นัชชามองดูรอบๆ เธอรู้สึกโล่งใจที่ไม่มีใครอยู่ คุณลงมาได้ยังไงคะ?
เตชิตไม่ได้ตอบ แต่ตาจ้องมองอยู่ที่เอกสารบนโต๊ะ อันนี้ไม่ใช่เพิ่งทำไปเหรอ
นัชชาอึ้งแล้วจึงไล่มองตามสายตาของเขา ไม่น่าเชื่อว่าเขามองไปแค่เพียงปราดเดียวแต่เขากลับจำทุกอย่างได้หมด
หัวหน้าบอกว่ามันผิด ให้มาทำใหม่ค่ะ
มันผิดตรงไหน?
นัชชาทำหน้าเศร้า ไม่รู้ค่ะ
ไม่รู้เหรอ เตชิตยกคิ้ว มือเรียววางทาบลงบนเอกสาร กระดิกนิ้วสองที ไม่ได้ทำเครื่องหมายไว้เหรอ
ค่ะ นัชชาเงยหน้ามองเขา เขาบอกให้ฉันเปิดหาเอาเอง
เตชิตเห็นตากลมโตของเธอที่มองเขา เตชิตเดินอ้อมไปหยิบเก้าอี้มานั่งข้างเธอ ดูถึงไหนแล้ว
ห้ะ? นัชชางง ที่เขาถาม
ถามว่าดูเอกสารไปถึงไหนแล้ว
นัชชาเอื้อมมือเปิดไปสองหน้าแล้วชี้ ถึงตรงนี้…
เตชิตอ่านเอกสารต่อ ห้องทำงานที่เงียบสนิทมีเพียงแค่เสียงหายใจเบาๆของเธอที่อยู่ข้างหูเขา นัชชาอดไม่ได้ที่จะแอบมองผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างๆ เขาใส่เพียงเสื้อเชิ้ตตัวเดียวเสื้อสูทไม่รู้ว่าเอาไปถอดไว้ไหน มือซ้ายที่ใส่นาฬิกายิ่งทำให้เขาดูแพง ผมที่ถูกเซตขึ้นเป็นระเบียบทำให้เห็นหน้าผากผ่องใส แสงที่ส่องทำให้เห็นความหล่อของเขามากขึ้นกว่าเดิม
เซ็กซี่จัง…
นี่เป็นคำแรกที่โผล่เข้ามาในหัวของนัชชาต่างกับคนที่อยู่บนเตียง เตชิตที่ตั้งใจทำงานทำให้คนมีความรู้สึกไม่กล้าเข้าใกล้แต่ก็อดที่จะไม่โลภไม่ได้
นัชชามองไปมองมาก็อดไม่ได้ที่จะหันหัวไปมองตรงๆ เธอไม่รู้ตัวด้วยซ้ำสายตาที่มองทำให้เตชิตรู้สึกไม่มีสมาธิ
นี่เธอ… มองที่เอกสารสิ!
เสียงเตือนของผู้ชายพูดอยู่ข้างหู นัชชาเพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองสติล่องลอย เธออายจนหน้าแดงไปถึงคอ รีบเปลี่ยนไปมองเอกสารตามคำบอก
เธอกำลังหลงเพราะหน้าตาที่หล่อเหลานั่นของเขา
ตอนแรกนัชชานึกว่าเตชิตจะดูนานกว่านี้ แต่เขาใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็หาจุดผิดทั้งสองที่ได้แล้ว แถมยังทำเครื่องหมายไว้ให้อีกด้วย
เธอถอนหายใจ เตชิตที่อยู่ในใจเธอคือปีศาจในร่างมนุษย์ แต่ก็ต้องยอมรับว่าในด้านกฎหมายเขาเป็นคนที่มีความสามารถเก่งเกินคนปกติ
เก่งมากจริงๆ เก่งจนนัชชาคิดว่านี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งในสมองของเขา จะเอามาใช้เมื่อไหร่ก็ได้ ไม่จำเป็นต้องมีเอกสารประกอบช่วย
เป็นแค่จุดง่ายๆ ที่ผิดพลาดไป คราวหลังอย่าให้ผิดอีก เตชิตยื่นเอกสารคืนเธอ
รู้แล้ว ขอบคุณนะคะ นัชชาไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกอาย ถ้าเกิดให้เวทิดารู้ว่าเตชิตเป็นคนช่วยทำ คงจะเกลียดจนอยากจะถลกหนังเธอทิ้ง
ความรู้สึกของผู้หญิงบอกเธอว่า ที่เวทิดาไม่ชอบขนาดนี้อาจจะเกี่ยวข้องกับความรู้สึกที่มีต่อเตชิต
เก็บของให้เรียบร้อย เดี๋ยวฉันไปส่ง
นัชชาเห็นว่าเขากำลังจะเดินออกไป เลยดึงแขนเสื้อเขาไว้ ไม่ได้ เมื่อคืนที่คุณส่งฉันกลับบ้านดวิษแอบเห็น วันนี้ฉันกลับเองดีกว่า เดี๋ยวจะทำให้เขาสงสัยเปล่าๆ
ฉันส่งถึงแค่ประตูหน้าวิลล่า
ซึ่งมันห่างกับบ้านไกลหน่อย…
นัชชาไม่กล้าเสี่ยง ไม่เป็นไร ฉันกลับเองได้ นี่ก็ดึกมากแล้ว ลำบากเปล่าๆ…
ไปที่รถแล้วค่อยว่ากัน
…
นัชชางงไปสักพัก ตอนนี้เธอกำลังปฏิเสธไปที่รถไม่ใช่เหรอ
ช่วยไม่ได้ เธอก็ได้แต่เดินตามไปที่รถ พอเธอขึ้นรถเธอก็รู้สึกเสียใจที่ตามเขามา
เตชิตแทบจะไม่พูดอะไร ก็ดึงเธอไปนั่งบนตักเขา ปรับเบาะนั่งเอนไปข้างหลังสุดๆให้มีพื้นที่กว้างมากที่สุด สองร่างแนบชิดกันมาก
นัชชาหอบหายใจ คุณ จะทำอะไร
สายตามืดดำของผู้ชาย เหมือนไม่ได้เจอแสงสว่างมานาน ทดแทนรอบเมื่อคืน
เขาเอื้อมมือไปปลดกระดุมของนัชชา เธอกดมือเขาเอาไว้ ในน้ำเสียงก็เริ่มปนไปด้วยอารมณ์ความต้องการ เตชิต…
อืม
เมื่อกลางวันคุณก็เพิ่งทำ… เมื่อพูดเรื่องอย่างว่านัชชาก็รู้สึกละอายใจ
แต่มือผู้ชายก็ไม่หยุดนิ่ง ก็เมื่อวานไม่ได้ทำ
… นัชชาหน้าแดง แต่นี่มันดึกมากแล้ว
เพราะงั้นเธอก็ช่วยหน่อย ถ้ามีปัญญาก็ทำให้ผมเสร็จเร็วหน่อยแต่ถ้าไม่ก็อยู่รับกรรมไป
นัชชายอมแพ้ ก็ได้ เพราะเธอไม่มีปัญญานั้น
เสื้อก็ถูกเขาถอดออกอย่างรวดเร็ว หน้าอกที่ถูกชุดชั้นในสีดำปิดเอาไว้ ยังมีรอยที่เขาทำทิ้งไว้เมื่อกลางวัน ตัดกับเนื้อที่ขาวเนียนทำให้รู้สึกตื่นตัวอย่างบอกไม่ถูก
ผู้ชายประกบจูบลงมา นัชชาอดไม่ได้ที่จะเอียงหัวไปข้างหลัง คอที่เอียงได้องศาเหมือนหงส์
เขาทำมันด้วยความใจเย็น ค่อยๆหลอกล่อ ค่อยๆทำ ให้นัชชาค่อยๆตกอยู่ในความต้องการ พอถึงจุดที่ความต้องการสูงสุดก็แกล้งทรมานเธอ
ร่างกายว่างเปล่า เธอรู้สึกทรมานจนจิกเสื้อตรงอกของเขา เตชิต เตชิต…
เธอเรียกด้วยเสียงอ่อนหวานนุ่มนวล ผู้ชายคนไหนได้ก็ต้องยอมแพ้
เตชิตอดกลั้นอารมณ์ไว้ เขาตั้งใจแกล้งทรมานเธอ เด็กดี บอกฉันว่าเธอต้องการอะไร
นัชชาถูกเขาหลอกล่อ ปากชมพูก็ขยับบอก คุณ…
ฉันเป็นใคร
เตชิต…
เหงื่อไหลลงบนตัวเธอ เตชิตมองจนตาลุกวาว
พอได้ยินคำตอบที่อยากได้ยิน เขาก็ตรงเข้าไปหาเธออย่างไม่ลังเล
…
หลังการออกกำลังกายวันละสองครั้ง นัชชาหมดแรงหลังแต่งตัวอะไรเรียบร้อย เธอนั่งนิ่งอยู่บนเบาะมาตลอดทาง จนกระทั่งรถจอดอยู่หน้าประตูวิลล่า
นัชชาปลดเข็มขัดนิรภัย แล้วโบกมือลาเขา ฉันไปละ
เขายกนิ้วมาถูพวงมาลัย รีบๆหาหลักฐาน ฉันรอนานมากไม่ไหว
‘รอไม่ไหว’ เธอรู้เขาหมายถึงอะไร เธอหน้าแดง รีบปิดประตูแล้วตอบรับไปมั่วๆ
…………………………………
พอกลับถึงบ้าน นัชชาก็ไม่เห็นดวิษอยู่ในบ้านเงียบสนิท นัชชาเปลี่ยนรองเท้าแล้วเดินขึ้นไปชั้นสอง ก็ยังคงไม่มีใครหรือว่าไม่อยู่บ้าน
นัชชาลองเรียกชื่อเขา ดวิษ
ไม่มีใครขานรับเธอเดินไปแบบเงียบๆ สายตาจ้องมองไปที่ห้องหนังสือที่อยู่มุมสุดของชั้นสอง ปกติดวิษจะทำงานที่ห้องหนังสือ ข้างในจะมีเอกสารสำคัญอยู่
นัชชากัดปากเดินไปถึงหน้าห้อง ประตูล็อกเอาไว้ เธอเดินไปหยิบกุญแจสำรองที่ลิ้นชักตู้เสื้อผ้า
เปิดประตูได้อย่างง่ายดาย มีเอกสารมากมายวางอยู่บนโต๊ะ นัชชารีบเดินเข้าไปเปิดดู มีแต่เอกสารที่ไม่มีประโยชน์
เธอไม่อยากเสียเวลา เปิดดูของในลิ้นชักทีละชั้น แต่ก็ไม่กล้าค้นเยอะกลัวว่า
ดวิษจะรู้ว่าถูกคนค้น ได้แต่ค้นอย่างระมัดระวัง ไม่นานก็มีเหงื่อขึ้นตามหน้าผาก