ผู้ที่คิดเสียดายและโกรธเคืองนั้นไม่ได้มีเพียงแค่ผู้นำตระกูลหลัวเท่านั้น ในเวลานี้เหล่าอัจฉริยะทั้งหลายที่เคยเข้ารับการทดสอบจากเย่หยวนนั้นต่างได้แต่นั่งตีอกชกหัวตนเองอยู่ที่บ้านด้วยความเสียดายอย่างสุดซึ้ง
เย่หยวนนั้นมีพรสวรรค์ที่เหนือล้ำ นอกจากนั้นตัวเขายังมีวิธีการสอนศิษย์ที่เหนือล้ำกว่าผู้คน
คนที่สามารถสร้างสูตรโอสถนับสิบออกมาปฏิวัติโฉมหน้าวงการโอสถของแดนใต้ไปในพริบตา มีหรือที่วันหน้าตัวเขาจะตกต่ำได้?
ใครจะไปกล้าฟันธงว่าอีกหมื่นปีข้างหน้าแดนใต้นี้จะไม่ให้กำเนิดยอดคนอย่างโอสถบรรพกาลขึ้นมา?
เพราะต่อให้เย่หยวนจะก้าวขึ้นไปไม่ถึงระดับของโอสถบรรพกาล แต่ตัวเขานั้นย่อมจะกลายเป็นยอดปรมาจารย์เหนือใครเทียบ
การได้เป็นศิษย์ของคนเช่นนั้นมันย่อมเป็นโอกาสอันแสนเหนือล้ำฟ้า
“เฒ่าดันหยู่มันตาบอดแต่เหลนของมันกลับไม่! หยุนยี่ เจ้าเด็กคนนั้น ด้วยการสั่งสอนจากปรมาจารย์เย่แล้ววันหน้ามันคงได้กลายเป็นยอดคนสะท้านฟ้าดินแน่ บางทีในวันหน้าเฒ่าดันหยู่อาจจะไม่มีปัญญาพอแม้แต่จะรับใช้เหลนของตนก็ได้!”
“แต่เด็กคนนี่มันก็ช่างน่าพรั่นพรึงนัก ข้าว่าในยุคก่อนเองแม้แต่โอสถบรรพกาลก็คงไม่เก่งกาจขนาดนี้ตั้งแต่ยังอายุเท่าตัวเขาหรอกใช่ไหมเล่า?”
“เขานั้นเอาชนะพันธมิตรแดนใต้ด้วยกำลังของตนเอง! นี่มันคือการกระทำที่จะสั่นสะท้านฟ้าดินอย่างแท้จริง เหมาะสมกับฉายานาม ‘โอสถบรรพกาลน้อย’ แล้ว!”
…
ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อใดที่ฉายา ‘โอสถบรรพกาลน้อย’ นี่มันได้ถูกยกมอบให้เย่หยวน
ตอนนี้หลายต่อหลายคนในแดนใต้นี้ต่างพูดถึงเรื่องราวของเย่หยวนกันอย่างสนุกปาก
เย่หยวนนั้นมีฝีมือที่เหนือล้ำ ก้าวข้ามขึ้นมาเป็นยอดคนอันดับหนึ่งในด้านวิชาการโอสถไปแล้ว
และในที่สุดก็มีคนตั้งข้อสงสัยว่าต่อให้โอสถบรรพกาลจะกลับมาเป็นหนุ่มได้อีกครั้ง ตัวเขาก็คงไม่อาจจะเก่งกาจได้ถึงระดับของเย่หยวนเป็นแน่
เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียเย่หยวนก็เอาชนะเหล่าจอมเทพโอสถเจ็ดดาวทั้งหมดทั้งสิ้นในงานชุมนุมโอสถเมฆามาได้
จากนั้นยังได้ทำการบรรยายจนเกินทะเลแห่งแนวคิดและก้าวขึ้นอาณาจักรบรรพกาลไปในที่สุด
ด้วยอายุเท่านี้ ตัวเขากลับกลายเป็นยอดคนอันแสนยิ่งใหญ่ในวงการโอสถเป็นที่เรียบร้อย
ความสำเร็จในระดับนี้จะบอกว่ามันเหนือล้ำฟ้าดินที่สุดตั้งแต่เคยมีการบันทึกประวัติศาสตร์มาก็คงไม่ผิด
เมื่อได้ถูกยกยอชื่อเสียงเช่นนี้ทางเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์เองก็ได้ถูกยกให้เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งการโอสถอันดับที่แปดแห่งแดนใต้ไป
แม้ว่าเรื่องนี้ทางพันธมิตรจะยังไม่ได้ยอมรับใดๆ แต่มันก็เป็นเรื่องราวที่เหล่านักหลอมโอสถทั้งหลายเข้าใจกันอย่างดี
นั่นมันยิ่งทำให้มีนักหลอมโอสถมากมายเดินทางมายังเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์มากขึ้นทุกวี่วัน
จนเมืองจักรพรรดิน้อยๆ นี่มันเริ่มจะแออัดจนเกินทน
ที่เย่หยวนเปิดปากขอผลึกปราณเทวะขั้นสูงสิบล้านผลึกมาจากพันธมิตรแดนใต้นั้นมันก็เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงขยายตัวเมืองออกไป
ผลึกปราณเทวะขั้นสูงสิบล้านผลึกนั้น ต่อให้จะเป็นกับยอดเมืองหลวงจักรพรรดิเองมันก็คงนับได้ว่าเป็นปริมาณทรัพยากรที่มหาศาล
ทั้งในเวลาสิบที่ผ่านมานี้เย่หยวนก็ได้ทำการแบ่งผลกำไรมหาศาลจากทางหอมหาสมบัติมาเพื่อช่วยที่จะใช้ในการปรับปรุงเมือง
และในตอนนี้การเจรจาของหอมหาสมบัติและพันธมิตรแดนใต้มันก็ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
แท้จริงแล้วทั้งตัวเย่หยวนทั้งตัวเปียวหยูเองต่างเข้าใจดีว่าด้วยลำพังหอมหาสมบัติแล้วต่อให้จะมีแรงสนับสนุนจากเจ็ดตระกูลโบราณมันก็คงไม่อาจจะยึดครองแดนใต้ทั้งหมดไปได้
สุดท้ายแล้วมันจึงต้องมีการขยายกิจการออกไปอยู่ดี
ไม่เช่นนั้นแล้วมีหรือที่พวกเขาจะยังมานั่งตกลงเจรจาใดกัน?
ด้วยกำลังของหอมหาสมบัติในเวลานี้การกำจัดพันธมิตรแดนใต้นั้นมันง่ายราวพลิกฝ่ามือ แต่ปัญหาคือจะครองดินแดนทั้งหลายนั้นต่อได้หรือไม่
เพราะต่อให้พวกเขาจะยึดครองไม่ได้ พวกเขาก็ยังต้องการจะทำกำไรให้ได้อยู่ดี
สุดท้ายหอมหาสมบัติจึงต้องกลับไปจับมือกับพันธมิตรแดนใต้ เพียงแค่ว่าการแบ่งผลกำไรใดๆ มันย่อมจะแตกต่างจากที่เคยตกลงกันไว้สิ้นเชิง
สิ่งที่เย่หยวนแนะนำเทพสวรรค์เปียวหยูไปก็คืออย่าเอาพื้นที่มาให้มากมาย แต่แค่ยึดถือไม่แบ่งสูตรโอสถไปก็พอ
แน่นอนว่าทางพันธมิตรแดนใต้ย่อมจะหมายตาสูตรโอสถไว้ ส่วนเป้าหมายของหอมหาสมบัติก็คือการเปลี่ยนให้พันธมิตรแดนใต้กลายเป็นร้านขายโอสถให้แก่ตน
หอมหาสมบัติจะผลิตโอสถออกมาให้โดยมีทางฝั่งพันธมิตรช่วยทำการขาย ถึงเวลานั้นก็จะเริ่มตกลงเรื่องส่วนแบ่งกันอีกครั้ง
เท่านี้หอมหาสมบัติก็จะยึดครองตำแหน่งผู้นำพันธมิตรไปอย่างหนักแน่นไม่มีใครมาล้มลงได้
ส่วนเรื่องของการผลิตหลอมโอสถนั้นพวกเขาได้มีเจ็ดตระกูลโบราณคอยช่วยทำหน้าที่นั้นให้จึงสามารถหลอมออกมาได้อย่างไม่ขาดสาย
เหล่านักหลอมโอสถตระกูลโบราณทั้งหลายนี้เดิมทีก็ไม่ชอบจะออกมาสู่โลกภายนอกนัก แต่สุดท้ายแล้วมันก็แค่ความไม่ชอบ
เพราะหากเหล่าตระกูลทั้งหลายคิดจะบ่มเพาะยอดฝีมือ พวกเขาก็ต้องมีทรัพยากรมากมายมหาศาลเช่นกัน
และการทำรายได้โดยไม่ต้องออกหน้าเองเช่นนี่มันย่อมจะเป็นสิ่งที่ทางตระกูลโบราณทั้งหลายชื่นชอบเป็นอย่างมาก
แน่นอนว่าสุดท้ายแล้วคนที่ต้องไปจัดการตกลงกับคนทั้งหลายนั้นมันก็คือเทพสวรรค์เปียวหยู ตัวเย่หยวนนั้นไม่จำเป็นต้องไปใส่ใจใดๆ
ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร ตัวเขาก็จำเป็นแค่ต้องนั่งรอส่วนแบ่งเท่านั้น
ในวันนี้ขณะที่เย่หยวนกำลังนั่งบ่มเพาะปราณในที่พักของตน อยู่ดีๆ ก็มีคนรับใช้เข้ามารายงานว่าเทพสวรรค์หลู่เหยียนจากยอดเมืองหลวงจักรพรรดิห้าสวรรค์มาขอเข้าพบ
เย่หยวนที่ได้ยินต้องผงะหลังไปก่อนจะเข้าใจถึงเรื่องราวได้ทันทีจนทำให้ต้องอมยิ้มออกมา
ในจวนเจ้าเมือง เย่หยวนกำลังนั่งอยู่บนที่นั่งเจ้าบ้านสูงส่งส่วนทางด้านเทพสวรรค์หลู่เหยียนก็ได้แต่ยืนมือไขว้หลังอยู่ด้านล่าง
เมื่อได้เห็นสภาพของเย่หยวนผู้สูงส่งในเวลานี้หลู่เหยียนก็ได้แต่รู้สึกจุกอยู่ที่อก
มีหรือที่เขาจะรู้ได้ว่าภายในเมืองจักรพรรดิน้อยๆ ใต้การปกครองของตนจะให้กำเนิดยอดคนเช่นนี้ขึ้นมาได้?
แม้ว่าหลู่เหยียนนั้นจะมิใช่คนที่เกี่ยวข้องกับวงการโอสถแต่เรื่องราวใหญ่โตของงานชุมนุมโอสถเมฆามันย่อมจะเข้ามาถึงหูเทพสวรรค์ของเขาอย่างแน่นอน
ข่าวอันน่าตกตะลึงต่างๆ มามายถูกรายงานมาติดๆ กันจนทำให้เวลานี้หลู่เหยียนได้เข้าใจแล้วว่าตัวเขาได้ลบหลู่ผู้คนรับใดลงไป
ก่อนหน้านั้นที่เทพสวรรค์เปียวหยูมอบเหรียญปรมาจารย์ให้แก่เย่หยวนนั้นนอกจากความตื่นตะลึงแล้วหลู่เหยียนก็ไม่ได้ใส่ใจใดๆ
แค่เทพถ่องแท้น้อยๆ ผู้หนึ่งกลับกล้าถึงเหรียญปรมาจารย์ มีหรือที่งานชุมนุมโอสถเมฆาจะปล่อยให้เรื่องผ่านไปได้ง่ายๆ?
ด้วยอายุเท่านี้แค่เป็นจอมเทพโอสถหกดาวได้เขาก็นับถือแล้ว
จะขึ้นเป็นปรมาจารย์
มีค่าพอ?
แต่เมื่อได้ยินข่าวต่างๆ นานา ที่ไหลมาอย่างไม่ขาดสายหลู่เหยียยนก็ได้เข้าใจแล้วว่าเย่หยวนนั้นมีค่ามากพอแค่ไหน!
แต่จากนั้นเมื่อเขาได้ยินว่าหอมหาสมบัติได้ประกาศสงครามกับพันธมิตรแดนใต้ หลู่เหยียนก็ได้เห็นโอกาสในการเอาคืนอีกครั้งจนถึงขั้นไล่หอมหาสมบัติออกจากเขตแดนเมืองตนไปและไปเชิญทางห้างโอสถเมฆามา
ในสายตาของเขาแล้วหอมหาสมบัติมันย่อมจะพ่ายแพ้อย่างไม่มีทางต้าน!
ไม่ว่าค่ายสำนักกองกำลังนั้นจะเก่งกาจปานใด มันก็ไม่มีทางที่จะเหนือล้ำกว่าแดนใต้ทั้งหมดสิ้นไปได้
แดนใต้นั้นมันมีดินแดนกว้างใหญ่มหาศาล ยอดเมืองหลวงจักรพรรดิภายในแดนใต้นี่มันมีอยู่นับหมื่นๆ
มีหรือที่หอมหาสมบัตินั้นจะต้านทานกำลังของพันธมิตรแดนใต้ได้?
แต่เขาไม่เคยนึกเคยฝันว่าเย่หยวนนั้นกลับจะขยี้พันธมิตรลงด้วยตัวคนเดียวจนทำให้อีกฝ่ายถึงขั้นต้องไปก้มหัวร้องขอความเมตตา
ตั้งแต่ที่เขาส่งหลู่ซือยีมาจับกุมเย่หยวน เขาก็รู้สึกราวกับว่าโลกทั้งใบกำลังหันหน้ามาเล่นงานตัวเขา
กับเมืองจักรพรรดิน้อยๆ นี้ตัวตนของเทพสวรรค์มันย่อมจะเหนือชีวิตใดๆ
แต่ทั้งอย่างนั้นเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ใดการชี้นำของเย่หยวนนี่มันกลับทำให้เขาประหลาดใจได้ทุกวินาที
ยอดเมืองหลวงจักรพรรดิห้าสวรรค์นั้นเป็นดินแดนของหอมหาสมบัติแต่เดิม ในเมื่อทางพันธมิตรมาขอสงบศึกแน่นอนว่าทางห้างโอสถเมฆาก็ต้องขอถอนตัวจากเมืองไป
เมื่อเป็นเช่นนั้นเทพสวรรค์หลู่เหยียนก็แทบจะร้องไห้ออกมา
ตัวเขานั้นถึงขั้นทำใจมั่น หน้าด้านเดินกลับไปขอร้องทางหอมหาสมบัติให้กลับมาตั้งร้านยังยอดเมืองหลวงจักรพรรดิห้าสวรรค์ แต่พวกเขาไม่คิดจะฟังแม้แต่น้อย
เทพสวรรค์เปียวหยูนั้นได้สั่งการไว้ว่าเรื่องราวของยอดเมืองหลวงจักรพรรดิห้าสวรรค์นั้นพวกเขาจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวใดๆ
หากคิดอยากให้หอมหาสมบัติกลับไปตั้งร้านที่ยอดเมืองหลวงจักรพรรดิห้าสวรรค์แล้ว พวกเขาทั้งหลายก็ต้องมาขอให้เย่หยวนอนุญาตเท่านั้น
เมื่อไม่มีทางเลือกเทพสวรรค์หลู่เหยียนจึงได้แต่ต้องก้มหัวเดินเข้ามาขอร้องแก่เย่หยวน
เดิมทีหากเป็นเวลาปกติธรรมดาต่อให้จะไม่มีหอมหาสมบัติ ตัวเขาเองก็คงพอจะหาผู้ค้ารายอื่นมาช่วยทดแทนความต้องการโอสถได้
แต่ตอนนี้ปัญหาก็คือเหล่าเทพถ่องแท้ทั้งหลายนั้นถูกเย่หยวนวางยาพิษจนตายสิ้น ตอนนี้ยอดเมืองหลวงจักรพรรดิห้าสวรรค์มันจึงมีสภาพไม่ต่างจากเมืองเปล่า ไม่มีกำลังจะไปเทียบเคียงใครได้!
ในเวลาวิกฤติเช่นนี้แล้วหากไร้ซึ่งโอสถที่มากพอด้วย ตัวเขาคงได้กลายเป็นแม่ทัพผู้แสนเดียวดายไปอีกไม่รู้กี่หมื่นปี
สภาพที่เทพสวรรค์หลู่เหยียนนำเติ้งหยุนไซและไต้ชุนห่าวมานี่มันไม่ได้ต่างจากสภาพของหมาหัวเน่าที่ไม่มีใครคิดจะสนใจ
เทพสวรรค์นั้นเป็นตัวตนสูงล้ำเหนือโลกหล้า พวกเขาทั้งหลายนั้นมีศักดิ์ศรีสูงล้ำฟ้าปานใด?
พวกเขาทั้งหลายย่อมจะไม่เคยนึกฝันว่าวันหนึ่งจะต้องมาก้มหัวลงให้แก่เทพถ่องแท้เช่นนี้
หลู่เหยียนนั้นก้มหัวลงต่อหน้าเย่หยวนและกล่าวขึ้น “หลู่เหยียนแห่งยอดเมืองหลวงจักรพรรดิห้าสวรรค์คารวะปรมาจารย์เย่!”
………………………………….