ธิชาพยักหน้าทันที เธอต้องอยากรู้อยู่แล้ว
แต่พอเธอมองไปรอบๆ ในโรงอาหารของมหาลัยก็ต้องเสียงดังมากอยู่แล้ว เสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะต่างๆ นาๆ
ตอนที่เธอกำลังจะบอกว่าเปลี่ยนที่คุยกันมั้ย แต่ยังไม่ทันได้พูดก็ต้องหยุดเอาไว้ก่อน
ธิชารู้ตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็วว่า บางทีเพียงวรินทร์อาจจงใจเลือกที่จะพูดในที่ๆวุ่นวายแบบนี้ก็ได้……
เพราะการที่ตรงนี้มันเสียงดังมาก ต่อให้คนขอประวิทย์จะจับตาดูอยู่ แต่พวกเขาก็ไม่มีทางได้ยินบทสนทนาของพวกเธอจากระยะหลายสิบเมตรที่ห่างออกไปได้หรอก
เพียงวรินทร์นั้นจงใจ บางที่อาจจะตั้งใจเลือกโรงอาหารแห่งนี้ตั้งแต่แรกแล้ว
ยิ่งธิชาสังเกตเห็นความฉลาดนึกคิดกับสติของเธอมากเท่าไหร่ ความไม่สบายใจที่มีอยู่มันก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
ต่อจากนั้น เพียงวรินทร์ก็ได้เล่านิทานที่น่าสยดสยองออกมาด้วยคำพูดที่เรียบเฉย
ที่แท้ ประวิทย์ไม่ได้รู้จักกับเธอที่อังกฤษ
ตอนนั้นตระกูลธาดาวรวงศ์ถือเป็นอาณาจักรการเงินที่ยิ่งใหญ่ แต่ไม่รู้ทำไม จู่ๆวันหนึ่งก็เกิดล้มละลายไป
และในตอนที่ตระกูลธาดาวรวงศ์กำลังลำบากนั้น นักศึกษานามว่าประวิทย์ที่ถูกตระกูลธาดาวรวงศ์อุปถัมภ์มาโดยตลอด ได้ก้าวออกมา รับปากเพียงวรินทร์ว่าจะช่วยตระกูลธาดาวรวงศ์ให้พ้นจากวิกฤติ และได้ไปเรียนต่อที่อังกฤษเป็นเพื่อนเธอ
ตอนนี้ข้อมูลที่เกี่ยวกับประวิทย์มีไม่มากนัก เพียงวรินทร์รู้แค่ว่าเขาเป็นชายคนนี้ที่พ่อให้ทุนมานานหลายปี เพราะเหมือนเขาจะไม่มีพ่อแม่ เป็นเด็กกำพร้า ช่วงเทศกาล พ่อก็จะชวนเขามากินข้าวที่บ้าน ด้วยเหตุนี้เขาจึงมีโอกาสได้พูดคุยกับเพียงวรินทร์บ้าง แต่ยังไม่ค่อยสนิทเท่านั้น
ตอนนั้นประวิทย์ได้เรียนจบมหาลัยแล้ว แถมยังทำงานด้านการเงินด้วยเหมือนกัน และทำให้ธุรกิจของตัวเธอกำลังอยู่ในช่วงรุ่งโรจน์
เนื่องจากตอนนั้นพ่อของเธอได้เข้าไปพัวพันกับคดีที่เกี่ยวกับการเงินเข้าหลายคดี จึงถูกคณะกรรมการกำกับดูแลหลักทรัพย์และสำนักงานอาชญากรรมเชิงพาณิชย์จับขังเพื่อให้ง่ายต่อการตรวจสอบ ตอนนั้นเพียงวรินทร์ยังเด็กมาก เธอจึงมองประวิทย์เป็นดั่งผู้ช่วยชีวิต จับเขาไว้แน่นๆ เชื่อว่าเขาจะช่วยพ่อของเธอจริงๆ ช่วยตระกูลธาดาวรวงศ์ของเธอจริงๆ
แต่เมื่อเวลาผ่านไปไม่นาน พ่อของเธอก็ถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิต ไม่เพียงไม่พ้นคดี แต่กลับถูกตัดสินให้ได้รับโทษหนักสุดในคดีแบบเดียวกัน เพียงวรินทร์รู้สึกพังทลายไปในทันที ผู้ใหญ่ในบ้านต่างทำอะไรไม่ถูก ไม่มีใครที่สามารถช่วยเธอได้เลย
เธอตัดสินใจโบกรถไปยังที่พักของประวิทย์ อยากไปถามให้รู้เรื่องว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมไม่เพียงไม่ช่วยพ่อของเธอ แต่พ่อของเธอยังต้องรับโทษหนักขนาดนั้นด้วย
สิ่งที่เกิดขึ้นในคืนนั้น เป็นจุดเริ่มต้นของฝันร้ายและโรคภัยของเพียงวรินทร์
ประวิทย์ได้ชวนเธอที่กำลังสับสนเข้ามาในบ้าน จากนั้นก็พาเธอเข้าไปในห้องที่ยากจะพรรณนา……
วินาทีนั้นเธอก็รู้ตัวว่าประวิทย์น่าจะหลอกเธอ เขาอาจจะไม่ได้ตั้งใจที่จะช่วยเหลือตระกูลธาดาวรวงศ์ บางที่เขาอาจจะเป็นแค่คนชั่วที่ไม่รู้จักบุญคุณก็ได้!
เธออยากที่จะหนี
แต่ว่า มันไม่มีที่ให้หนีแล้ว
เธอถูกประวิทย์มัดไว้บนเก้าอี้ที่เหมือนกับห้องนั้นที่ยากจะ……
ตอนหลังที่อังกฤษ……เธอก็ได้เห็นเก้าอี้แบบเดียวกันนั้นเหมือนกัน
หลังผ่านไปเนิ่นนาน เธอถึงได้รู้ว่า นั่นคือเก้าอี้สำหรับร่วมรัก
ตอนนั้นเธอยังเด็กมาก ไม่เคยรู้จักความรักมาก่อน
ประวิทย์ได้ย่ำยีเธอ
บนเก้าอี้ตัวนั้น
ตอนที่เพียงวรินทร์ตื่นขึ้นมา มีแต่ร่องรอยที่ประวิทย์ทิ้งไว้ตามร่างกาย เธอกัดฟันแล้วพูดด้วยดวงตาที่บวมแดงว่า เธอจะไปฟ้องเขา
ประวิทย์ทำหน้าเรียบเฉย ไม่ได้รู้สึกโกรธ เพียงแค่แสดงหลักฐานที่คนอื่นๆ ในครอบครัวช่วยพ่อของเธอกระทำความผิด
ตระกูลธาดาวรวงศ์เป็นตระกูลที่ใหญ่ขนาดนั้น……หลายปีที่ผ่านมาได้ทุจริตไปตั้งมากมาย
ถ้าพ่อของเธอที่เป็นนักการเงินรายใหญ่ยังทำในสิ่งที่ไม่ควรทำ
งั้นคนที่อยู่รอบๆ ตัวเขา ก็คงจะไม่รอดเหมือนกัน
รวมถึงแม่ของเธอด้วย……
พ่อได้ถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิตแล้ว เธอจะเสียคนในครอบครัวคนอื่นไม่ได้อีกแล้ว
ว่าแล้วเธอก็ยอมจำนน
โดยการไปทำเรื่องลาออกจากโรงเรียนด้วยสีหน้าที่ซีดเผือดในวันนั้นเลย
……
พอธิชาฟังถึงตรงนี้ ก็รู้สึกตกใจมาก และได้นึกถึงเรื่องในวันนั้นขึ้นมาเหมือนกัน
ตอนนั้นจู่ๆ เพียงวรินทร์ก็ลาออกอย่างกะทันหัน ท่าทางที่โซซัดโซเซของเธอ เหมือนจะไม่สบายเลย
ธิชาเป็นห่วงเธอมาก จึงถามไปเยอะมาก แต่เพียงวรินทร์ไม่เพียงไม่พูดอะไรเลย แต่ตั้งแต่วันนั้นเพียงวรินทร์ก็ได้ขาดการติดต่อกับเพื่อนในโรงเรียนไปจนหมดเลย
……
สามปี
เพียงวรินทร์ถูกประวิทย์กักขังอยู่ที่อังกฤษเป็นเวลาเกือบสามปี
หลังจากที่ถูกส่งไปอังกฤษเธอถึงได้เข้าใจว่าทำไมห้องนั้นถึงได้น่ากลัวขนาดนั้น ทั้งหมดก็เพื่อตอบสนองประวิทย์ทั้งนั้น
ปะวิทย์นั้นเป็นโรคจิต เขามีรสนิยมทางเพศที่ซาดิสท์ ชอบซาดิสท์กับผู้หญิง
ตอนที่เพิ่งไปถึง เพียงวรินทร์เคยหนีไปหลายครั้ง
สามครั้งแรก เธอถูกประวิทย์กระทำอย่างรุนแรงกับเธอบนเตียง แต่ก็ไม่ได้ลงโทษเธออย่างหนัก
หลังจากครั้งที่สามไป ครั้งที่สี่ ครั้งที่ห้า……หลังจากที่เธอถูกจับกลับมาก็ถูกแขวนแล้วโดนเฆี่ยนตี จนเลือดอาบไปทั้งตัว ไม่มีส่วนไหนที่ไม่โดนเลย
แต่เธอก็ยังไม่ล้มเลิกความตั้งใจที่จะหนี
จนในครั้งที่สิบ ประวิทย์ได้ตัดแขนข้างหนึ่งของคนรับใช้เธอต่อหน้า
มือโชกเลือดข้างที่ถูกตัดได้ตกอยู่ตรงหน้าเธอ และเลือดก็พุ่งกระฉูดไปทั้งตัวของเธอ
ประวิทย์บอกว่า ถ้ายังมีครั้งต่อไป
เขาจะตัดขาทั้งสองข้างของเธอด้วยตนเอง ทำให้เธอไม่สามารถหนีไปได้อีก
เพียงวรินทร์นั้นกลัวแล้ว กลัวไปตลอดกาลแล้ว
และเธอก็ไม่กล้าหนีออกมาอีกเลย
……
เพียงวรินทร์เล่าเรื่องเหล่านี้ออกมาอย่างใจเย็นมากราวกับมนุษย์เทียมที่ไม่มีเลือดเนื้อ
แต่สีหน้าของธิชานั้นกลับซีดจนน่ากลัว
เพียงวรินทร์ขำออกมาทีหนึ่ง เธอกำลังสงสัยว่าฉันเป็นโรคหลงผิดรึเปล่าใช่มั้ย?