บุตรอสูรบรรพกาล – ตอนที่ 136 น้ำท่วมปาก

ตอนที่ 136 น้ำท่วมปาก

 เมื่อคืนหลับสบายหรือเปล่า ในตอนเช้า ไป๋จูเหวินตื่นขึ้นมาเพราะเสียงของเหล่าอสูรที่พากันมายืนอยู่นอกระเบียงห้องของมัน เมื่อมองลงไปแล้วก็พบว่าในกลุ่มอสูรเหล่านั้นมีถังซินคอยต้อนพวกมันเอาไว้ไม่ให้พวกมันเข้ามารบกวน แต่เมื่อมันตื่นแล้วมันก็ได้แต่ลงไปทักทายเท่านั้น

 ขอรับ เป็นห้องที่สงบมาก ไป๋จูเหวินตอบ แม้จริงๆแล้วเมื่อคืนมันจะไม่ค่อยได้นอนเท่าไหร่ก็ตาม ไม่ใช่เพราะเสียงของอสูรหรือเพราะนอนต่างที่ แต่เพราะเรื่องที่ได้รู้ก่อนหน้านี้ต่างหาก

 ขอโทษด้วยนะที่ท่านพ่อลากเจ้าไปไหนมาไหนตลอด ถังซินพูดขณะใช้แปลงสีขาวคอยแปลงขนให้อสูรวัวที่มีขนยายทั้งตัวอย่างเอ็นดู ท่าทางงานดูแลเหล่าอสูรจะเป็นของถังซินสินะ

 ไม่หรอกขอรับ ไป๋จูเหวินนส่ายหน้าพลางมองเหล่าอสูรที่เข้ามาหาตนเอง

 องเพราะเห็นเจ้าแล้วทำให้ท่านนึกถึงน้องชายของข้าละมั้ง ถังซินพูดด้วยน้ำเสียงเบาจนแทบจะลอยหายไปตามลม แต่เสียงนั้นกลับทำให้ไป๋จูเหวินสนใจอย่างมาก

 น้องชาย? ไป๋จูเหวินถามด้วยสีหน้าประหลาดใจ

 ใช่…น้องชายของข้าอายุห่างกัน 3 ปี ตั้งแต่เด็กๆแล้วเขามักจะดึงดูดเหล่าอสูรให้เข้ามาหาตลอดเลย ถังซินเล่าพลางมองอสูรสุนัขที่เข้ามาดมฝ่ามือของไป๋จูเหวิน

 เขาก็เหมือนเจ้า ไม่ว่าจะยู่ที่ไหนเหล่าอสูรก็จะมาห้อมล้อมเสมอ ถังซินยิ้มพลางมองไป๋จูเหวินด้วยท่าทีเอ็นดู ความทรงจำที่นางมีต่อน้องชายค่อนข้างเลือนราง อาจจเพราะตอนนั้นนางเองก็ยังเด็ก แต่นางยังจำเรื่องที่น้องชายมักจะอยู่ท่ามกลางเหล่าอสูรได้ นั่นเพราะตระกูลถังของพวกนางมีความสามารถพิเศษเช่นนี้กันทุกคน เพียงแต่น้องชายของนางกลับมีพลังดึงดูดเหล่าอสูรได้รุนแรงมากจนน่าตกใจ

 แล้ว เขาอยู่ไหนงั้นเหรอ ไป๋จูเหวินถามออกไป เพราะเมื่อวานมันไม่ได้พบกับน้องชายของถังซินเลย

 น้องชายข้าหายตัวไปตั้งแต่อายุได้ไม่กี่ขวบ จนถึงตอนนี้ก็ยังหาไม่พบ ถังซินตอบพลางยิ้มออกมา พอนึกถึงเรื่องนั้นแล้วนางก็รู้สึกว่าไป๋จูเหวินช่างเหมือนน้องชายของนางจริงๆ

 งั้นเหรอ.. ไป๋จูเหวินนิ่งเงียบไปพลางปล่อยให้ถังซินดูแลสัตว์อสูรต่อโดยที่มันไม่ได้พูดอะไรอีก

ในมื้อเช้าหัวหน้าถังและถังหญิงต่างมารอที่โต๊ะอาหารอย่างพร้อมเพรียง ในวันนี้หัวหน้าถังและภรรยาต่างเอาอกเอาใจไป๋จูเหวินอย่างประหลาด ราวกับหัวหน้าถังได้บอกเรื่องบางอย่างกับภรรยามันในค่ำคืนที่ผ่านมาแล้ว

 ไป๋จูเหวิน เจ้าชอบกลุ่มผู้ฝึกอสูรหรือไม่ ในช่วงสาย หัวหน้าถังพาไป๋จูเหวินมาชมดูทุ่งเลี้ยงอสูรของกลุ่มผู้ฝึกอสูร ขณะกำลังเดินเล่นอยู่บนทุ่งหญ้าเขียวขจี หัวหน้าถังก็ถามคำถามแบบเลื่อนลอยนี้ออกมา

 ชอบขอรับ ไป๋จูเหวินตอบ คงไม่มีที่ใดใกล้ชิดกับอสูรเท่าที่แห่งนี้อีกแล้ว

 เช่นนั้นเจ้าจะมาอยู่ที่นี่หรือไม่ หัวหน้าถังถามพลางมองไป๋จูเหวินด้วยท่าทีคาดหวัง

 เกรงว่าจะไม่ได้ขอรับ ข้าตอนนี้เป็นคนของกลุ่มนักล่าอสูร คงมาอยู่ที่นี่ไม่ได้ ไป๋จูเหวินว่าพลางยิ้มอย่างอ่อนโยน

 ไม่เป็นไร ข้าจะคุยกับหวงหลงเอง หากเจ้าต้องการก็มาอยู่กับพวกข้าได้นะ หัวหน้าถังยังคงพยายามจะชักชวน แต่ไม่ว่าจะอย่างไรไป๋จูเหวินก็ไม่มีท่าทีจะยอมเลย ทำให้หัวหน้าถังเสียดายอย่างมาก

 ต้องขออภัยด้วยขอรับ ไป๋จูเหวินว่าพลางส่ายหน้าเบาๆ ตัวมันยามนี้ลำบากใจไม่น้อยเพราะทั้งหัวหน้าถังและภรรยาต่างเอาออกเอาใจมันกันอย่างมาก ตัวมันเองก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ทราบสาเหตุ จะเรียกว่าเห็นได้ชัดก็คงได้ว่าหัวหน้าถังกำลังคาดเดาว่ามันคือบุตรชายที่หายตัวไปของมันหรือไม่

ไม่ทราบเพราะอะไร เรื่องของไป๋จูเหวินถึงเหมือนเรื่องของบุตรชายของหัวหน้าถังนัก ทั้งหายตัวไปตั้งแต่เด็กและยังมีพลังดึงดูดใจอสุรอีกต่างหาก แม้แต่ตัวไป๋จูเหวินเองยังแอบคิดว่าตนเองจะเป็นบุตรชายของหัวหน้าถังหรือไม่ แน่นอนว่าเรื่องราวมันช่างลงล็อคจนไม่ว่าจะคิดอย่างไรก็เป็นเช่นนั้น หากแต่ว่าก่อนที่จะเข้ามายังนครลับฟ้า ไป๋จูเหวินได้พูดคุยกับอสูรตนหนึ่งมาเสียก่อน

 ท่านหัวหน้า ตอนบ่ายข้าขอตัวสักครู่จะได้หรือไม่ ไป๋จูเหวินถามขณะอยู่บนโต๊ะอาหาร

 ได้สิ..  หัวหน้าถังรับคำอย่างเรียบง่าย ท่าทางมันจะตอแยไป๋จูเหวินมากเกินไปเสียแล้ว

 ขอบคุณขอรับ ไป๋จูเหวินว่าพลางยิ้มรับ ก่อนที่มันจะฝากหลินหลินให้หงเยว่ดูแลแล้วออกเดินทางไปจากเมืองแต่เพียงลำพัง

ไป๋จูเหวินใช้ความเร็วมากกว่าปกตินิดหน่อยเพื่อวิ่งมาถึงหน้าผาริมทะเล จุดนี้เป็นจุดที่หัวของอสูรเต่ายักษ์อยู่นั่นเอง

 เจ้ามาหาข้างั้นหรือ เพียงไป๋จูเหวินเดินมาใกล้ขอบหน้าผา หัวขนาดใหญ่ที่แทบจะบดบังท้องฟ้าเอาไว้จนมิดก็ลอยตัวขึ้นมาจากน้ำ หากมันหายใจแรงๆตัวไป๋จูเหวินคงจะถูกดูดเข้าไปในจมูกอย่างแน่นอน

 ท่านลุงเต่า ไป๋จูเหวินว่าพลางนั่งลงที่ขอบหน้าผา

 ใครบอกให้เจ้าเรียกข้าว่าลุงกัน เต่ายักษ์ว่าพลางเป่าลมออกมาจากปากเล็กน้อย ทำเอาร่างของไป๋จูเหวินแทบจะปลิว

 ก็ท่านอายุเยอะกว่ามารดาข้า หรือว่าท่านไม่อยากให้เรียกเช่นนั้น ไป๋จูเหวินถามด้วยดวงตาใสซื่อ ทำเอาอสูรเต่ายักษ์เงียบไปครู่หนึ่ง

 แล้ว…มีเรื่องอะไรถึงมาหาข้า อสูรเต่ายักษ์ถามโดยไม่ได้ตอบคำถามก่อนหน้านี้

 ท่านบอกว่า ข้าเป็นลูกหลานของหวังเฉียนใช่หรือไม่ ไป๋จูเหวินว่าพลางมองดวงตาสีดำสนิทของอสูรเต่ายักษ์นิ่ง ดวงตาของมันใหญ่จนสามารถส่องเงาของไป๋จูเหวินได้อย่างเหลือเฟือ

 ใช่ พลังที่เอ่อล้นออกมาจากตัวของเจ้า เป็นพลังแบบเดียวกับนางอย่างไม่ต้องสงสัย อสูรเต่ายักษ์ตอบ แม้แต่ตัวมันก็ยังไม่สามารถต่อต้านพลังของหวังเฉียนได้ ซึ่งไป๋จูเหวินก็ไม่ต่างกัน พลังดึงดูดที่มีต่ออสูรนอกจากหวังเฉียนแล้วก็พึ่งจะมีไป๋จูเหวินนี่เอง

 ท่านบอกข้าว่า นอกจากหวังเฉียนแล้ว พึ่งจะมีข้าที่มีลังเช่นนี้….. ไป๋จูเหวินถามพลางกลั้นใจครู่หนึ่ง

 เช่นนั้น เมื่อสิบปีก่อนท่านก็ไม่ได้สัมผัสถึงพลังของข้าเลยงั้นเหรอ ไป๋จูเหวินเลือกที่จะถามออกไป คนของตระกูลถังแม้จะมีพลังดึงดูดเหล่าอสูร แต่ก็เลือนรางอย่างมากเมื่อเทียบกับหวังเฉียนหรือแม้กับไป๋จูเหวิน การที่หวังเฉียนเป็นบรรพบุรุษของตระกูลถังนับว่าไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าไป๋จูเหวินจะต้องเป็นบุตรชายของหัวหน้าถังแต่อย่างไร

 ไม่ พลังของเจ้าเด่นชัดเช่นนี้ เพียงเข้ามาใกล้ข้าก็สัมผัสได้แล้ว มีหรือที่ข้าจะสัมผัสพลังของเจ้าไม่ได้เวลาที่เจ้าอยู่บนหลังของข้า อสูรเต่าตอบออกมา

 ท่านรู้จักบุตรชายของหัวหน้าถังหรือไม่ท่านลุง ได้ยินเช่นนั้นไป๋จูเหวินก็ถามคำถามออกไปเพิ่มด้วยความสงสัย

 แน่นอนว่าข้าต้องรู้ ก่อนหน้านี้มันถือกำเนิดในเมืองลับฟ้า เติบโตมาท่ามกลางเหล่าอสูร มันมีพลังดึงดูดอสูรมากที่สุดเท่าที่ข้าเคยสัมผัสมา แต่นั่นก็ไม่ถึง1 ใน 100 ส่วนของเจ้าเสียด้วยซ้ำ อสูรเต่ายักษ์ว่าพลางส่ายหัวเบาๆ

 แล้วบุตรชายของหัวหน้าถังหายไปไหนกัน ไป๋จูเหวินถามต่อ แม้เรื่องที่มันอยากจะทราบก็ถามจนไม่มีจ้อจ้องใจแล้วก็ตาม

 ตายไปแล้ว เต่ายักษ์ตอบเสียงเรียบราวกับไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร แต่เพียงเท่านั้นก็ทำให้ไป๋จูเหวินนิ่งไปหลายอึดใจ เด็กอาบุไม่กี่ขวบหายไปนานนับสิบปี หากไม่โชคดีเช่นไป๋จูเหวินโอกาสรอดตายก็คงหาได้ยากมากแล้ว

 ข้าเข้าใจแล้ว ขอบคุณมากท่านลุง ไป๋จูเหวินว่าพลางยิ้มด้วยสีหน้าเศร้าๆ ท่าทางหัวหน้าถังจะยังรับไม่ได้ที่บุตรชายจากไปแล้ว มันเลยพยายามคิดว่าไป๋จูเหวินจะเป็นบุตรชายที่หายไปหรือไม่ แล้วตัวมันล่ะควรทำเช่นไร

หลังจากกลับไปยังปราสาทของหัวหน้าถัง ทั้งตัวหัวหน้าถังทั้งภรรยาต่างเอาอกเอาใจไป๋จูเหวินไม่ขาด เช่นเดียวกับในตอนเช้า พวกมันต่างพยายามเสนอความงดงามของเมืองลับฟ้าทั้งข้อดีของเหล่าผู้ฝึกอสูร

 เวลาช่างผ่านไปรวดเร็วจริงๆ หัวหน้าถังว่าพลางเดินมาส่งไป๋จูเหวินและเหม่ยหลินที่ท่าเรือ ในวันนี้พวกมันต้องกลับไปยังเมืองร้อยอสูรแล้ว

 เอาไว้หลังจากนี้ก็มาเที่ยวอีกได้นะ ถังหญิงว่าพลางมองไป๋จูเหวินด้วยท่าทีอ่อนโยน ทำเอาตัวไป๋จูเหวินพูดไม่ออกว่าตนเองนั้นไม่ใช่บุตรชายของทั้งสอง ยิ่งเห็นทั้งสองมีความสุขอย่างมากที่ได้เลี้ยงดูไป๋จูเหวิน ตัวไป๋จูเหวินก็ยิ่งพูดไม่ออก

 เช่นนั้นข้าขอตัวลาขอรับ ไป๋จูเหวินว่าพลางประสานมือให้กับหัวหน้าถังและภรรยา

 เดินทางปลอดภัยนะจะ ถังหญิงว่าพลางลูบบ่าของไป๋จูเหวินเบาๆ ดวงตาของนางช่างเต็มไปด้วยความเอ็นดู

 ขอรับ ไป๋จูเหวินรับคำก่อนจะเดินตามเหม่ยหลินและเหล่าอสูรขึ้นไปบนเรือ จนกระทั่งเรือแล่นออกไปจนลับสายตา หัวหน้าถังและภรรยาก็ยังมองส่งมันไม่ไปไหน ทำให้ตัวไป๋จูเหวินได้แต่ยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ ตัวมันมีท่านน้าตั้งมากมายแล้ว มันคิดเสียว่ามันได้พ่อแม่บุญธรรมเพิ่มมาก็คงไม่เสียหาย

บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 136 น้ำท่วมปาก

 

บุตรอสูรบรรพกาล

บุตรอสูรบรรพกาล

Status: Ongoing

ตุบ! เสียงบางอย่างตกลงมาจากที่สูงทำเอาภายใต้ช่องเขาแห่งนี้เกิดเสียงสะท้อนเลื่อนลั่นไปรอบบริเวณ แต่ถึงจะสร้างเสียงดังเพียงใดก็ไม่มีมนุษย์หน้าไหนอยู่บริเวณนี้ทั้งสิ้น

วูบ… ร่างสีขาวหมดจดร่างหนึ่งปรากฏยังตำแหน่งที่เสียงดังนั้นปรากฏ แม้จะไม่มีมนุษย์แต่สถานที่แห่งนี้กลับเป็นถิ่นที่อยู่ของอสูรตนหนึ่ง มันมีเรือนร่างแปลกพิสดาร ทั่วร่างเป็นสีขาวหม่นหมองทั้งร่าง รูปร่างของมันจะว่าเหมือนแมงมุมหรือก็ไม่ใช่ จะบอกว่าเหมือนมังกรหรือก็ไม่ชัดเจน ทุกคนต่างเรียกขานมันว่าฝันร้ายสีขาว มันเป็นตัวตนที่สร้างความหวาดกลัวให้ทั้งมนุษย์และอสูรด้วยกัน

แกร๊ก ทันทีที่ขาหนึ่งของมันก้าวมาถึงตำแหน่งเสียง ดวงตาทั้ง 8 ของมันก็จดจ้องไปยังร่างของเด็กชายที่ตกลงมาจากหน้าผาด้วยท่าทีประหลาดใจ เหตุใดมนุษย์ถึงไม่ตายหลังจากตกลงมาลึกขนาดนี้ ที่ๆมันอาศัยอยู่ถูกเรียกว่าผาไร้ก้น เพราะหากมองจากด้านบนจะไม่สามารถเห็นก้นเหวได้เลย แม้แต่มองจากก้นผาก็แทบจะเห็นท้องฟ้าเป็นเส้นด้ายเส้นบางๆเท่านั้น เพราะก้นผาแห่งนี้อยู่ลึกอย่างมาก

ขณะสงสัยอยู่ๆอสูรที่มีร่างกายสีขาวก็เริ่มอ้าปากของมันออกช้าๆ เขี้ยวราวกับแมงมุมของมันอ้าออกเผยให้เห็นปากอันกว้างใหญ่ที่หากจะกินเด็กชายตรงหน้าคงกระทำได้ด้วยการกลืนมันทั้งตัวในคำเดียวเท่านั้น แต่ขณะจะกินเด็กชายลงไปทั้งตัว ปากของมันพลันหยุดชะงัก ก่อนจะค่อยๆหุบกลับเช่นเดิม ดวงตาของมันเพ่งมองเด็กชายที่นอนสลบอยู่บนพื้นด้วยท่าทีนิ่งเฉย ร่างของมันแตกหักยับเยินราวกับตุ๊กตาดินที่ถูกบี้เละเทะ แขนขางองุ้ม ลำตัวแดงบ้างม่วงบ้าง แต่มันกลับยังหายใจอยู่ ด้วยร่างกายที่ยับเยินเช่นนี้มันกลับสามารถประคองชีวิตของมันเอาไว้ได้

 หรือจะเป็นโชคชะตากัน.. อสูรแมงมุมพูดออกมาพลางมองใบหน้าของเด็กชาย ทำไมมันถึงตกลงมาในที่แห่งนี้ได้ ทำไมมันถึงไม่ตาย แล้วทำไมมันถึงไม่คิดจะกินมันกัน…..

แม้แต่ตัวมันยังไม่สามารถหาคำตอบออกมาได้ . . . .

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท