บุตรอสูรบรรพกาล – ตอนที่ 125 โจร?!

ตอนที่ 125 โจร?!

ตอนที่ 125

โจร?!

 …….. หยุนฟางนั่งนิ่งอยู่บนรถม้าพลางเหล่มองชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆด้วยท่าทีประหลาดใจ เมืองที่นางเข้ามาแทบไม่มีผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณอยู่เลย การที่ได้เจอผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณระดับก่อกำเนิดพลังเซียนนั้นนับเป็นเรื่องยาก แต่อีกฝ่ายกลับไม่มีท่าทีจะสนใจตัวนางเลยแม้แต่น้อย ทั้งๆที่มันเองก็น่าจะสัมผัสพลังวิญญาณของนางได้แท้ๆ

หยุนฟางพยายามมองดูชายหนุ่มข้างๆอย่างพิจารณา นอกจากจะไม่ได้สวมใส่เครื่องแบบแล้วมันยังไม่ได้มีเครื่องหมายของสำนักใดติดตัวอยู่เลย ซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่แปลกประหลาดอย่างมาก เพราะหากไม่มีสำนักหรือบุคคลใดให้การสนับสนุน การที่ชายหนุ่มท่าทางจะอายุ 20 ต้นๆเช่นนี้จะอยู่ระดับก่อกำเนิดพลังเซียนอันเป็นขั้นแรกของการเข้าสู่ระดับเซียนนั้นเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อเกินไปจริงๆ

 มีอะไรหรือขอรับ ชายหนุ่มถามหลังจากเห็นหยุนฟางมองมันมาได้สักพักแล้ว

 อะ….ไม่มีอะไรเจ้าค่ะ หยุนฟางพอรู้ตัวว่าตัวเองมองอีกฝ่ายมากเกินไป นางก็เลยหลบสายตาพลางถอยห่างชายหนุ่มอีกนิด แต่เพราะในรถม้าค่อนข้างแคบทำให้นางยังคงนั่งติดอยู่กับชายหนุ่มอยู่เช่นนั้น

แต่ถึงจะโดนจับได้แล้ว หยุนฟางก็ยังชำเลืองมองชายหนุ่มเป็นพักๆ นางพยายามมองหาอาวุธหรือข้าวของเครื่องใช้ที่จะบอกตัวตนของอีกฝ่าย แต่นอกจากใบหน้าหล่อเหลาของอีกฝ่ายนางก็ไม่สะดุดตาอะไรอีกเลย เสื้อผ้าแม้จะดูสะอาดและหรูหราอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้แปลกตาอะไร เครื่องประดับเองก็ไม่มี แม้แต่แหวนมิติก็ไม่มี แต่มันก็แน่นอนอยู่แล้วเพราะผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณระดับก่อกำเนิดพลังเซียนสามารถสร้างมิติส่วนตัวของตัวเองได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องสวมแหวนมิตินี่นา

ครึกๆๆๆ…..ขณะกำลังจ้องมองอยู่นั้น อยู่ๆรถม้าที่หยุนฟางนั่งมาก็จอดเสียเฉยๆ แถมยังจอดแบบกะทันหันอีกต่างหากทำเอาคนทั้งรถม้าแตกตื่นกันไม่น้อย

 หยุด.. เสียงแหบห้ามของชายวัยกลางคนดังขึ้นพร้อมร่างกายใหญ่โตกำยำที่ออกมาขวางทางรถม้าเอาไว้ แถมนอกจากตัวมันแล้วยังมีเหล่าคนสวมใส่เสื้อผ้าปิดหน้าปิดตาอีกกว่า 20 คนคอยซุ่มอยู่บริเวณรอบๆ

 นานๆทีก็มีพวกแบบนี้เหมือนกันสินะ ชายหนุ่มในรถม้าว่าพลางถอนหายใจออกมาด้วยท่าทีเบื่อหน่าย แน่นอนว่ามันไม่จำเป็นต้องกลัวอยู่แล้วเพราะในกลุ่มคนที่มาล้อมรถม้าเอาไว้ไม่มีผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณอยู่เลย พวกมันไม่มีทางทำอะไรชายหนุ่มผู้นี้ได้อยู่แล้ว

 พวกเจ้าต้องการอะไร คนขับรถว่าพลางลงมาจากรถม้าช้าๆ พวกมันขวางทางเอาไว้หมดไม่สามารถเคลื่อนรถต่อได้เลย

 หึ….. ชายร่างใหญ่หัวเราะพลางสูดลมเข้าปอดช้าๆ

 ป่านี้ข้าเป็นคนปลูก ทางนี้ข้าเป็นคนสร้าง หากอยากผ่านทางจงจ่ายค่าผ่านทางมาเสีย เสียงของชายร่างใหญ่สะท้อนไปที่ป่า ก่อนที่มันจะชักดาบออกมาจากฝักพลางชี้มาทางคนขับรถ

 ท่านอาวุโส ท่านจะลงมือหรือไม่ อยู่ๆชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆหยุนฟางก็หันมาหาหยุนฟางด้วยท่าทีนอบน้อม การอยู่ระดับเทียนเซียนถือเป็นการก้าวเข้าสู่ขอบเขตของเซียน อายุขัยของผู้อยู่ในระดับนี้ยาวนานกว่าคนปกติ ทำให้สภาพภายนอกไม่สามารถบอกได้ว่าอีกฝ่ายอายุมากกว่าหรือน้อยกว่าได้ อย่างเช่นหัวหน้าถังกับฟวงหลงที่อายุห่างกันหลายสิบปี ยังคบหากันเป็นสหายนับพี่นับน้องได้ เพราะภายนอกพวกมันก็ดูหนุ่มเหมือนกันทั้งคู่

ผู้อาวุโสพี่สาวเจ้าสิ หยุนฟางสบถในใจ แม้จะเป็นผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณ แต่การยัดเยียดอาวุโสให้หญิงสาวอายุไม่ถึง 20 อย่างนางมันหมายความว่ายังไงกัน

 เจ้าลงมือเถอะ หยุนฟางเก็บอารมโกรธเอาไว้พลางบอกให้ชายหนุ่มเป็นฝ่ายลงมือ อย่างน้อยหางมันยำอาวุธประจำตัวออกมาหรือแสดงวิชาออกมาก็คงทำให้นางรู้อะไรเกี่ยวกับมันมากขึ้น

 ขอรับ ชายหนุ่มรับคำพลางเดินลงจากรถม้าไป มันไม่ได้หยิบอาวุธออกมาแต่อย่างไรเพียงแต่มันกลับหักกิ่งไม้ข้างทางมาใช้เป็นอาวุธแทน

 พวกเจ้า เป็นโจรสินะ ชายหนุ่มว่าพลางเดินออกมาขวางระหว่างกลุ่มชายหนุ่มกับคนขับรถ แม้ในสายตาคนธรรมดาจะเห็นว่าชายหนุ่มกำลังเข้าไปตาย แต่สำหรับผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณแล้ว มันเหมือนชายหนุ่มเข้าไปรังแกพวกโจรเสียมากกว่า

 ฮ้าๆ หากข้าไม่ใช่โจรแล้วจะเป็นอะไรอีก ชายร่างใหญ่หัวเราะพลางยกดาบขึ้นหมายจะโจมตีใส่ชายหนุ่ม แต่เพียงพริบตาเดียวชายร่างใหญ่ก็ล้มลงไปนอนกับพื้นพร้อมลูกน้องของมันที่แทบจะล้มลงทันทีที่ชายหนุ่มเดินผ่าน

 เชอะ หยุนฟางส่งเสียงไม่พอใจออกมาเพราะพวกโจรกระจอกเกินไป ชายหนุ่มไม่ได้นำอาวุธประจำตัวออกมา ไม่แม้แต่จะแสดงวิชาอะไรออกมาให้เห็น มันเพียงเดินเข้าไปแทงอีกฝ่ายด้วยกิ่งไม้ เท่านั้นก็จบแล้ว ช่างน่าเสียดายจริงๆ

 เจ้าเป็นผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณ… ชายร่างใหญ่ที่เหมือนจะสลบไปแล้วพูดพลางถอยห่างออกมาจากร่างของชายหนุ่ม ปกติแล้วผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณจะไม่โดยสารรถม้าของคนทั่วไปเพราะพวกมันส่วนใหญ่จะเดินทางด้วยเท้าเสียมากกว่า

 ถูกต้องแล้ว ชายหนุ่มตอบรับพลางยิ้มบางๆ

 ลูกพี่ ลูกพี่ ชายร่างใหญ่ว่าพลางวิ่งกลับเข้าป่าไปอย่างรวดเร็ว หรือว่ามันจะยังมีลูกพี่อยู่อีก

 อะไรกัน แค่ปล้นรถม้าคันเดียวพวกเจ้าจัดการกันไม่ได้หรือยังไง ชายวัยกลางคนท่าทางอ้วนท้วนเล็กน้อยว่าพลางเดินออกมาด้วยท่าทีรำคาณที่โดนตามตัวออกมา มิน่าเล่าพอรู้ว่าชายหนุ่มเป็นผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณชายร่างใหญ่เลยไม่ยอมแพ้แต่กลับไปเรียกลูกพี่ของมันมาแทน ใครจะไปคิดว่าโจรภูเขาพวกนี้จะมีผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณอยู่ในกลุ่มด้วย

 ไหน ไอ้หนูคนไหนมันมาซ่าในถิ่นพวกเรา ชายร่างท้วมว่าพลางเดินออกมาจากเขตป่า ตัวมันเป็นผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณก็จริงเพียงแต่…..

 ก่อกำเนิด ขั้นที่ 2 …. ชายหนุ่มพึมพำด้วยสีหน้าลำบากใจ แม้ทั้งสองจะอยุ่ขั้นก่อกำเนิดเช่นกัน แต่ก็ต่างกันที่มีคำว่าพลังเซียนต่อท้ายนี่สิ

 ……. ท่าทางชายร่างท้วมเองก็รู้ตัวแล้วเช่นกัน แม้มันจะสามารถสัมผัสพลังวิญญาณได้ในระยะแคบๆ แต่พอเข้ามาใกล้ชายหนุ่มมันก็สามารถสัมผัสได้ทันทีว่าชายหนุ่มมีพลังฝีมือสูงกว่าหลายเท่า

 คะ คุณชาย เกรงว่าจะมีเรื่องเข้าใจผิดกันกระมัง ชายร่างท้วมว่าพลางเปลี่ยนท่าทีจากหยิ่งผยองเป็นก้มหัวประหลกๆแทนเสียอย่างนั้น

 ไม่หรอก ข้าได้ยินที่พวกเจ้าประกาศชัดเจนเลย ชายหนุ่มยิ้มพลางเดินเข้าไปจับบ่าชายร่างท้วมเบาๆ ถึงอย่างไรบ้านเมืองก็มีขื่อมีแป จะให้ปล่อยโจรไปก็ใช่ที่

 อากกก ชายร่างท้ามโดนฝ่ามือของชายหนุ่มกดลงที่ไห่เบาๆ ไหล่ของมันก็หลัดในทันที ระยะห่างของพลังมันกว้างเกินไปเพียงออกแรงเล็กน้อยก็สร้างความเสียหายให้ได้แล้ว

 เท่านี้ก็เรียบร้อย ชายหนุ่มจัดแจงมันเหล่าโจมผูกกับต้นไม้พลางใช้กิ่งไม้เขียนบนต้นไม้ว่า โจร เอาไว้อย่างชัดเจน แถมยังจี้จุดชายร่างท้วมเอาไว้ไม่ให้ใช้พลังวิญญาณออกมาได้อีกหลายวันเลยทีเดียว หลังจากนี้พอหน่วยลาดตระเวนของเมืองใกล้เคียงมาพบเข้าก็จะจับพวกมันไปเอง

 เดินทางกันต่อเถอะคนขับ ชายหนุ่มยิ้มพลางเดินกลับมาที่รถม้าด้วยท่าทีสบายใจ มันไม่ได้เสียเหงื่อแม้แต่หยดเดียวเสียด้วยซ้ำ

 ท่านอาวุโส ข้าจัดการถูกต้องหรือไม่ ชายหนุ่มกลับมานั่งในรถพลางประสานมือให้หยุนฟางแล้วถามถึงการลงมือของตนเอง

อาวุโสน้องสาวเจ้าสิ….หยุนฟางค้อนใส่ชายหนุ่มเสียตาเขียว ก่อนจะเมินการรายงานของมันอย่างอารมเสีย นางยังไม่อายุ 20 เสียด้วยซ้ำ นางต่างหากที่อาจจะต้องเรียกมันว่าอาวุโส

 เจ้าชื่ออะไร หยุนฟางเลิกพยายามเดาว่าชายหนุ่มเป็นใครด้วยตนเองเสียที ในที่สุดนางก็ถามมันออกไปตรงๆเสียให้หมดเรื่อง

 ข้ามีนามว่าอู๋หมิงขอรับ อู๋หมิงตอบพลางยิ้มบางๆอย่างเป็นมิตร

 ฮะ เจ้า…. หยุนฟางสะดุ้งโหยง อู๋หมิง… ศิษย์ของเซียนกระบี่งั้นเหรอ จะว่าไปมันก็พึ่งออกฝึกฝนวิชาไม่นานมานี้นี่นา หรือว่ามันจะจับผลัดจับผลูมาเจอนางที่พึ่งออกเดินทางฝึกฝนได้ ช่างบังเอิญจริงๆ

 ไม่ทราบว่าท่านอาวุโสชื่ออะไรขอรับ อู๋หมิงถามพลางประสานมืออย่างนอบน้อม เพราะตัวอาวุโสเทียนหมิงไม่ค่อยยุ่งเกี่ยวกับเหล่ายอดฝีมือเท่าไหร่ อู๋หมิงเลยยังไม่ทราบว่ายามนี้มีคนรุ่นใหม่บรรลุระดับก่อกำเนิดพลังเซียน 3 คนแล้ว

 อาวุโสพี่….ข้าไม่ใช่อาวุโสเสียหน่อยเลิกเรียกแบบนั้นได้แล้ว หยุนฟางว่าพลางค้อนอู๋หมิงอีกรอบ เท่าที่นางทราบอู๋หมิงศิษย์ของเซียนกระบี่อายุเยอะกว่านาง 2 ปี แต่มันกลับมาเรียกนางว่าอาวุโสๆเนี่ยนะ

 เช่นนั้นให้ข้าเรียกท่านว่าอะไร อู๋หมิงเลกคิ้วพลางถามออกไปโดยไม่ถือสาท่าทีโวยวายของหยุนฟางเลย

 เรียกข้าว่าหยุนฟางก็พอ หยุนฟางทำหน้ามุ่ยเล็กน้อย ไม่นึกเลยว่าจะมาเจอศิษย์ของเซียนกระบี่ที่นี่ เช่นนั้นนางจะท้าประลองมันดีหรือไม่ นางเองก็เสียดายไม่น้อยที่ไม่ได้สู้กับมันที่งานชุมนุม

บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 125 โจร?!

 

บุตรอสูรบรรพกาล

บุตรอสูรบรรพกาล

Status: Ongoing

ตุบ! เสียงบางอย่างตกลงมาจากที่สูงทำเอาภายใต้ช่องเขาแห่งนี้เกิดเสียงสะท้อนเลื่อนลั่นไปรอบบริเวณ แต่ถึงจะสร้างเสียงดังเพียงใดก็ไม่มีมนุษย์หน้าไหนอยู่บริเวณนี้ทั้งสิ้น

วูบ… ร่างสีขาวหมดจดร่างหนึ่งปรากฏยังตำแหน่งที่เสียงดังนั้นปรากฏ แม้จะไม่มีมนุษย์แต่สถานที่แห่งนี้กลับเป็นถิ่นที่อยู่ของอสูรตนหนึ่ง มันมีเรือนร่างแปลกพิสดาร ทั่วร่างเป็นสีขาวหม่นหมองทั้งร่าง รูปร่างของมันจะว่าเหมือนแมงมุมหรือก็ไม่ใช่ จะบอกว่าเหมือนมังกรหรือก็ไม่ชัดเจน ทุกคนต่างเรียกขานมันว่าฝันร้ายสีขาว มันเป็นตัวตนที่สร้างความหวาดกลัวให้ทั้งมนุษย์และอสูรด้วยกัน

แกร๊ก ทันทีที่ขาหนึ่งของมันก้าวมาถึงตำแหน่งเสียง ดวงตาทั้ง 8 ของมันก็จดจ้องไปยังร่างของเด็กชายที่ตกลงมาจากหน้าผาด้วยท่าทีประหลาดใจ เหตุใดมนุษย์ถึงไม่ตายหลังจากตกลงมาลึกขนาดนี้ ที่ๆมันอาศัยอยู่ถูกเรียกว่าผาไร้ก้น เพราะหากมองจากด้านบนจะไม่สามารถเห็นก้นเหวได้เลย แม้แต่มองจากก้นผาก็แทบจะเห็นท้องฟ้าเป็นเส้นด้ายเส้นบางๆเท่านั้น เพราะก้นผาแห่งนี้อยู่ลึกอย่างมาก

ขณะสงสัยอยู่ๆอสูรที่มีร่างกายสีขาวก็เริ่มอ้าปากของมันออกช้าๆ เขี้ยวราวกับแมงมุมของมันอ้าออกเผยให้เห็นปากอันกว้างใหญ่ที่หากจะกินเด็กชายตรงหน้าคงกระทำได้ด้วยการกลืนมันทั้งตัวในคำเดียวเท่านั้น แต่ขณะจะกินเด็กชายลงไปทั้งตัว ปากของมันพลันหยุดชะงัก ก่อนจะค่อยๆหุบกลับเช่นเดิม ดวงตาของมันเพ่งมองเด็กชายที่นอนสลบอยู่บนพื้นด้วยท่าทีนิ่งเฉย ร่างของมันแตกหักยับเยินราวกับตุ๊กตาดินที่ถูกบี้เละเทะ แขนขางองุ้ม ลำตัวแดงบ้างม่วงบ้าง แต่มันกลับยังหายใจอยู่ ด้วยร่างกายที่ยับเยินเช่นนี้มันกลับสามารถประคองชีวิตของมันเอาไว้ได้

 หรือจะเป็นโชคชะตากัน.. อสูรแมงมุมพูดออกมาพลางมองใบหน้าของเด็กชาย ทำไมมันถึงตกลงมาในที่แห่งนี้ได้ ทำไมมันถึงไม่ตาย แล้วทำไมมันถึงไม่คิดจะกินมันกัน…..

แม้แต่ตัวมันยังไม่สามารถหาคำตอบออกมาได้ . . . .

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท