พวกเขาแบ่งคนออกเป็นสองพวก อวิ๋นเจี่ยวพาหมอรักษาพลังลมปราณ และเหล่าลูกศิษย์ระดับต่ำค้นหาคนที่ยังหลงเหลือพลังชีวิตในเมือง ส่วนทางเจ้าสำนักสวีและเหล่าอาวุโส พร้อมทั้งเหวินชิงมุ่งหน้าไปยังจวนของนายท่านตระกูลอวี๋ เพื่อหาตัวและกำราบชือเซียว
ลูกศิษย์ทางอวิ๋นเจี่ยวมีจำนวนมาก ไม่นานก็พบผู้รอดชีวิตจำนวนไม่น้อย เมื่อเทียบกับนายท่านตระกูลอวี๋ ผนึกคำสาปสาวหวาของคนเหล่านี้กลับไม่ได้ฝังไว้ลึกมาก มีบางคนที่สามารถมองเห็นได้ตั้งแต่ครั้งแรก
แต่ถึงแม้การรักษาของอวิ๋นเจี่ยวจะรวดเร็วแค่ไหน ก็ไม่อาจดูคนหมดทั้งเมืองได้ นางจึงทำได้เพียงบอกวิธีให้กับหมอรักษาพลังลมปราณคนอื่น อีกทั้งสอนพวกเขาในการฝังเข็มวางข่ายพลัง ถึงแม้ประสิทธิภาพจะไม่ดีมากนัก แต่อย่างน้อยก็สามารถรักษาการรั่วไหลของพลังชีวิตของคนไข้ได้ชั่วคราว
สำ…สำเร็จแล้ว! หมอรักษาพลังลมปราณคนหนึ่งอุทานออกมาด้วยความดีใจ อย่างนี้สามารถยับยั้งพลังชีวิตของอีกฝ่ายได้จริงด้วย ดวงตาของเขาลุกวาว มองไปยังอวิ๋นเจี่ยวทีหนึ่ง ข่มความตื่นเต้นภายในใจเอาไว้ ก่อนจะถามขึ้น อาจารย์อวิ๋น ท่านดูว่าข้าทำอย่างนี้…ถูกหรือไม่
อวิ๋นเจี่ยวเหลือบมอง พยักหน้า อืม อยู่ในระดับสามส่วนของหมอฝึกหัดแล้ว
อะไรคือหมอฝึกหัด อีกฝ่ายตะลึง ไม่เข้าใจเล็กน้อย
ก็คือ…ลูกศิษย์! อวิ๋นเจี่ยวคิดคำศัพท์ที่ใกล้เคียง ก่อนจะพูดเสริม ลูกศิษย์ชั่วคราว!
… อีกฝ่ายราวกับมะเขือที่แห้งเหี่ยว อย่างน้อยเขาก็เป็นเทียนซือระดับแปดดอกไม้ ที่แท้ก็เป็นได้แค่ลูกศิษย์หรือ อีกทั้งยังเป็นชั่วคราว!
อวิ๋นเจี่ยวไม่รับรู้ถึงความเสียใจของอีกฝ่าย เพราะว่าทำได้เพียงยับยั้งพลังชีวิตเอาไว้เท่านั้น หากอยู่ในโลกของตน เท่ากับว่าทำเพียงห้ามเลือดได้ บอกว่าเป็นหมอฝึกหัดก็ให้หน้ามากแล้ว ยังจะเอาอะไรอีก!
อวิ๋นเจี่ยววางข่ายพลังปิดกั้นขึ้นมา และย้ายให้ทุกคนเข้าไปอยู่ในนั้น ป้องกันการติดเชื้อจากแรงอาฆาต พวกเขายุ่งมากกว่าสามสี่ชั่วยาม ถึงได้ดูอาการของคนรอดชีวิตที่เหล่าลูกศิษย์ค้นหาออกมาได้จนหมด ถึงแม้จะมีบางส่วนที่รักษาไม่ทัน แต่เกือบร้อยละเก้าสิบที่ถอนคำสาปสาวหวาออกไปได้ ตอนนี้บนพื้นมีคนนอนอยู่กว่าร้อยคนขึ้นไป
แต่ว่าคนที่ค้นหาออกมาได้มีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งคนที่ออกจากเมืองไปก่อนบางคนทราบข่าวก็รีบกลับเข้ามาขอการรักษา ทันใดนั้นบริเวณรอบตัวของนางคึกคักมากขึ้น
ถึงแม้พวกเขาจะเร่งความเร็วแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถกำจัดคำสาปสาวหวาของทุกคนได้ นางหันไปมองหมอรักษาพลังลมปราณที่มีเหงื่อเต็มหัว และพูดอะไรไม่ออกเช่นเดียวกัน คิ้วขมวดอย่างเห็นได้ไม่ชัด หากเป็นเช่นนี้ต่อไปคงไม่ได้ ต้องหาวิธีเร่งความเร็ว…
***
ทางตะวันออกของเมือง
เจ้าสำนักสวีและเหวินชิง นำพาอาวุโสสิบกว่าท่านมุ่งตรงไปยังทางตะวันออกของเมือง เมื่อเข้าใกล้พวกเขาถึงมองเห็นพลังสีดำหนาแน่นภายในจวนตระกูลอวี๋ ดูเหมือนจะเป็นพลังผีของวิญญาณ อีกทั้งยังแฝงไปด้วยกลิ่นเหม็นเน่า ครอบคลุมทั่วทั้งจวนตระกูลอวี๋
ที่จริงแล้วแต่ละคนล้วนไม่มีความมั่นใจ เพราะว่าอีกฝ่ายเป็นถึงแม่ทัพผี ไม่ใช่ผีร้ายหรือเผ่ามารธรรมดา พวกเขาไม่มั่นใจว่าจะสามารถกำราบได้ ครานี้คงจะเป็นการต่อสู้อย่างยากลำบาก อีกทั้งสหายอวิ๋นยังไม่อยู่…
เจ้าสำนักสวีมองดูเหวินชิงซึ่งเป็นอาจารย์อาของอวิ๋นเจี่ยว ไม่ใช่ว่าไม่เชื่อความสามารถของอีกฝ่าย แต่สหายอวิ๋นไม่เหมือนกับคนอื่น ไป๋อวี้ยังบอกว่าตัวเองเป็นเจ้าสำนักเลย! ครุ่นคิดอยู่สักครู่ เขาก็หยิบยันต์ป้องกันหลายใบไปยื่นให้ ท่านเหวิน ชือเซียวมีแรงอาฆาตรุนแรง ติดยันต์ไว้สักใบจะดีกว่า
เหวินชิงมองดูยันต์บนมือของเขา เห็นแก่น้ำใจของคนรุ่นหลัง เขารับมาอย่างไม่ปฏิเสธ ขอบใจ
ไม่ต้องเกรงใจ เจ้าสำนักสวียิ้มอย่างเป็นมิตรให้เขา ก่อนจะมองไปยังพลังสีดำรอบจวนตระกูลอวี๋ ไม่รู้ว่าท่านมีวิธีใดสามารถรับมือกับชือเซียวนี้ได้บ้าง
ถึงแม้ชือเซียวจะเป็นแม่ทัพผี แต่มันก็เป็นเพียงวิญญาณ วิญญาณนั้นเป็นหยิน เกรงกลัวพลังหยาง พวกเราเพียงแค่ใช้พลังเทพ…พลังลมปราณสร้างผนึก ใช้คาถาทั่วไปโจมตีก็พอ เขาตอบ ชือเซียวไม่ใช่ปัญหาใหญ่ สิ่งสำคัญคือคนที่ส่งชือเซียวออกมา ซึ่งคงจะหาตัวได้ไม่ง่าย เขาครุ่นคิดอยู่สักพัก ก่อนจะพูดเสริมขึ้น แต่ว่าชือเซียวปกติแล้วไม่มีรูปร่าง อีกทั้งยังสามารถกลายเป็นก้อนพลังหนีไป ยากต่อการแยกแยะร่างหลักจริง
เจ้าสำนักสวีครุ่นคิด ก่อนจะพูดขึ้น ถ้าเช่นนั้นพวกเราใช้ข่ายพลังในขังมันเอาไว้ จำกัดการเคลื่อนไหวของอีกฝ่าย จากนั้นค่อยใช่คาถาสลายแรงอาฆาต?
เช่นนั้นจะเป็นการดี เหวินชิงพยักหน้า เพียงแต่ข่ายพลังที่สามารถกักขังแม่ทัพผีเอาไว้ อย่างน้อยก็ต้องเป็นข่ายพลังขั้นปฐพีขึ้นไป ข่ายพลังนี้…
ใช้ข่ายพลังขังวิญญาณระดับสวรรค์แล้วกัน! เจ้าสำนักสวีพูดขึ้น
… อะไรนะ! ระดับสวรรค์? เจ้ากำลังล้อข้าเล่น! พวกเจ้าวางข่ายพลังระดับสวรรค์ได้!
(⊙_⊙)
ทันทีที่พูดจบ ผู้อาวุโสคนอื่นพยักหน้าตอบรับ
อืม ข่ายพลังนี้แล้วกัน ข้าทำข้อสอบข้อนี้พอได้บ้าง
ใช่ ข้ารับผิดชอบทางตะวันตกแล้วกัน!
งั้นข้าไปตะวันออก!
ทางใต้ต้องการสองคน ข้ากับผู้อาวุโสเจียวไปเอง
งั้นข้าไป…
สิบกว่าคนกำหนดตำแหน่งของตัวเอง ราวกับมีความมั่นใจอย่างมาก
…
ตอนนี้โลกมนุษย์แข็งแกร่งจนใครก็สามารถวางข่ายพลังระดับสูงได้แล้วหรือ เหวินชิงทำหน้าฉงน ต้องรู้ว่าข่ายพลังระดับสวรรค์ซับซ้อนอย่างมาก คนทั่วไปไม่อาจวางออกมาได้ อย่าว่าแต่คนหลายสิบคนร่วมมือเลย
ตอนแรกเขาก็ยังมีความสงสัย แต่หลังจากนั้นครึ่งเค่อ พวกเขากลับ…กลับ…กลับวางได้สำเร็จจริงๆ
เห็นเพียงแต่ข่ายพลังสีขาวขนาดใหญ่ปรากฏอยู่บนกลางอากาศจวนตระกูลอวี๋ ราวกับเป็นตาข่ายขนาดใหญ่ที่ครอบคลุมทั้งจวนเอาไว้ อีกทั้งแสงสีขาวนั้นสว่างมากขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้มองเห็นแรงอาฆาตในจวนได้อย่างชัดเจน
เขาสามารถมองเห็นพลังสีน้ำนั้นเริ่มชนปะทะเข้ากับข่ายพลังอย่างไม่เกรงกลัว อีกทั้งเมื่อมันสัมผัสกับแสงสีขาวก็สลายหายไปในทันที
ข่ายพลังทั้งอันทั้งแน่นหนาและมั่นคง ไม่เหมือนกับวางออกมาจากมือของหลายสิบคน อีกทั้งข่ายพลังยังเปลี่ยนแปลงไปอย่างต่อเนื่อง มีแนวโน้มที่จะหดเข้าไปด้านใน ในการหดขนาดของข่ายพลังทุกหนึ่งนิ้ว จะสามารถมองเห็นการเปลี่ยนแปลงนั้นด้วยตาเปล่า ถึงแม้จะมีการเปลี่ยนแปลงไม่มาก แต่สามารถดูออกว่าพวกเขากำลังเปลี่ยนแปลงรูปแบบข่ายพลังไปเรื่อยๆ เพื่อให้สอดคล้องกับจวนตระกูลอวี๋ และสามารถขังชือเซียวเอาไว้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เหวินชิงตกตะลึง ทันใดนั้นมีความกังวลว่าการเปลี่ยนแปลงบ่อยครั้งนี้จะส่งผลต่อความเสถียรของข่ายพลัง หากมีคนช้าไปหนึ่งก้าว ก็มีโอกาสที่จะทำให้ข่ายพลังพังทลายได้ เขากำลังจะพูดเตือน กลับพบว่าตนเองคิดมากไป พวกเขาหลายสิบคนมีความพร้อมเพียงกันจนน่าทึ่ง ถึงแม้จะไม่ถึงขั้นใช้สายตาแลกเปลี่ยนความคิด แต่แค่ใช้การพูด คนอื่นก็รู้ทันทีว่าต้องทำอย่างไร
เพียงแต่เนื้อหาที่ใช้สนทนานั้น ทำให้เหวินชิงฉงน…
ทุกคนระวัง เปลี่ยนไปเป็นข้อหกแล้ว ข้อที่ทำผิดหมด
ผู้อาวุโสหลี่ ทิศทางของข้อสี่ จากนั้นกลับไปที่ข้อหก!
สหายหวัง ตามทันแล้ว ข้อเจ็ด…ข้อเจ็ด!
หัวหน้าเจียว ข้อที่ท่านถูกคนเดียว!
คนที่อยู่ตรงริมนั้น ข้อสุดท้าย ข้อสุดท้ายแล้ว
เตรียมตัว จะเปลี่ยนข้อแล้ว…
เหวินชิง …
อะไรกัน
(╯°Д°)╯︵┻━┻
เป็นเพราะเขาไม่ได้ลงมาโลกมนุษย์นานเกินไป จนทำให้ฟังคาถาของลูกศิษย์ในเสวียนเหมินไม่เข้าใจหรือนี่