ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座) – บทที่ 85 ผู้พิทักษ์แห่งเม็ก

บทที่ 85 ผู้พิทักษ์แห่งเม็ก
บทที่ 85 ผู้พิทักษ์แห่งเม็ก
ในช่วงสิ้นปีของทุก ๆ ปี ถือเป็นวันที่คึกคักที่สุดของทุกตระกูลและทุกครัวเรือน
ทุกบ้านจะบอกลาปีเก่าและต้อนรับปีใหม่ บรรดาพ่อค้าต้องทำการปิดบัญชีประจำปี ผู้ที่จำเป็นต้องได้รับรางวัลจะได้รับรางวัล ผู้ที่จำเป็นต้องได้รับความชอบก็จะได้รับความชอบ เจ้าหน้าที่ของรัฐเองก็จำเป็นต้องได้รับการปรับเปลี่ยน ผู้ที่จำเป็นต้องได้รับการเลื่อนตำแหน่งก็จะได้รับการเลื่อนขั้น และผู้ที่จำเป็นต้องถูกลดขั้นก็จะถูกลดตำแหน่ง
ตระกูลใหญ่ทั้งหลายต่างเตรียมความพร้อมสำหรับการประเมินในช่วงสิ้นปีของตระกูล เพื่อประเมินและคัดกรองลูกหลานรุ่นเยาว์ที่ดีที่สุด ผู้ที่จำเป็นต้องได้รับการยกย่องจะได้รับการยกย่อง และผู้ที่ต้องถูกตำหนิก็ถูกตำหนิ
ก่อนที่ซูเฉินจะกลับมาจากเทือกเขาสีเลือด ตระกูลซูได้เริ่มการเตรียมการสำหรับการประเมินสิ้นปีไว้แล้ว
นี่เป็นการพบกันของรุ่นที่ 3 จากทั่วทั้งตระกูลซู นอกจากนี้ยังเป็นโอกาสให้พวกเขาได้เปรียบเทียบศิลปะการต่อสู้และทักษะ เพื่อแสดงให้เห็นถึงความสามารถไม่มีใครเทียบได้ของพวกเขา
ไม่ใช่แค่อันดับสูงสุดเท่านั้นที่ดึงดูดผู้คน เพราะในขณะรุ่นเยาว์ที่แข็งแกร่งกำลังแข่งขันกันเพื่อชิงอันดับสูงสุด พวกเขาก็แข่งขันกันเพื่อคงสถานะของตัวเองไปด้วยเช่นกัน เมื่อใดก็ตามที่ใกล้จะถึงสิ้นปี ทุกคนจะทำงานกันอย่างหนัก หมกมุ่นอยู่กับการฝึกฝน เตรียมการครั้งสุดท้ายสำหรับการต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่
ซูถง หลานชายผู้เป็นที่รักของผู้อาวุโสใหญ่ของตระกูลซู ได้อันดับสามในการแข่งขันครั้งล่าสุด บางทีเขาอาจได้รับแรงบันดาลใจจากซูเฉิน ไม่นานมานี้เขาเองก็มุ่งหน้าไปยังเทือกเขาสีเลือดเช่นกัน แน่นอนว่าซูถงไม่ได้ไปเพราะถูกลงโทษ และเขาก็ได้รับการคุ้มกันซึ่งช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้เขาอย่างมากด้วยเช่นกัน แม้ว่าซูถงอาจจะได้รับประสบการณ์ไม่มากพอ แต่เมื่อเขาออกมาจากเทือกเขาสีเลือด นิสัยใจคอของเขาโดยรวมจะต้องแข็งแกร่งขึ้นอย่างแน่นอน
ซูหลิงเอ่อร์หลานสาวของผู้อาวุโสสี่ตระกูลซู ปีนี้นางมีอายุ 14 ปี ปีที่แล้วนางได้ไปที่ตระกูลของแม่นางและเพิ่งกลับมาเมื่อไม่นานมานี้ ความแข็งแกร่งของนางเพิ่มขึ้นจากชั้นที่ 7 ของด่านหลอมกายาไปเป็นขั้นที่ 8
เป้าหมายของเธอไม่ใช่การได้รับอันดับสูงสุดในปีนี้ แต่เป็นปีหน้า ในเวลานั้นซูเฉิน ซูชิงและคนอื่น ๆ จะมีอายุมากกว่า 16 ปีและจะไม่สามารถเข้าร่วมการแข่งขันได้ ในเวลานั้นสมาชิกที่แข็งแกร่งที่สุดของรุ่นที่ 3 แห่งตระกูลซูจะตกเป็นของซูหลิงเอ่อร์อย่างแน่นอน
นอกจากนี้ซูเยว่ ซูซิ่งและสมาชิกคนอื่น ๆ ของตระกูลซู พวกเขาต่างก็ดิ้นรนพยายามอย่างหนักในแบบของตัวเอง
แน่นอนว่า 2 คนที่โดดเด่นและได้รับความสนใจมากที่สุดก็ยังคงเป็นซูเฉินกับซูชิง
ทางด้านของซูเฉินนั้นไม่จำเป็นต้องพูดอะไรให้มากมาย นับตั้งแต่กลับมาจากเทือกเขาสีเลือดครั้งที่ 2 เด็กหนุ่มก็กลายเป็นผู้เปล่งประกายที่สุดในบรรดารุ่นที่ 3 ของตระกูลซู ไม่มีใครกล้าทำให้เขาอับอายเพราะเขา “ตาบอด” อีกต่อไป
สำหรับซูชิง เขานั้นได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
ไม่มีใครรู้ว่าซูชิงหายไปไหน ทว่าจากการแสดงออกของซูเค่อจี่ ทุกคนสามารถบอกได้ว่าเขามั่นใจเกี่ยวกับผลการประเมินในช่วงปลายปีนี้อย่างมาก
12 วันนับตั้งแต่ที่ซูเฉินกลับมาจากหุบเขาเงา ก็เหลือเวลาอีกเพียงแค่ 3 วันก่อนจะถึงการประเมินสิ้นปี
วันนี้ซูเฉินก็กำลังฝึกฝนอยู่ที่ภูเขาด้านหลังตามปกติ
ไม่เหมือนคนอื่น ๆ ซูเฉินฝึกฝนเพียงทักษะต้นกำเนิดของเขาเท่านั้น
ถังเจิ้นได้ถอดรหัสตำราอาร์คาน่าโบราณได้อีก 2 เล่ม เป็นวิชาลูกไฟยักษ์กับทักษะที่เรียกว่าผู้พิทักษ์แห่งเม็ก
ในสมัยโบราณ ขณะที่ประวัติศาสตร์การวิจัยและการประยุกต์ใช้แหล่งพลังต้นกำเนิดของเผ่าอาร์คาน่าเพิ่งเริ่มต้นขึ้น ดังนั้นการใช้ชื่อของตัวเองเพื่อตั้งชื่อทักษะต้นกำเนิดจึงเป็นวิธีปฏิบัติโดยทั่วไป ตัวอย่างเช่นรูปแบบการป้องกันที่คล้ายคลึงกัน จะมีชื่อที่แตกต่างกันและรูปร่างและขนาดที่แตกต่างกัน ตราบเท่าที่มีมันรูปแบบพลังต้นกำเนิดที่แตกต่างกัน
ซึ่งแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับยุคปัจจุบัน ทักษะวิชาการป้องกันในปัจจุบันได้รับการขัดเกลามาเป็นเวลาหลายหมื่นปี หลังจากตัดเอาอันที่ซ้ำ ๆ ออกไปแล้ว สิ่งที่เหลืออยู่ส่วนใหญ่จึงเป็นทักษะต้นกำเนิดที่คุ้มค่าที่สุด แม้ว่าวิธีนี้จะช่วยเพิ่มการใช้งานได้จริงของทักษะต้นกำเนิดส่วนใหญ่ แต่มันก็ลดความหลากหลายของทักษะต้นกำเนิดลงด้วยเช่นกัน
ทักษะกลายเป็นเนื้อเดียวกันมากขึ้นและลักษณะเฉพาะของแต่ละบุคคลเริ่มลดลง พูดง่าย ๆ ก็คือมันจะกลายเป็นเพียงมาตรฐานทั่วไป ๆ ที่ทุกคนนำมาใช้ ในทางกลับกัน แม้ว่าวิชาการป้องกันของโบราณอาร์คาน่าจะมีข้อบกพร่องหลากหลายประการ แต่พวกเขาก็มีลักษณะเฉพาะของตนเอง
ตัวอย่างเช่น ทักษะต้นกำเนิดในปัจจุบันมีเป้าหมายหลักคือเพื่อลดการใช้พลังงานต้นกำเนิดให้เหลือน้อยที่สุด และเปิดใช้งานทักษะต้นกำเนิดด้านการป้องกันให้เร็วที่สุด เพื่อให้แน่ใจว่าจะสามารถใช้พลังต้นกำเนิดให้มีประสิทธิภาพสูงสุดและประหยัดที่สุดได้ เมื่อการป้องกันเหล่านี้ถูกทำลาย มันจะปล่อยการโจมตีที่ทรงพลังสร้างผลกระทบอย่างรุนแรงสวนออกมา ดั่งเช่นกรณีกำแพงเวทย์มนตร์ของหลี
อย่างไรก็ตาม ผู้พิทักษ์แห่งเม็กนั้นได้ปฏิบัติตามแนวความคิดที่ต่างไปอย่างสิ้นเชิง ผู้ประดิษฐ์ทักษะกำแพงเวทมนตร์นี้ขึ้น คนผู้นั้นไม่เคยคิดเลยว่าจะใช้พลังต้นกำเนิดได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากที่สุดอย่างไร ในสายตาของเขาความหมายเดียวของการป้องกัน ก็คือการป้องกัน!
แล้วเราจะไปถึงจุดสูงสุดของความสามารถในการป้องกันได้อย่างไร?
ผู้ประดิษฐ์ทักษะการป้องกัน ได้ใช้ความคิดที่ไม่เหมือนใครเพื่อแก้ไขปัญหานี้ ด้วยการทับซ้อนแบบไม่จำกัด
ใช่แล้ว ความสามารถในการป้องกันของสิ่งกีดขวางของเกราะป้องกันแห่งเม็กนั้นค่อนข้างธรรมดา แต่ทักษะการป้องกันนี้มีคุณสมบัติพิเศษมาก คือมันสามารถทับซ้อนกันได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด ตราบใดที่เราต้องการ มันก็สามารถสร้างทับบนกำแพงการป้องกันได้เรื่อย ๆ
ทว่าทุกครั้งที่มีการเพิ่มการป้องกัน ปริมาณของพลังต้นกำเนิดที่ต้องใช้ออกก็จะมากขึ้นเป็นสองเท่า ตัวอย่างเช่นหากการปลดปล่อยผู้พิทักษ์แห่งเม็กต้องการพลังต้นกำเนิดจากดาราขาว 2 ดวง การปลดปล่อยผู้พิทักษ์แห่งเม็กครั้งที่ 2 ก็จะต้องการดาราขาว 4 ดวง ครั้ง 3 ก็ 6 ดวงเป็นต้น
นี่เป็นสาเหตุที่อูเอ่อร์หลี่ไม่ได้ใช้ทักษะนี้ตั้งแต่แรกเริ่ม เพราะมันใช้พลังอย่างสิ้นเปลืองมากเกินไป
แม้ว่ามันจะค่อนข้างอ่อนแอ แต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าภายใต้สถานการณ์พิเศษบางครั้ง การป้องกันอาจจะมีบทบาทเกินกว่าระดับของตัวผู้ใช้เอง
จนถึงตอนนี้ซูเฉินยังไม่มีทักษะป้องกันเป็นของตัวเองเลย ดังนั้นเด็กหนุ่มจึงไม่จู้จี้จุกจิกมากนัก หลังจากเรียนรู้ทักษะกำเนิดนี้ความสามารถในการเอาตัวรอดของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก
ลูกไฟยักษ์เป็นตัวแทนของทักษะต้นกำเนิดของการโจมตีแบบดั้งเดิม เป็นทักษะมาตรฐานที่พบเห็นได้ทั่วไป ตั้งแต่วิชาโบราณอาร์คาน่าจนถึงทักษะต้นกำเนิดในปัจจุบัน ไม่มีอะไรให้พูดถึงมากนัก ที่ซูเฉินต้องการจริง ๆ คือกระสุนพลังต้นกำเนิด ทักษะต้นกำเนิดอันทรงพลังที่สามารถสร้างกระสุนแบบเดี่ยวหรือหลาย ๆ อันก็ได้
แต่รูปแบบของมันซับซ้อนมากเกินไป ถังเจิ้นจึงยังไม่สามารถถอดรหัสได้ทั้งหมด การถอดรหัสเกี่ยวกับทักษะวิชาการบ่มเพาะเป็นสิ่งที่ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง เพราะหากทำผิดพลาดเพียงครั้งเดียวอาจส่งผลให้สูญเสียชีวิตในขณะที่ฝึกฝนได้
ในความเป็นจริงสิ่งที่ซูเฉินต้องการมากที่สุดคือวิชาร่างเงาแทนกาย มันเป็นทักษะต้นกำเนิดในการเอาชีวิตรอดที่ดีที่สุด มันมีประโยชน์อย่างมากสำหรับการหลบหนีและหลีกเลี่ยงการปะทะ สามารถใช้ได้แม้กระทั่งกับผู้ฝึกฝนด่านทะลวงลมปราณ น่าเสียดายที่ทักษะต้นกำเนิดนี้ซับซ้อนกว่ามาก เมื่อเทียบกับกระสุนพลังงานต้นกำเนิด ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถคาดหวังอะไรจากได้ในช่วงเวลานี้
10 วันของการฝึกฝนทรหดควบคู่ไปกับการใช้หินพลังต้นกำเนิดอย่างบ้าคลั่ง ทำให้ซูเฉินเข้าใจทักษะต้นกำเนิดทั้งสองนี้เพิ่มขึ้นอย่างมาก
เนื่องจากก่อนหน้านี้ซูเฉินได้เชี่ยวชาญทักษะต้นกำเนิดที่แตกต่างกันถึง 5 อย่างแล้ว เมื่อรวมทั้ง 2 นี้เข้าไปด้วย ก็หมายความว่าตอนนี้เขาสามารถใช้ทักษะต้นกำเนิดได้ถึง 7 อย่าง สำหรับผู้ฝึกฝนด่านก่อเกิดลมปราณขั้นต้น ถือได้ว่าไม่น้อยเลยทีเดียว
ผู้เชี่ยวชาญพลังต้นกำเนิดส่วนใหญ่ไม่ได้เรียนรู้ทักษะต้นกำเนิดไว้มากมายนัก พวกเขาเลือกที่จะเรียนไว้เพียงอย่าง 2 อย่างเท่านั้น อย่างไรเสียพวกมันก็ล้วนเป็นเพียงทักษะต้นกำเนิดระดับต่ำที่จะถูกละทิ้ง ไม่ว่าตอนนี้จะเรียนรู้ไปมากแค่ไหน ในอนาคตข้างหน้ามันก็ไม่มีประโยชน์มากเท่าใดนัก
ไม่ว่าตอนนี้จะเรียนรู้มากแค่ไหนมันก็จะไม่มีประโยชน์มากในอนาคต เพราะทักษะต้นกำเนิดไม่ได้ช่วยเพิ่มรากฐานการบ่มเพาะของผู้ใช้ จึงมีน้อยคนที่เต็มใจจะเสียเวลาไปกับเรื่องนี้
อย่างไรก็ตามสำหรับซูเฉินผู้ที่สามารถมองเห็นจุดแสงพลังต้นกำเนิด การเพิ่มความสามารถในการต่อสู้ของเขาเทียบเท่ากับการเพิ่มความเร็วในการฝึกฝนที่ช่วยให้เขาสามารถฆ่าสัตว์อสูรได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยเหตุนี้เด็กหนุ่มจึงไม่ได้แบ่งปันความรู้สึกกังวลเช่นเดียวกับที่ผู้อื่นมี
ประกอบกับโชคลาภครั้งใหญ่ 2 ครั้งติดที่ซูเฉินได้รับเมื่อเร็ว ๆ นี้ ทำให้เขาไม่มีที่อื่นที่ให้ผลาญหินพลังต้นกำเนิดของเขา ดังนั้นเขาจึงกลัวว่าจะมีทักษะต้นกำเนิดน้อยเกินไป ไม่ใช่มีมากเกินไป
12 วันแห่งการฝึกฝน ทำให้ความแข็งแกร่งของซูเฉินเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด
ในขณะที่เขากำลังฝึกฝนหมิงชูก็วิ่งเข้ามา “นายน้อยขอรับ นายน้อย!”
“มีอะไร?” ระหว่างที่พูดไป ซูเฉินก็ได้เรียกใช้ผู้พิทักษ์แห่งเม็กตนที่ 3 ให้กับตัวเองอย่างง่ายดาย
ภายใต้สถานการณ์ที่เขาไม่ได้ถูกโจมตี การป้องกันจะหายไปโดยอัตโนมัติหลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง ดังนั้นซูเฉินจึงไม่รอช้า เขาใช้คุณสมบัติการทับซ้อนไร้ที่สิ้นสุดของผู้พิทักษ์แห่งเม็กซ้ำ ๆ เพื่อฝึกฝนการควบคุม แม้ว่าการทำเช่นนี้จะทำให้สิ้นเปลืองพลัง แต่เด็กหนุ่มก็ยังมีหินพลังต้นกำเนิดอีกมากมายไม่ใช่หรือ ?
ความรวยจะทำให้คนทำตามอำเภอใจยิ่งขึ้น
“ซูชิงกลับมาแล้ว” หมิงชูตอบ
ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座)

ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座)

Status: Ongoing

ซูเฉินเคราะห์ร้ายสูญเสียการมองเห็นจากการเผชิญหน้ากับชายแก่ลึกลับ จากเด็กหนุ่มที่เคยยืนอยู่จุดสูงสุดในตระกูลกลับร่วงลงมาสู่ก้นเหวแห่งความมืดมิด แม้จะทุกข์ทรมานกับโลกอันดำมืด แต่เขาก็ไม่ยอมแพ้โดยง่าย ซูเฉินยังคงมุ่งมั่นฟันฝ่าอุปสรรคต่อไป เพื่อลิขิตโชคชะตาของตัวเองและเผ่ามนุษย์ขึ้นเสียใหม่!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท