บุตรอสูรบรรพกาล – ตอนที่ 144 คลุ้มคลั่ง

ตอนที่ 144 คลุ้มคลั่ง

ตอนที่ 144

คลุ้มคลั่ง

วูมมมมมม….พลังอสูรที่น่ากลัวไหลออกมาจากร่างของไป๋จูเหวินทีละน้อย พลังเช่นนี้มีกลิ่นอายของมารดามันอย่างชัดเจนจนทำเอาเหล่าอสูรรอบๆพากันบินหายไปจนหมด

 …. อสูรตะขาบเองก็ชะงักค้างไปเมื่อเห็นดวงตาสีดำสนิทของไป๋จูเหวิน ความรู้สึกน่าหวาดกลัวแล่นเข้ามาในโสดประสาทของนางอย่างรุนแรงจนนางรู้สึกอยากจะหนีไปทั้งๆที่ไป๋จูเหวินมีพลังร้อยกว่านางอยู่ 2 ขั้นแท้ๆ

ฟุบ… ร่างของไป๋จูเหวินพุ้งทะยานไปข้างหน้าจนแม้แต่อสูรตะขาบยังมองไม่ทัน ฝ่ามืออัสนีข้ามฟ้าแม้แต่เหล่ายอดฝีมือระดับเทียนเซียนขั้นที่ 10 บังมองตามแทบไม่ทัน มีหรือที่อสูรตะขาบจะสามารถตามทันได้

เปรี้ยง! ใบหน้าของอสูรตะขาบโดนซัดอย่างรุนแรง แต่น่าเสียดายที่เกราะของมันกลับหนาจนไม่สามารถโจมตีเข้า

เปรี้ยง! ไป๋จูเหวินซัดฝ่ามือซ้ำลงไปในจุดเดิมอย่างรวดเร็วด้วยท่าฝ่ามือตราประทับอัสนีเพื่อส่งแรงลงไปยังร่างภายนของอสูรตะขาบ

 กีสสสส ภายในของอสูรตะขาบไม่ได้แข็งแกร่งอย่างเกราะภายนอก เมื่อโดนส่งพลังผ่านเกราะเข้าไปโจมตีหัวของนางก็สั่นอย่างรุนแรงพร้อมส่งเสียงร้องน่าสยองออกมา

ตูม! ไป๋จูเหวินเล็งไปที่ดวงตาของอสูรตะขาบก่อนจะซัดฝ่ามือเพลิงพิโรธออกไปเต็มแรง

 กีสสส ดวงตาเล็กๆของตะขาบนับเป็นจุดอ่อนหนึ่งของนางเช่นกัน พริบตานั้นนางแทบล้มลงนอนด้วยท่าทีเจ็บปวด แต่ไป๋จูเหวินราวกับจะไม่หยุดแค่นั้น

ตูม! ฝ่ามือเพลิงพิโรธถูกซัดออกมาอีกครั้งทำเอาอสรตะขาบรู้สึกเจ็บปวกรวดร้าวเป็นอย่างมาก ไม่นึกเลยว่าไป๋จูเหวินจะโจมตีได้รุนแรงขนาดนี้

วูมมมมม อยู่ๆผืนดินรอบๆตัวไป๋จูเหวินก็ราวกับจะลอยขึ้นมากลางอากาศ ก่อนที่ไป๋จูเหวินจะซัดอีกฝ่ามือออกมาใส่เขี้ยวของอสูรตะขาบ

ตูม!!! ฝ่ามือเพลิงผลาญคล้อยสำนึกซัดใส่เขี้ยวข้างหนึ่งของอสูรตะขาบอย่างรุนแรงจน ทำเอาเขี้ยวของนางกระเด็นหลุดออกมาทันที

 กีสสสสส อสูรตะขาบร้องและดิ้นทุรนทุรายไปมาบนพื้นทำให้เกิดฝุ่นควันเป็นจำนวนมาก พริบตานั้นดวงตาของมันก็สบเข้ากับดวงตาสีดำสนิทของไป๋จูเหวินทำเอานางเย็นหลังวาบเพราะความกลัวที่แล่นเข้ามาในสมอง ยามนี้ไป๋จูเหวินไม่มีท่าทีจะออมมือเลย แถมพลังอสุรที่ควรหมดไปแล้วจากการใช้ฝ้ามือเพลิงผลาญคล้อยสำนึกกลับเพิ่มพูนขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

วูบบบ ร่างกายของไป๋จูเหวินยามนี้เปลี่ยนเป็นสีขาวขุ่นทั้งร่าง แถมรอบตัวมันยังมีแสงสีทองส่องประกายออกมาอีกต่างหาก นั่นคือเกราะของมารดาและการฟื้นฟูของพลังธาตุศักดิ์สิทธิ์นั่นเอง

วูมมม ไป๋จูเหวินสะสมพลังเพื่อใช้ท่าฝ่ามือเพลิงผลาญคล้อยสำนึกอีกครั้ง แต่คราวนี้อสูรตะขาบไม่ปล่อยให้ไป๋จูเหวินโจมตีได้โดนตรง นางพยายามหลบไปด้านหลัง แต่ด้วยร่างกายใหญ่โตของนางทำให้การหลบแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย

ตูม!!! ฝ่ามือเพลิงผลาญคล้อยสำนึกส่งแรงกระแทกอย่างรุนแรงเข้าใส่ร่างของอสูรตะขาบ ทำเอาขาของมันหักหลุดลงมาบนพื้นไปข้างหนึ่ง

ตูม! อสูรตะขาบทนความเจ็บปวดไม่ไหวตะหวัดหางโจมตีไป๋จูเหวินไปครั้งหนึ่ง แต่ไป๋จูเหวินก็สามารถหลบหางของนางได้อย่างง่ายดายก่อนจะกระโดดมายืนบนร่างของนางพร้อมยกฝ่ามือขึ้นสองข้าง

เปรี้ยงงง!! ฝ่ามือตราประทับอัสนีเมื่อใช้ 2 ข้างพร้อมกันรวมเป็นฝ่ามืออัสนีคู่ดับฟ้า พริบตาที่พลังโจมตีสองกระแสไหลเข้าไปในร่างของนางมันก็กระทบกันก่อนจะระเบิดภายในร่างของนางอย่างรุนแรงทำเอาเลือดสีเขียวไหลออกมาจากปากของนางในทันที

 อย่า อสูรตะขาบถอยห่างจากไป๋จูเหวินอย่างรวดเร็ว ทั้งๆที่อีกฝ่ายพลังด้อยกว่านางแท้ๆ ทำไมถึงได้ดุดันถึงเพียงนี้

ตูม!! ฝ่ามือเพลิงผลาญคล้อยสำนึกของไป๋จูเหวินกระแทกเข้าไปที่ขาข้างหนึ่งของนางอีกครั้ง ทำเอาขาของนางหายไปอีกข้าง พริบตานั้นดวงตาของอสูรตะขาบก็เบิดกว้าง ไป๋จูเหวินโจมตีหนักหน่วงรุนแรงและต่อเนื่องถึงเพียงนี้ มันกลับไม่มีท่าทีจะหมดแรงเลย แถมพลังอสูรของมันยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆเช่นเดียวกับพลังวิญญาณที่ช่วยโอบอุ้มพลังอสูรอีกที ราวกับพลังของมันจะเพิ่มขึ้นอย่างไรขีดจำกัดก็ไม่ปาน

ตูม! แต่เดิมฝ่ามือเพลิงผลาญคล้อยสำนึกไป๋จูเหวินต้องใช้เคล็ดวิชาอสูรวัฒนะร่วมกับเคล็ดวิชาโลหิตมังกรเพื่อเร่งเร้าพลังให้มากพอเพื่อจะปล่อยฝ่ามือชุดนี้ออกมาได้ แต่ในยามที่สติของไป๋จูเหวินขาดผึง ราวกับมันสูบเอาพลังทั้งหมดของมันออกมาจนมันสามารถใช้ฝ่ามือเพลิงผลาญคล้อยสำนึกได้ตามต้องการเลยทีเดียว

 กีสสส อสูรตะขาบพยายามจะหนี แต่น่าเสียดายความเร็วของนางไม่อาจเทียบการพุ่งโจมตีของท่าฝ่ามืออัสนีข้ามฟ้าได้ เพียงพริบตาเดียวร่างของไป๋จูเหวินก็มายืนอยู่ตรงหน้านางแล้ว

ตูม!! ยามนี้ไป๋จูเหวินซัดฝ่ามือเพลิงผลาญคล้อยสำนึกราวกับมันไม่สิ้นเผลืองพลังเลยเสียด้วยซ้ำ แต่อย่าลืมว่ายามนี้ไป๋จูเหวินยังไม่ได้ใช้เคล็ดวิชาอสูรวัฒนะหรือเคล็ดโลหิตมังกรเลยเสียด้วยซ้ำ

วูมมม ยังไม่ทันไรร่างของไป๋จูเหวินก็ปรากฏสีแดงขึ้นมาแทนที่ขาวขุ่นก่อนหน้านี้ นั่นหมายความว่าตัวไป๋จูเหวินนั้นได้เริ่มใช้เคล็ดวิชาโลหิตมังกรแล้ว

ตูม!!! ฝ่ามือเพลิงผลาญคล้อยสำนึกโจมตีอย่างต่อเนื่อง ทำเอาอสูรตะขาบเสียกระบวนอย่างรุนแรง

วูมมม แม้อสูรตะขาบสัมผัสพลังวิญญาณของไป๋จูเหวินไม่ได้ แต่นางสามารถสัมผัสพลังอสูรของไป๋จูเหวินได้เป็นอย่างดี พริบตานั้นพลังที่เพิ่มพูนเรื่อยๆของไป๋จูเหวินก็เพิ่มขึ้นอย่างกะทันหัน ทำเอาดวงตาของอสูรตะขาบเบิกกว้างด้วยความตกใจ

วูม…คราวนี้ไม่ใช่ฝ่ามือเพลิงผลาญอีกแล้ว พลังอสูรที่พลั่งไหลกันเข้าไปในฝ่ามือของไป๋จูเหวินยามนี้น่าหวาดหวั่นเป็นอย่างมาก แทบไม่ต้องคิดอสูรตะขาบหันหลังเผ่นหนีในทันที

กึดดด ใยแมงมุมของไป๋จูเหวินดึงร่างของอสูรตะขาบเอาไว้เพื่อไม่ให้นางหนีไป แต่เพราะไป๋จูเหวินผูกใยแมงมุมเอาไว้กับหินและต้นไม้แถวๆนั้นทำให้อสูรตะขาบยังสามารถดึงจนพวกมันลอยจากดินได้ แต่น่าเสียดายที่ไป๋จูเหวินสามารถรวมรวมพลังลงบนฝ่ามือของมันได้ก่อน

ตูม!!! ฝ่ามือที่ไป๋จูเหวินไม่คิดว่าจะสามารถใช้ได้จนถึงตอนนี้ถูกซัดออกมาด้วยพลังอสูรและพลังวิญญาณทั้งหมดที่ไป๋จูเหวินมี

 กีสสสส ราวกับโดนฟาดใส่อย่างรุนแรง ร่างของอสูรตะขาบลอยหวือขึ้นไปบนท้องฟ้า แรงฉีกกระชากที่เกิดจากพลังฝ่ามือเทียบไม่ได้เลยกับฝ่ามือเพลิงพิโรธหรือฝ่ามือเพลิงผลาญคล้อยสำนึก กระบวนท่ารุนแรงเช่นนี้จะเป็นของใครไปไม่ได้นอกเสียจากท่าของน้าราชสีห์ซึ่งมีชื่อท่าว่าฝ่ามือเพลิงสังหาร มันเป็นกระบวนท่าที่รุนแรงที่สุดและใช้พลังมากที่สุดของชุดฝ่ามือนี้เลยก็ว่าได้

ตูมมม ร่างของอสูรตะขาบตกลงมาบนพื้นเบื้องล่างพร้อมร่างกายที่แหว่งรุ่งริ่ง ขาของมันเหลือแทบไม่ถึงครึ่ง แม้จะยังมีปล้องลำตัวครบถ้วนแต่ก็เกิดรอยฉีกขาดจำนวนมากตามข้อต่อ ทำให้ทั่วร่างของมันเต็มไปด้วยเลือดสีเขียว

ตุบ…ขณะกำลังเรียบเรียงเรื่องราวในสมอง อสูรตะขาบก็พลันเห็นไป๋จูเหวินเดินเข้ามาใกล้มันมากขึ้นๆ ทำให้มันได้แต่หลับตาลง..

 คุณชาย ก่อนที่ไป๋จูเหวินจะซ้ำฝ่ามือลงไปที่ร่างของอสูรตะขาบ เสียงของหงเยว่ที่อยู่ด้านหลังก็ดังขึ้น นางฟื้นขึ้นมาก่อนที่ไป๋จูเหวินจะปิดฉากอสูรตะขาบไปเพียงครู่เดียวเท่านั้น

 ….. ไป๋จูเหวินไม่ได้พูดอะไร มันเพียงหอบหายใจหนักๆออกมาพลางหลับตาลงอย่างเช่นเคย มันไม่ได้ลงมือทำร้ายอสูรตะขาบต่อแต่อย่างไร มันเพียงหันหลังกลับพร้อมพลังอสูรที่เริ่มลดลงมาตามปกติอีกครั้ง

 หงเยว่ เจ้าไม่เป็นอะไรสินะ ไป๋จูเหวินว่าพลางเดินกลับมายืนตรงหน้าหงเยว่ที่เริ่มลุกขึ้นยืนอีกครั้ง

 จะ เจ้าค่ะ ข้าแค่หมดสติไปเท่านั้น หงเยว่ตอบพลางมองสภาพสวนเบญจมาศตรงหน้า

 อืม… ไป๋จูเหวินถอนหายใจอย่างโล่งอกก่อนจะเลื่อนมือไปสัมผัสขาสีดำของหงเยว่ช้าๆ

 กลับกันเถอะ  ไป๋จูเหวินว่าพลางกระโดดขึ้นไปบนหลังของหงเยว่ ยามนี้อสูรตะขาบไม่สามารถลงมือทำอะไรไป๋จูเหวินได้อีกแล้ว นางไม่เหลือแรงพอที่จะขยับตัวเสียด้วยซ้ำ

 คุณชาย ท่านเหนื่อยมากแล้ว ท่านพักผ่อนเถอะ หงเยว่ว่าพลางเร่งเดินออกจากเขตอสูรสวนเบญจมาศไป

 คุณชาย… หงเยว่พยายามเรียกไป๋จูเหวิน แต่ไม่นานร่างของไป๋จูเหวินก็ล้มลงนอนบนร่างของหงเยว่อย่างหมดแรง มันเองก็ไม่ทราบเช่นกันว่าก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้น มันรู้แต่เพียงว่าพลังมากมายมหาศาลมันเอ่อล้นออกมาอย่างไร้ขีดจำกัด และตนเองก็สามารถควบคุมพลังนั้นได้อย่างอิสระ แต่พอจบการต่อสู้พลังก็รั่วไหลออกไปจนหมด ทำให้ไป๋จูเหวินสลบไปในทันทีที่รู้สึกปลอดภัยแล้ว

บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 144 คลุ้มคลั่ง

 

บุตรอสูรบรรพกาล

บุตรอสูรบรรพกาล

Status: Ongoing

ตุบ! เสียงบางอย่างตกลงมาจากที่สูงทำเอาภายใต้ช่องเขาแห่งนี้เกิดเสียงสะท้อนเลื่อนลั่นไปรอบบริเวณ แต่ถึงจะสร้างเสียงดังเพียงใดก็ไม่มีมนุษย์หน้าไหนอยู่บริเวณนี้ทั้งสิ้น

วูบ… ร่างสีขาวหมดจดร่างหนึ่งปรากฏยังตำแหน่งที่เสียงดังนั้นปรากฏ แม้จะไม่มีมนุษย์แต่สถานที่แห่งนี้กลับเป็นถิ่นที่อยู่ของอสูรตนหนึ่ง มันมีเรือนร่างแปลกพิสดาร ทั่วร่างเป็นสีขาวหม่นหมองทั้งร่าง รูปร่างของมันจะว่าเหมือนแมงมุมหรือก็ไม่ใช่ จะบอกว่าเหมือนมังกรหรือก็ไม่ชัดเจน ทุกคนต่างเรียกขานมันว่าฝันร้ายสีขาว มันเป็นตัวตนที่สร้างความหวาดกลัวให้ทั้งมนุษย์และอสูรด้วยกัน

แกร๊ก ทันทีที่ขาหนึ่งของมันก้าวมาถึงตำแหน่งเสียง ดวงตาทั้ง 8 ของมันก็จดจ้องไปยังร่างของเด็กชายที่ตกลงมาจากหน้าผาด้วยท่าทีประหลาดใจ เหตุใดมนุษย์ถึงไม่ตายหลังจากตกลงมาลึกขนาดนี้ ที่ๆมันอาศัยอยู่ถูกเรียกว่าผาไร้ก้น เพราะหากมองจากด้านบนจะไม่สามารถเห็นก้นเหวได้เลย แม้แต่มองจากก้นผาก็แทบจะเห็นท้องฟ้าเป็นเส้นด้ายเส้นบางๆเท่านั้น เพราะก้นผาแห่งนี้อยู่ลึกอย่างมาก

ขณะสงสัยอยู่ๆอสูรที่มีร่างกายสีขาวก็เริ่มอ้าปากของมันออกช้าๆ เขี้ยวราวกับแมงมุมของมันอ้าออกเผยให้เห็นปากอันกว้างใหญ่ที่หากจะกินเด็กชายตรงหน้าคงกระทำได้ด้วยการกลืนมันทั้งตัวในคำเดียวเท่านั้น แต่ขณะจะกินเด็กชายลงไปทั้งตัว ปากของมันพลันหยุดชะงัก ก่อนจะค่อยๆหุบกลับเช่นเดิม ดวงตาของมันเพ่งมองเด็กชายที่นอนสลบอยู่บนพื้นด้วยท่าทีนิ่งเฉย ร่างของมันแตกหักยับเยินราวกับตุ๊กตาดินที่ถูกบี้เละเทะ แขนขางองุ้ม ลำตัวแดงบ้างม่วงบ้าง แต่มันกลับยังหายใจอยู่ ด้วยร่างกายที่ยับเยินเช่นนี้มันกลับสามารถประคองชีวิตของมันเอาไว้ได้

 หรือจะเป็นโชคชะตากัน.. อสูรแมงมุมพูดออกมาพลางมองใบหน้าของเด็กชาย ทำไมมันถึงตกลงมาในที่แห่งนี้ได้ ทำไมมันถึงไม่ตาย แล้วทำไมมันถึงไม่คิดจะกินมันกัน…..

แม้แต่ตัวมันยังไม่สามารถหาคำตอบออกมาได้ . . . .

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท