรชายของเขา
มู่เฉียนซีกล่าว ฝ่าบาท แล้วเรื่องของโอวหยางจื่อควรทําอย่างไรดีเล่า ? ข้ามีทั้งพยานหลักฐานและหลักฐานที่เป็นวัตถุ จะให้ข้านำมาให้ฝ่าบาทดูเสียเพื่อพิสูจน์ความจริงของเรื่องนี้หรือไม่ ?
ซวนหยวนจือโบกมือ ไม่จําเป็น ในเมื่อโอวหยางจื่อทําเรื่องแบบนี้จริง เขาคงต้องตายอย่างไร้ค่า ให้เขาได้ชดใช้กรรมที่ร่วมกันทำกับสำนักนิกายเพลิงไฟเสียเถอะ
ทหาร นำตัวโอวหยางจื่อลงกระบองจนตาย! ซวนหยวนจือออกคำสั่งเสียงแข็ง
หลังจากได้ยินบทลงโทษ โอวหยางจื่อแทบลมจับ ช่างน่าหวาดกลัว น่าหวาดกลัวยิ่งนัก! เขาคว้าขาโอวหยางจูไว้ กล่าวอย่างตระหนกตกตื่น ท่านพ่อ ได้โปรด… ช่วยข้าด้วย…
ไร้เสียงตอบกลับจากโอวหยางจู
ท่านพ่อ…
โอวหยางจูมองฮ่องเต้เลือดเย็น เขารู้ดีว่าตอนนี้ไม่ว่าจะพูดอะไรไปก็ไร้ประโยชน์ เขาทําได้เพียงมองบุตรชายของตนถูกองครักษ์หลวงพาตัวไป หลังจากนั้นชีวิตคงจะถึงกาลดับสูญ
ซวนหยวนจือกล่าว ซีเอ๋อร์ เรื่องนี้โอวหยางจื่อเป็นผู้ก่อเพียงผู้เดียว ไม่เกี่ยวอะไรกับโอวหยางจู หากโอวหยางจื่อตาย ก็ให้เรื่องนี้จบ ๆ ไปเป็นอย่างไร ?
มู่เฉียนซี ในเมื่อฝ่าบาทตรัสเช่นนั้น ได้! เรื่องนี้เป็นอันจบลง
สายตาของมู่เฉียนซีจับจ้องมองโอวหยางจูก่อนจะกล่าวอย่างเย็นชา ท่านผู้นำตระกูลโอวหยาง หากในภายภาคหน้าท่านกับพวกคนของท่านกล้าแตะต้องตระกูลข้าหรือคนรอบตัวข้าอีกแม้แต่คนเดียว ข้าไม่รังเกียจที่จะทำให้ตระกูลโอวหยางจบเห่อย่างน่าอนาถกว่าสำนักนิกายเพลิงไฟ
กล่าวจบ นางก็เข็นมู่อวู่ซวงออกไป ไม่หันกลับมามองอีกเลย
สีหน้าซวนหยวนจือแปรเปลี่ยนเป็นเขียวครึ้ม พวกนั้นข่มขู่ขุนนางในราชสํานักต่อหน้าเขา ขู่ว่าจะทําลายตระกูลของโอวหยาง ตระกูลมู่ มู่เฉียนซีและมู่อวู่ซวง สองอาหลานนับวันยิ่งไม่เห็นเขาในสายตา แต่ถึงแม้ว่าเขาจะบรรลุระดับจักรพรรดิยอดยุทธ์ได้แล้ว พลังของเขาก็ยังห่างชั้นจากมู่อวู่ซวงอยู่มาก เวลานี้ยังมิอาจทำอะไรบุ่มบ่ามได้
เมื่อคิดมาได้ถึงตรงนี้ ซวนหยวนจือรู้สึกได้ถึงเลือดที่พลุ่งพล่านในกาย
พรวด! พรวด!
โอวหยางจู ข้าย่อมเข้าใจถึงความลําบากของฝ่าบาท ฝ่าบาทอย่าได้กังวลพระทัย ข้าจะทำทุกอย่างอย่างถวายชีพเพื่อฮ่องเต้อย่างแน่นอน
ซวนหยวนจือที่เวลานี้พลังชีวิตบาดเจ็บสาหัส ถูกซวนหยวนหลี่ซางพยุงร่างออกไป เหลือเพียงโอวหยางจูยืนท้อแท้อยู่ผู้เดียว
เขาจะไม่ยอม ไม่ยอม…
แทนที่จะออกจากพระราชวัง เขากลับเดินลึกเข้าไปในพระราชวัง ไม่ว่าอย่างไรเขาก็จะไม่ปล่อยมู่เฉียนซีกับมู่อวู่ซวงไป ตราบใดที่เขายังเดินไปไม่ถึงทางตัน เขายังมีที่พึ่งสุดท้ายอยู่
ภายในพระราชวังที่ดูงดงามทว่าเงียบเหงา ราวกับไม่มีแม้แต่ร่องรอยคนอาศัยอยู่ โอวหยางจูก้าวเข้าไปข้างใน เห็นห้องโถงพระพุทธรูปสีทองสว่างสดใสตั้งตระหง่านตรงกลาง
สตรีนางหนึ่งหวีจัดมวยผมสูงอย่างประณีต คุกเข่าอยู่ในห้องโถงพุทธ เคาะปลาไม้ อ่านพระคัมภีร์อย่างตั้งใจ
— ตึง! —
โอวหยางจูคุกเข่าลง ตะโกนขึ้นทั้ง ๆ ที่เสียงแหบแห้ง ฮองเฮา เจ้าต้องช่วยตระกูลโอวหยางของพวกเราให้ได้ ตระกูลโอวหยางของพวกเรา… ตระกูลโอวหยางของพวกเราใกล้จะจบสิ้นลงแล้ว
สิ้นเสียงแหบแห้งนั้น มือเรียวบางของสตรีผู้นี้หยุดตีปลาไม้ นางค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนช้า ๆ