บุตรอสูรบรรพกาล – ตอนที่ 74 หนี

ตอนที่ 74 หนี

ตอนที่ 74

หนี

 เสียงดังอะไรโครมครามน่ะอาจารย์จิ้งจอก หยงเวยยังไม่ทันได้ขยับร่างกายไปไหน อยู่ๆเสียงของอาจารย์เต่าก็ดังออกมาจากอีกฟากของประตู

 หยงเวย? เจ้ามาทำอะไรที่นี่ อาจารย์เต่าขมวดคิ้วพลางมองหยงเวยที่อยู่ภายในห้องของอาจารย์จิ้งจอก

 หรือว่าเจ้าจะมาลอบทำร้ายอาจารย์จิ้งจอกกัน อาจารย์เต่าเพ่งสายตามองหยงเวยพลางเดินเข้ามาใกล้ ในมือของหยงเวยยังมีดาบมรกตกำค้างเอาไว้ไม่ปล่อยไปไหนทำให้คำพูดของอาจารย์เต่าดูน่าคิดอย่างมาก

 จะเป็นไปได้ยังไงละนะ ข้าล้อเล่นๆ อาจารย์เต่าว่าพลางหัวเราะออกมา แม้จะมีเรื่องผิดใจกันก่อนหน้านี้ แต่หลายวันมานี่หยงเวยก็ทำตัวดีมาตลอด แถมยังเริ่มสนิทสนมกับหลินหลินที่เป็นอสูรของไป๋จูเหวินอีกต่างหาก ทำให้อาจารย์เต่าวางใจเรื่องหยงเวยไปนานแล้ว แม้จะไม่ทราบมันมาทำอะไรในห้องของอาจารย์จิ้งจอกก็ตาม

 เรื่องนั้น… หยงเวยกำดาบแน่น พลางมองอาจารย์เต่าที่เดินเข้ามาใกล้เครื่องประดับของอาจารย์จิ้งจอกช้าๆ

 หืม..นี่มัน อาจารย์เต่าเตะเข้าที่แก่นอสูรของอาจารย์จิ้งจอกอย่างพอดิบพอดี ก่อนที่มันจะก้มลงมองที่พื้น

ฉึก! ไม่ปล่อยให้อาจารย์เต่าได้ตั้งตัว หยงเวยแทงดาบใส่ร่างของอาจารย์เต่าเข้าเต็มแรง ถึงอย่างไรมันก็รังเกียจอสูรจะมีอสูรตายไปสักตัวหรือสองตัวก็ไม่เห็นเป็นไรเลย

 เจ้า.. อาจารย์เต่ากัดฟันแน่นพลางมองหยงเวยที่แทงดาบใส่ร่างของตน

ผลัก! อาจารย์เต่ายกมือขึ้นผลักร่างของหยงเวยออก ทำให้ดาบมรกตหลุดออกไปจากร่างมันด้วย

 เจ้า อาจารย์เต่าคำรามก่อนจะกลับคืนร่างของเต่าทะเลอย่างรวดเร็ว วินาทีนั้นกระแสน้ำสายหนึ่งก็พุ่งเข้าใส่หน้าหยงเวยอย่างจังจนพัดร่างของมันกระเด็นออกนอกห้องของอาจารย์จิ้งจอกไป

 งามหน้านักนะ เจ้ากล้าสังหารอาจารย์จิ้งจอกภายในสำนักเขี้ยวมังกรเลยงั้นเหรอ อาจารย์เต่าว่าพลางมองบาดแผลที่ท้องของตน แม้จะโดนดาบแทงเข้าอย่างจัง แต่ก็ไม่ได้โดนจุดตายทำให้มันไม่ตายในทันทีเหมือนอาจารย์จิ้งจอก

 อาจารย์เต่าเกิดอะไรขึ้น เหล่าศิษย์ที่ได้ยินเสียงต่างพากันออกมาเพื่อดูเหตุการณ์ในทันที

 จับมัน มันฆ่าอาจารย์จิ้งจอกแถมยังแทงข้าอีกด้วย อาจารย์เต่าว่าพลางกระทืบพื้นครั้งหนึ่ง พริบตานั้นน้ำใต้เท้าของหยงเวยก็พากันเข้ามาล้อมหยงเวยไว้ก่อนจะขังหยงเวยเอาไว้ในลูกบอลน้ำ

 จับมันเอาไว้ เหล่าศิษย์เห็นเช่นนั้นก็พากันเข้ามาจับตัวหยงเวยตามที่อาจารย์เต่าสั่ง เพียงแต่

ฟุบ!!! หยงเวยใช้ดาบมรกตฟันใส่น้ำที่จับกุมตัวมันเอาไว้ทำเอาลูกบอลน้ำแตกกระจายในทันที พริบตานั้นไอพลังมารก็แผ่พุ่งออกมาจากร่างของหยงเวย

ฉึกๆๆ อยู่ๆที่ใต้พื้นก็ปรากฏแท่งหยกแทงใส่เหล่าศิษย์สำนักเขี้ยวมังกรอย่างรุนแรงทำเอาเหล่าศิษย์ต่างพากันร่นถอย ดูเหมือนว่าหยงเวยจะไม่คิดเอาชีวิตของเหล่าศิษย์สำนักเขี้ยวมังกร มันเพียงใช้แท่งหยกเพื่อปิดทางให้มันหลบหนีไปได้เท่านั้น

 พลังธาตุ มันยังอยู่แค่ระดับหลอมรวมปฐพีไม่ใช่หรือยังไง อาจารย์เต่ากัดฟันกรอดอย่างเจ็บใจ นอกจากสหายจะโดนฆ่าไปแล้วตัวมันยังโดนแทงบาดเจ็บจนตามไปจับมันกลับมาไม่ได้อีกต่างหาก

 อาจารย์ ข้าสัมผัสพลังวิญญาณจากมันไม่ได้ ชายคนหนึ่งตอบพลางพยายามฟันแท่งหยกให้ขาดเพื่อตามหยงเวยไป แต่กว่าจะเปิดทางได้หยงเวยก็หนีหายไปเสียแล้ว

 แจ้งเจ้าสำนัก จับตัวศิษย์ทรยศให้ได้ อาจารย์เต่าว่าพลางกลับคืนร่างเป็นมนุษย์อีกครั้ง นับตั้งแต่ที่หยงเวยหลบไปฝึกฝนอยู่ในถ้ำก็ผ่านมา 3 วันแล้วทำให้เหล่าอาจารย์และเจ้าสำนักกลับมาจากงานชุมนุมของเจ้าเมืองกันเป็นที่เรียบร้อย อาจารย์เต่าจึงมุ่งหน้าไปที่ห้องของท่านเจ้าสำนักในทันที

.

.

 พี่เวย นั่นท่านเหรอ ขณะหยงเวยกำลังพยายามจะออกไปนอกเมือง อยู่ๆเสียงๆหนึ่งก็หยุดเท้าของหยงเวยเอาไว้ มันคือเสียงของหลินหลินอสูรเลี้ยงของไป๋จูเหวินนั่นเอง

 เจ้ามาทำอะไรที่นี่ หยงเวยถามพลางเก็บดาบใส่ฝัก

 ข้าจะออกไปนอกเมือง ท่านจะไปกับข้าไหม หลินหลินถามพลางยิ้มกว้าง นางไม่เห็นท่าทีแตกตื่นของหยงเวยเลยแม้แต่น้อย

 ข้าเองก็จะไปนอกเมืองเช่นกัน หยงเวยว่าพลางสูดหายใจเข้าลึกๆ

 ดีเลย ข้ารู้จักทางลับที่จะพาเราไปนอกเมืองได้โดยไม่ต้องให้พวกพี่ทหารเข้ามาตรวจด้วยล่ะ หลินหลินว่าพลางยิ้มกว้าง เพราะนางมักโดนถามอยู่เสมอว่าเด็กอย่างนางจะออกไปข้างนอกคนเดียวทำไม หลินหลินเลยอาศัยทางลับที่จื่อลู่บอกเอาไว้เพื่อเดินทางไปยังถ้ำหยกของนาง

 ทางลับ… หยงเวยว่าพลางมองขึ้นไปบนท้องฟ้า วินาทีนั้นมันเห็นนกสีขาว 3 ตัวบินออกจากสำนักเขี้ยวมังกร พวกมันต่างแยกย้ายไปตามประตูของเมืองผาหยกท่าทางจะแจ้งข่าวเรื่องของมัน

 ดี พาข้าไปหน่อย หยงเวยว่าพลางตามหลินหลินที่อยากจะอวดทางลับอยู่ไม่น้อย สำหรับนางแล้วหยงเวยไม่มีอะไรผิดแปลกไปจากปกติเลยแม้แต่น้อย เพราะหลินหลินไม่สามารถสัมผัสพลังวิญญาณได้ตั้งแต่แรก นางเลยไม่ทราบว่าพลังวิญญาณของหยงเวยหายไปแล้ว

‘ฆ่า…’ ขณะเดินตามหลินหลินเข้าไปในถ้ำที่ซ่อนอยู่ภายในเมืองผาหยก หยงเวยก็ได้ยินเสียงๆหนึ่งดังขึ้นมา มันฟังดูแล้วเหมือนเสียงของตัวมันเองไม่มีผิด

‘ฆ่ามัน ฆ่าอสูรให้หมด’ เสียงเดิมดังขึ้นมาอีกครั้ง แต่หยงเวยไม่มีความคิดที่จะทำร้ายหลินหลินอยู่แต่แรกแล้ว มันเพียงส่ายหน้าเล้กน้อยพลางมองหลินหลินที่อยู่ข้างหน้า นางท่าทางเหมือนไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยเสียด้วยซ้ำ

‘ลืมไปแล้วหรือยังไง พวกอสูรมันหลอกลวง’เสียงเดิมดังขึ้นอีกครั้งทำเอาหยงเวยต้องส่ายหัวแรงขึ้นเพื่อไล่เสียงนั้นออกไป

‘คิดว่ามันจะไม่หลอกเจ้างั้นเหรอ มันก็แค่เข้ามาตีสนิทเพื่อให้เจ้าเชื่อใจเท่านั้น พอเจ้าเชื่อใจมันก็จะฆ่าทุกคน’

 หยุด หยงเวยคำรามเพื่อห้ามเสียงพูดในหัวของตน แต่เสียงของมันกลับทำให้หลินหลินหันมามองด้วยความตกใจ

 มีอะไรเหรอพี่เวย หลินหลินถามด้วยสีหน้าเหรอหรา อยู่ๆหยงเวยก็สั่งให้นางหยุดขึ้นมาเสียเฉยๆ

 ไม่มีอะไร ทางข้าหน้ามันชันเจ้าเดินระวังด้วย เพราะถ้ำแห่งนี้ถูกเจาะเป็นบันไดเพื่อปีนขึ้นไปเหนือหน้าผาทำให้ทางขันมากทีเดียว แต่สำหรับผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณหรืออสูรอย่างหลินหลินไม่สมควรมีปัญหาแท้ๆ

 ขอบคุณพี่เวยที่เตือน หลินหลินยิ้มพลางเดินต่ออย่างอารมดี เพียงแต่หยงเวยกลับมีท่าทีไม่สู้ดีนัก

‘เจ้าหลงไปกับรอยยิ้มของมันหรืออย่างไร เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าอสูรชั่วช้าแค่ไหน’เสียงในหัวของหยงเวยทำให้ขาของหยงเวยเริ่มช้าลงเรื่อยๆ ส่วนมือนั้นกลับมาจับที่ด้ามดาบเอาไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบ

‘ลืมแล้วหรืออย่างไร ว่าอสูรตัวนั้นมันให้เจ้าเรียกมันว่าอะไร’หยงเวยกัดฟันแน่นพยายามไม่ฟังเสียงในหัวของตนเอง แต่มือของมันกลับไม่ยอมปล่อยด้ามดาบ

‘อะไรกัน หรือว่าเจ้าลืมไปแล้ว’เสียงในหัวของหยงเวยยังคงพูดต่อด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก

‘ลืมแล้วหรือว่ามันให้เจ้าเรียกมันว่า แม่ ยังไงล่ะ’

 บอกว่าให้หยุดไง หยงเวยคำรามพลางชักดาบออกมาจากฝักอย่างลืมตัว

 พี่เวย ท่านเป็นอะไรไป หลินหลินถามพลางหันมามองหยงเวยด้วยท่าทีสงสัย แม้แต่เดิมมันจะเหมือนคนอารมไม่ดีอยู่ก่อนแล้ว แต่หยงเวยไม่เคยตะคอกออกมาแบบนี้ใส่นางนี่นา

 อสูร… หยงเวยส่งเสียงรอดไรฟันออกมาพลางจ้องมองมาทางหลินหลิน

 อสูรทุกตัวมันต้องตาย หยงเวยคำรามพลางชี้ดาบมาทางหลินหลิน พริบตานั้นมันพุ่งตัวเข้ามาก่อนจะฟันดาบออกไปทันที

ครืดด แต่เดิมผิวของหลินหลินก็มีหยกเคลือบอยู่แล้ว แถมผิวหนังจริงๆยังแข็งมาก เพียงแต่ดาบมรกตคมกล้าอย่างมากทำให้แขนของหลินหลินปรากฏรอยฟันและของเหลวสีน้ำเงินไหลออกมาจากบาดแผล

 พี่เวย ท่านทำอะไร หลินหลินถามพลางมองรอยแผลที่แขนของนาง นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตของนางเลยก็ว่าได้ที่ถูกโจมตีแบบนี้

ฉึก! หยงเวยแทงดาบมรกตใส่หลินหลินโดยไม่ตอบคำถามแม้แต่คำเดียว เพียงแต่คราวนี้ดาบไม่ได้แทงใส่หลินหลิน เพียงแต่แทงใส่กำแพงสีเขียวด้านหลังเท่านั้น

 พี่เวย ท่าน… หลินหลินมองดวงตาของหยงเวยอย่างไม่เข้าใจ ยามนี้มันราวกับพยายามต่อสู้กับตัวเองไม่มีผิด

 หนีไป หยงเวยว่าพลางกำด้ามดาบแน่น ไม่ทราบเมื่อครู่เกิดอะไรขึ้น แต่ความรู้สึกเกรียดชังอสูรก็พุ่งพร่านในร่างของมัน พริบตานั้นมันถึงกับมองหลินหลินเป็นศัตรู แต่เมื่อฟันโดนร่างของนางมันกลับสามารถดึงสติกลับมาได้ครู่หนึ่ง

 ท่าน.. หลินหลินพยายามจะถามแต่หยงเวยกลับดึงดาบออกมาจากกำแพงเสียก่อน

 ข้าบอกให้หนีไป หยงเวยคำรามก่อนจะง้างดาบไปด้านหลัง

ฉึก!! ดาบของหยงเวยคราวนี้แทงใส่ร่างของหลินหลินอย่างแรง แต่เพราะหลินหลินหลบออกมาก่อนมันเลยคว้าได้เพียงกำแพงถ้ำเช่นเดิม

เมื่อเห็นอีกฝ่ายควบคุมตนเองไม่ได้หลินหลินก็มีแต่ต้องหนีไปเท่านั้น นางวิ่งไปตามถ้ำจนมาถึงทางออกสู่เหนือยอดผาหยกที่พวกไป๋จูเหวินมาประลองกันเมื่อวาน เพียงแต่หยงเวยราวกับคนเสียสติ มันวิ่งตามหลินหลินมาหมายจะฆ่าให้ได้อย่างไม่ต้องสงสัย

 ตายซะเจ้าอสูร หยงเวยคำราม ก่อนจะง้างดาบฟันใส่ร่างของหลินหลินที่หนีมาไม่ทัน

เคร๊ง! เพียงแต่ดาบของหยงเวยกลับโดนอะไรบางอย่างหยุดเอาไว้ หากมองด้วยสายตามันคือกระบี่สีน้ำเงินปนฟ้าที่มีนามว่ากระบี่ทัณฑ์สวรรค์ และผู้ถือครองมันเอาไว้ย่อมไม่ใช่ใครอื่นนอกเสียจากอู๋หมิงนั่นเอง

 เจ้าเป็นใคร อู๋หมิงถามพลางผลักดาบของหยงเวยออกไป

 ไม่ใช่เรื่องของเจ้า หยงเวยคำรามพลางกำด้ามดาบแน่น ตัวมันยามนี้ต้องการเพียงสังหารอสูรที่อยู่ตรงหน้าเท่านั้น

 นางเป็นอสูรเลี้ยงของสหายข้า มันจึงเป็นเรื่องของข้าเช่นกัน อู๋หมิงว่าพลางชี้กระบี่มาทางหยงเวย เมื่อวานมันได้รู้จักหลินหลินและทราบแล้วว่านางคืออสูรเลี้ยงของไป๋จูเหวิน มันไม่สามารถปล่อยให้ใครก็ไม่ทราบมาฆ่าอสูรเลี้ยงของสหายได้หรอก

บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 74 หนี

 

บุตรอสูรบรรพกาล

บุตรอสูรบรรพกาล

Status: Ongoing

ตุบ! เสียงบางอย่างตกลงมาจากที่สูงทำเอาภายใต้ช่องเขาแห่งนี้เกิดเสียงสะท้อนเลื่อนลั่นไปรอบบริเวณ แต่ถึงจะสร้างเสียงดังเพียงใดก็ไม่มีมนุษย์หน้าไหนอยู่บริเวณนี้ทั้งสิ้น

วูบ… ร่างสีขาวหมดจดร่างหนึ่งปรากฏยังตำแหน่งที่เสียงดังนั้นปรากฏ แม้จะไม่มีมนุษย์แต่สถานที่แห่งนี้กลับเป็นถิ่นที่อยู่ของอสูรตนหนึ่ง มันมีเรือนร่างแปลกพิสดาร ทั่วร่างเป็นสีขาวหม่นหมองทั้งร่าง รูปร่างของมันจะว่าเหมือนแมงมุมหรือก็ไม่ใช่ จะบอกว่าเหมือนมังกรหรือก็ไม่ชัดเจน ทุกคนต่างเรียกขานมันว่าฝันร้ายสีขาว มันเป็นตัวตนที่สร้างความหวาดกลัวให้ทั้งมนุษย์และอสูรด้วยกัน

แกร๊ก ทันทีที่ขาหนึ่งของมันก้าวมาถึงตำแหน่งเสียง ดวงตาทั้ง 8 ของมันก็จดจ้องไปยังร่างของเด็กชายที่ตกลงมาจากหน้าผาด้วยท่าทีประหลาดใจ เหตุใดมนุษย์ถึงไม่ตายหลังจากตกลงมาลึกขนาดนี้ ที่ๆมันอาศัยอยู่ถูกเรียกว่าผาไร้ก้น เพราะหากมองจากด้านบนจะไม่สามารถเห็นก้นเหวได้เลย แม้แต่มองจากก้นผาก็แทบจะเห็นท้องฟ้าเป็นเส้นด้ายเส้นบางๆเท่านั้น เพราะก้นผาแห่งนี้อยู่ลึกอย่างมาก

ขณะสงสัยอยู่ๆอสูรที่มีร่างกายสีขาวก็เริ่มอ้าปากของมันออกช้าๆ เขี้ยวราวกับแมงมุมของมันอ้าออกเผยให้เห็นปากอันกว้างใหญ่ที่หากจะกินเด็กชายตรงหน้าคงกระทำได้ด้วยการกลืนมันทั้งตัวในคำเดียวเท่านั้น แต่ขณะจะกินเด็กชายลงไปทั้งตัว ปากของมันพลันหยุดชะงัก ก่อนจะค่อยๆหุบกลับเช่นเดิม ดวงตาของมันเพ่งมองเด็กชายที่นอนสลบอยู่บนพื้นด้วยท่าทีนิ่งเฉย ร่างของมันแตกหักยับเยินราวกับตุ๊กตาดินที่ถูกบี้เละเทะ แขนขางองุ้ม ลำตัวแดงบ้างม่วงบ้าง แต่มันกลับยังหายใจอยู่ ด้วยร่างกายที่ยับเยินเช่นนี้มันกลับสามารถประคองชีวิตของมันเอาไว้ได้

 หรือจะเป็นโชคชะตากัน.. อสูรแมงมุมพูดออกมาพลางมองใบหน้าของเด็กชาย ทำไมมันถึงตกลงมาในที่แห่งนี้ได้ ทำไมมันถึงไม่ตาย แล้วทำไมมันถึงไม่คิดจะกินมันกัน…..

แม้แต่ตัวมันยังไม่สามารถหาคำตอบออกมาได้ . . . .

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท