บุตรอสูรบรรพกาล – ตอนที่ 60 ระดับทอง

ตอนที่ 60 ระดับทอง

ตอนที่ 60

ระดับทอง

 สวัสดีศิษย์สำนักเขี้ยวมังกรทุกคน  ในตอนบ่ายชั่วโมงเรียนของสำนักเขี้ยวมังกรก็เปิดให้เหล่าศิษย์ได้เข้าเรียน โดยวันนี้ผู้มาสอนก็คืออาจารย์จื่อและอาจารย์เต่านั่นเอง

 วันนี้เราจะเรียนเรื่องโครงสร้างร่างกายของอสูรประเภทเต่ากัน อาจารย์จื่อว่าพลางมองไปทางอาจารย์เต่าผู้เป็นอสูรระดับทอง

 หึหึ ไม่มีการสอนใดดีเท่าการได้สัมผัสของจริงอีกแล้ว อาจารย์เต่าว่าพลางถอดเสื้อลงช้าๆ ขณะต้าเฉินกำลังคิดว่าทำไมท่านต้องทำหน้าแดงด้วยร่างของอาจารย์เต่าก็กลายเป็นเต่าตัวใหญ่ที่สูงกว่า 4 เมตร กินพื้นที่ในลานกว้างกว่าหนึ่งในสี่ สร้างเสียงฮือฮาให้แก่ศิษย์ใหม่ๆอย่างมาก

มิน่าเล่าในสำนักเขี้ยวมังกรถึงมีอาจารย์ที่เป็นอสูรเยอะนัก เพราะกลุ่มนักล่าอสูรส่งพวกมันมาทำหน้าที่สอนศิษย์ใหม่นี่เอง

 นึกว่าเจ้าจะไม่มาซะอีก ไป๋จูเหวินถามพลางมองหยงเวยที่ยืนมองอาจารย์เต่าอยู่ข้างๆ วิชาตอนบ่ายเป็นการสอนแบบเปิด ใครจะมาเข้าศึกษาก็ได้ หรือจะอยู่ฝึกฝนต่อที่หอตนเองก็ได้ ขอแค่ไม่เข้ามารบกวนการสอนก็พอ ทำให้ศิษย์ที่สนใจมาเข้าศึกษามีน้อยกว่าช่วงเช้าที่เป็นการฝึกวิชายุทธมาก

 จะฆ่าพวกมันก็ต้องรู้ข้อมูลของพวกมัน หยงเวยว่าพลางมองตามร่างกายของอาจารย์เต่า ทำให้ต้าเฉินเหงื่อตกอีกครั้งเพราะอาจารย์เต่าที่ถูกเหล่าศิษย์จ้องมองร่างกำลังทำหน้าแดงอยู่

 ข้านึกว่าท่านจะฆ่าอสูรทุกตัวที่ขวางหน้าเสียอีก ไป๋จูเหวินถามพลางมองท่าทีของหยงเวย จะว่าไปตอนหน้าประตูหยงเวยก็ไม่ได้บ้าขนาดเข้าไปสู้กับหมาป่าดำขาวนี่นา

 หรือว่าจะเป็นอาจารย์คนเมื่อวานเป็นอสูรจิ้งจอก ได้ยินเช่นนั้นหยงเวยก็มีท่าทีผิดปกติทันที อารมเคียดแค้นฉายออกมาจากดวงตาของมันวูบหนึ่ง แต่มันกลับเปลี่ยนท่าทีไปอีกครั้ง

 เรื่องนั้นไม่เกี่ยว ต่อให้เป็นอสูรแบบอื่นข้าก็จะฆ่าให้หมด  หยงเวยว่าพลางหันไปสนใจเต่ายักษ์ตรงหน้าก่อน ท่าทางอาการบ้าคลั่งเมื่อวานจะเกิดเพราะอสุรที่ทำลายหมู่บ้านของหยงเวยคืออสูรจิ้งจอกกระมัง แบบนั้นก็พอเข้าใจที่หยงเวยโจมตีไม่หยุดเช่นนั้น

 อย่างที่ทราบกัน นอกจากอสูรระดับสูงจะมีสติปัญญาสามารถพูดคุยกับเราได้แล้ว พวกเขายังมีอีกความสามารถหนึ่งก็คือ พลังธาตุ อาจารย์จื่อว่าพลางเดินออกห่างจากอาจารย์เต่า

 โดยปกติแล้วอสูรจะมีพลังธาตุตามลักษณะของอสูรตนนั้นๆ อย่างเช่นอสูรประเภทสัตว์น้ำ พลังธาตุของพวกมันส่วนใหญ่ก็จะเป็นธาตุน้ำ อย่างอาจารย์เต่าเองก็เป็นอสูรธาตุน้ำเช่นกัน พูดจบอาจารย์เต่าก็ใช้พลังอสูรเรียนกน้ำออกมาอาบร่างของตนเอง

 อาจารย์ แล้วการมีธาตุน้ำกับบังคับน้ำด้วยพลังวิญญาณต่างกันยังไงขอรับ ศิษย์คนหนึ่งถามขึ้นจากความสงสัย เพราะพลังวิญญาณเองก็สามารถควบคุมพลังธาตุได้ พวกมันที่ยังก้าวไม่ถึงระดับหลอมรวมวิญญาณจึงยังไม่เข้าใจนัก

 อะ แฮ่ม อาจารย์เต่ากระแอม ก่อนยืดคอขึ้นสูง

ซ่า….!! พริบตานั้นร่างใหญ่โตของมันก็สลายตัวกลายเป็นน้ำราวกับน้ำแข็งโดนความร้อนละลาย ก่อนที่น้ำเหล่านั้นจะไหลไปรวมตัวเป็นอสูรเต่าอีกครั้งที่อีกด้านของลานกว้าง

 เมื่อพลังธาตุของเราถูกปลุกขึ้น เราจะสามารถหลอมรวมกับธาตุดังกล่าวได้ เมื่อฝึกฝนจนเชี่ยวชานก็จะสามารถใช้ธาตุนั้นได้ดั่งใจ อาจารย์จื่อตอบพลางยิ้มออกมาเมื่อเห็นเหล่าศิษย์ใหม่พากันอ้าปากค้าง

 ไป๋จูเหวิน เจ้ามีอะไรจะถามหรือไม่ อาจารย์จื่อเห็นไป๋จูเหวินมีสีหน้าครุ่นคิด มันเลยลองถามดู

 ไม่ขอรับ ไป๋จูเหวินตอบพลางส่ายหน้า

 ไม่ต้องเกรงใจไป๋จูเหวิน เจ้าสงสัยอะไรถามข้ามาได้เลย อยู่ๆอาจารย์เต่าก็กลายร่างกลับไปเป็นมนุษย์ก่อนจะตรงมาทางไป๋จูเหวินราวกับอยากให้ไป๋จูเหวินถามคำถามตนเสียเต็มประดา

 มะ ไม่เป็นไรขอรับ ไป๋จูเหวินถอยหลังออกห่างเพราะอยู่ๆอาจารย์เต่าก็พุ่งตัวเข้ามาใกล้มาก

 ไม่ต้องเกรงใจไปหรอก ข้ายินดีตอบเสมอ อาจารย์เต่าว่าพลางส่งสายตาเป็นประกายมาให้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าจลอดเวลาที่อาจารย์จื่อสอนมา อาจารย์เต่าก็ตกภายใต้พลังพิเศษของไป๋จูเหวินไปเรียบร้อยแล้ว

 ข้าสามารถช่วยเจ้าได้จริงๆนะ โดยเฉพาะเรื่องการเลื่อนขึ้นเป็นระดับสูงของเจ้า ได้ยินเช่นนั้นไป๋จูเหวินก็เบิกตากว้าง จะว่าไปอาจารย์เต่าเองก็เป็นอสูรระดับทองเช่นกัน มันย่อมสามารถสัมผัสได้ว่าไป๋จูเหวินมีพลังอสูรระดับเงินที่ใกล้จะเข้าระดับทองอยู่รอมร่ออยู่แล้ว และที่มันมีสีหน้าครุ่นคิดเมื่อครู่ก็เพราะมันกำลังคิดว่าอสูรแมงมุม มารดาของมันเป็นอสูรธาตุอะไรกันแน่ มารดาของมันแทบไม่ใช้พลังอะไรเลยให้มันเห็น อย่างมากก็แค่ใช้ใยแมงมุมเท่านั้น ท่านไม่เคยพ้นไฟ แปลงกายเป็นสายฟ้า หรือเสกต้นไม้งอกเหมือนพวกท่านน้าคนอื่นๆเลย

 ถ้าเช่นนั้น อาจารย์เต่าท่านรู้หรือไม่ว่าอสูรแมงมุมมีพลังธาตุอะไร ไป๋จูเหวินถามพลางหลบสายตาที่ส่องประกายอย่างยินดีของอาจารย์เต่า

 อสูรแมงมุม…แบบนั้นกว้างเกินไปเจ้าช่วยบอกลักษณะของมันมาหน่อย อาจารย์เต่าว่าพลางขมวดคิ้ว

 ท่…มันเป็นอสูรแมงมุมขนาดใหญ่ มีร่างกายสีขาวแปดขาแปดตาแล้วก็ใจดีมาก ไป๋จูเหวินเล่าพลางนึกถึงมารดาของตนเอง

 ใจดี? ข้าไม่คิดว่าจะเคยเห็นอสูรแมงมุมใจดีมาก่อน แต่ถ้าร่างสีขาวคงเป็นแมงมุมน้ำแข็งในถ้ำกระจกเงากระมัง เป็นอสูรแมงมุมระดับสูงทีเดียว หากเป็นมันละก็คงเป็นธาตุน้ำไม่ก็น้ำแข็ง อาจารย์เต่าว่าพลางยิ้มออกมา ท่าทางท่านจะไม่รู้จักมารดาของไป๋จูเหวินกระมัง

 เช่นนั้นก็ขอบคุณมาก ไป๋จูเหวินตอบพลางยิ้มรับความหวังดีของอาจารย์เต่า ก่อนที่มันจะขอตัวกลับไปฝึกฝนที่ห้องของตนก่อน เพราะอย่างที่อาจารย์เต่าสัมผัสได้ ไป๋จูเหวินใกล้จะข้ามระดับทองอยู่แล้วนั่นเอง

หลังจากกลับมาที่ห้อง ไป๋จูเหวินก็เริ่มใช้วิชาโลหิตมังกรในการฝึกฝนพลังวิญญาณในทันที แม้วิชาโลหิตมังกรจะไม่ได้ช่วยฝึกฝนพลังอสูร แต่การเพิ่มพลังวิญญาณก็เหมือนการเพิ่มเชื้อเพลิงในการหมุนพลังทั้งสองในร่างไป๋จูเหวิน ทำให้พลังอสูรพัฒนาอย่างต่อเนื่องชนิดที่ว่าแม้แต่พวกท่านน้ายังชื่นชมเลย

ความจริงไป๋จูเหวินก็เคยสงสัยว่ามีวิชาฝึกฝนพลังอสูรบ้างหรือเปล่า แต่พอถามท่านน้าของมันก็ได้คำตอบเดียวกันว่า ไม่มี นั่นเพราะอสูรใช้การบ่มเพาะพลังตามธรรมชาติ ไม่ได้มานั่งเร่งรัดพลังอย่างมนุษย์นั่นเอง

วูบ…ขณะใช้วิชาโลหิตมังกรอยู่นั้น อยู่ๆร่างกายของไป๋จูเหวินก็สัมผัสได้ถึงพลังมหาศาลที่แล่นเข้ามาสู่ร่างกาย มันเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่และน่าขนลุก แต่ไป๋จูเหวินกลับรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด พริบตานั้นระดับพลังวิญญาณของมันเพิ่มขึ้นมาจนผ่านเข้าสู่ระดับหลอมรวมปฐพีไปเป็นที่เรียบร้อย เพียงแต่สิ่งที่มันจดจ่อไม่ใช่ระดับของพลังวิญญาณแต่เป็นระดับของพลังอสูรต่างหาก

ไม่นานร่างของไป๋จูเหวินก็สั่นสะท้านขึ้นมาเฮือกหนึ่ง อยู่ๆพลังอสูรก็หลั่งไหลออกมาจากร่างของมันมากขึ้นๆจนพลังในร่างของมันเริ่มเสียสมดุล สักพักการหมุนของพลังในร่างก็เสียสมดุลก่อนที่พลังวิญญาณจะถูกขับไล่ออกไป วินาทีนั้นไป๋จูเหวินรู้สึกถึงกลิ่นอายดำมืดที่กำลังกลืนกินร่างของตน มันไม่สามารถสัมผัสพลังวิญญาณในร่างได้อีกต่อไปแล้ว ยามนี้มันรู้สึกราวกับสมัยตอนยังไม่เริ่มฝึกฝนพลังวิญญาณเสียด้วยซ้ำ

 ……. ไป๋จูเหวินนิ่งอึ้งไปครู่ใหญ่หลังจากสัมผัสได้ถึงบางอย่างที่ไหลเข้ามาในร่างกาย พลังมันน่าขนลุก เย็นยะเยียบแต่กลับทำให้หัวใจอบอุ่น

 ท่านแม่ ไป๋จูเหวินหลุดคำพูดหนึ่งออกมาเมื่อสัมผัสได้ถึงพลังนั้น มันเป็นกลิ่นไอของมารดาอย่างไม่ต้องสงสัย มันคือกลิ่นอายของอสูรแมงมุมที่เย็นเฉียบราวกับจะแช่แข็งโลหิตในร่างกาย ขณะกำลังสับสนอยู่นั้นอยู่ๆไป๋จูเหวินก็สัมผัสได้ว่าตรงหน้าของมันไม่ได้มีมันเพียงคนเดียว

 ….. ไป๋จูเหวินลืมตาขึ้นมามองภาพตรงหน้า ทั้งที่มันสมควรจะมองเห็นทุกสิ่งรอบตัวโดยไม่ต้องลืมตาถึงจะถูก แต่พอลืมตาขึ้นมองภาพตรงหน้าก็ทำเอาหัวใจของมันแทบหยุดเต้น มันคือร่างของหญิงสาวผู้มีสีผมขาวบริสุทธิ์ ดวงตาทั้ง 8 ดวงของนางมองตรงมาทางไป๋จูเหวินด้วยท่าทีอ่อนโยนไม่ต่างจากภาพที่มันยังคงจำได้จนถึงทุกวันนี้

 ท่าน… น้ำตาเริ่มไหลออกมาจากดวงตาของไป๋จูเหวินช้าๆ มันไม่เคยคิดเลยว่าจะได้เจอมารดาอีกครั้ง

วูบ.. มือของมารดาแตะลงบนแก้มของไป๋จูเหวินเบาๆ นางยิ้มก่อนจะเช็ดน้ำตาออกจากแก้มของมัน นางค่อยเลื่อนนิ้วมาสัมผัสที่ขอบตาไป๋จูเหวินก่อนจะยิ้มออกมา ดวงตาของไป๋จูเหวินราวกับเป็นสิ่งยืนยันว่าบักนี้ไป๋จูเหวินคือผู้สืบทอดของนางอย่างเป็นทางการ เพราะดวงตาของมันมีคุณสมบัติเหมือนดวงตาของนางไม่มีผิด

หมับ.. อสูรแมงมุมกอดร่างของไป๋จูเหวินเอาไว้แน่นด้วยความรู้สึกทั้งหมดที่นางมี แม้จะเป็นเพียงจิตวิญญาณที่หลงเหลืออยู่ในแก่นอสูร แต่นางก็ยังคงรักไป๋จูเหวินจากดวงใจ แม้จะเหลือแต่วิญญาณก็ยังจะรักและดูแลบัตรชายคนนี้ตลอดไป

ฉึก! อยู่ๆขาแมงมุมข้างหนึ่งก็แทงเข้าที่หลังคอของไป๋จูเหวิน วินาทีนั้นร่างของไป๋จูเหวินไม่รู้สึกเจ็บปวดแต่อย่างไร มันเพียงรู้สึกราวกับมีพลังบางอย่างไหลเข้ามาในร่างเท่านั้น เมื่อแขนข้างนั้นถอนออกบริเวณปากแผลก็สมานตัวในทันที พริบตานั้นกลับเกิดจุดสีดำเข้ามาแทนที่บาดแผลก่อนที่มันจะขยายจนร่างของไป๋จูเหวินอาบไปด้วยสีดำสนิท

วูบ…. ไป๋จูเหวินลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง แต่คราวนี้มันอยู่ในห้องของสำนักเขี้ยวมังกรเช่นเดียวกับตอนแรก เพียงแต่ร่างกายของมันกลับมาสัมผัสพลังวิญญาณได้อีกครั้ง ส่วนพลังอสูรนั้นมันเลื่อนเป็นระดับทองเรียบร้อยแล้ว

วูบ…ทันทีที่ทดลองใช้พลังแขนของไป๋จูเหวินก็กลายเป้นสีดำในทันที จาดการกอดของมารดาเมื่อครู่มันก็รู้ทันทีว่าพลังธาตุของมารดาคืออะไร อสูรแมงมุมเป็นอสูรผู้ครอบครองธาตุรัตติกาล เป็นพลังธาตุที่อสูรทั่วไปไม่มี ความสามารถของมันคือการควบคุมมิติและเวลา

วูบ หลุมมิติหลุมหนึ่งเปิดขึ้นที่ข้างๆไป๋จูเหวินช้าๆ มันคือช่องมิติที่พวกท่านน้าใช้กันนั่นเอง แม้จะยังควบคุมเวลาไม่ได้แต่การเรียกใช้มิติของตนเองกลับสามารถทได้ตั่งแต่ระดับทอง

บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 60 ระดับทอง

 

บุตรอสูรบรรพกาล

บุตรอสูรบรรพกาล

Status: Ongoing

ตุบ! เสียงบางอย่างตกลงมาจากที่สูงทำเอาภายใต้ช่องเขาแห่งนี้เกิดเสียงสะท้อนเลื่อนลั่นไปรอบบริเวณ แต่ถึงจะสร้างเสียงดังเพียงใดก็ไม่มีมนุษย์หน้าไหนอยู่บริเวณนี้ทั้งสิ้น

วูบ… ร่างสีขาวหมดจดร่างหนึ่งปรากฏยังตำแหน่งที่เสียงดังนั้นปรากฏ แม้จะไม่มีมนุษย์แต่สถานที่แห่งนี้กลับเป็นถิ่นที่อยู่ของอสูรตนหนึ่ง มันมีเรือนร่างแปลกพิสดาร ทั่วร่างเป็นสีขาวหม่นหมองทั้งร่าง รูปร่างของมันจะว่าเหมือนแมงมุมหรือก็ไม่ใช่ จะบอกว่าเหมือนมังกรหรือก็ไม่ชัดเจน ทุกคนต่างเรียกขานมันว่าฝันร้ายสีขาว มันเป็นตัวตนที่สร้างความหวาดกลัวให้ทั้งมนุษย์และอสูรด้วยกัน

แกร๊ก ทันทีที่ขาหนึ่งของมันก้าวมาถึงตำแหน่งเสียง ดวงตาทั้ง 8 ของมันก็จดจ้องไปยังร่างของเด็กชายที่ตกลงมาจากหน้าผาด้วยท่าทีประหลาดใจ เหตุใดมนุษย์ถึงไม่ตายหลังจากตกลงมาลึกขนาดนี้ ที่ๆมันอาศัยอยู่ถูกเรียกว่าผาไร้ก้น เพราะหากมองจากด้านบนจะไม่สามารถเห็นก้นเหวได้เลย แม้แต่มองจากก้นผาก็แทบจะเห็นท้องฟ้าเป็นเส้นด้ายเส้นบางๆเท่านั้น เพราะก้นผาแห่งนี้อยู่ลึกอย่างมาก

ขณะสงสัยอยู่ๆอสูรที่มีร่างกายสีขาวก็เริ่มอ้าปากของมันออกช้าๆ เขี้ยวราวกับแมงมุมของมันอ้าออกเผยให้เห็นปากอันกว้างใหญ่ที่หากจะกินเด็กชายตรงหน้าคงกระทำได้ด้วยการกลืนมันทั้งตัวในคำเดียวเท่านั้น แต่ขณะจะกินเด็กชายลงไปทั้งตัว ปากของมันพลันหยุดชะงัก ก่อนจะค่อยๆหุบกลับเช่นเดิม ดวงตาของมันเพ่งมองเด็กชายที่นอนสลบอยู่บนพื้นด้วยท่าทีนิ่งเฉย ร่างของมันแตกหักยับเยินราวกับตุ๊กตาดินที่ถูกบี้เละเทะ แขนขางองุ้ม ลำตัวแดงบ้างม่วงบ้าง แต่มันกลับยังหายใจอยู่ ด้วยร่างกายที่ยับเยินเช่นนี้มันกลับสามารถประคองชีวิตของมันเอาไว้ได้

 หรือจะเป็นโชคชะตากัน.. อสูรแมงมุมพูดออกมาพลางมองใบหน้าของเด็กชาย ทำไมมันถึงตกลงมาในที่แห่งนี้ได้ ทำไมมันถึงไม่ตาย แล้วทำไมมันถึงไม่คิดจะกินมันกัน…..

แม้แต่ตัวมันยังไม่สามารถหาคำตอบออกมาได้ . . . .

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท