ไปที่ห้องคณบดี?
ธิชางุนงงโดยสมบูรณ์ ไม่รู้เลยว่านี่มันเรื่องอะไรกัน
ที่จริงตอนเธออยู่โรงเรียนมัธยมนั้นผลการเรียนดีมาก เป็นประเภทผู้มีสติปัญญาและพรสวรรค์ ไม่ต้องพยายามมากไปก็สามารถทำเกรดได้ดี
กฎหมายเป็นวิชาที่เธอสนใจ เดิมทีควรจะตั้งใจเรียน
เพียงแต่ช่วงนั้น……ตระกูลธนาภูวนัตถ์กำลังวุ่นวาย อีกทั้งจู่ๆ ก็พบว่าณิชานาฏป่วยหนัก เธอจึงได้ประสบกับช่วงเวลาเลวร้าย
แถมยังต้องทนทุกข์ต่อการทารุณของธาวิน
อายุสิบแปดปียังคงเด็ก จิตใจยังเปราะบาง
บวกกับธาวินกระทำเธอหนักหนาสาหัสเกินไป สุขภาพของเธอที่แต่เดิมเคยแข็งแรงก็ถูกทำให้ยิ่งย่ำแย่ลงเรื่อยๆ
ในตอนแรกมันสุดแสนจะเลวร้าย ธาวินมักจะกระทำเธอจนหมดสติ ต้องให้แพทย์ฉีดกลูโคสถึงได้สติ
ยิ่งไปกว่านั้นคือถึงขั้นฉีกขาดจนเลือดออกมาก ต้องถูกนำตัวส่งห้องฉุกเฉินกลางดึก
ต่อมาเธอก็โง่จนตั้งท้อง……
ท้องและแท้ง มันกระทบต่อเธออย่างรุนแรงครั้งแล้วครั้งแล้ว
เป็นเวลากว่าครึ่งปีที่ธิชาไม่มีสมาธิในการเรียนเลย แค่ก่อนสอบเท่านั้นถึงได้ฝืนใจมาจัดการกับบทเรียนเพื่อให้มันผ่านไป
ดังนั้นตั้งแต่เธอเข้าเรียนปีหนึ่ง จึงไม่ได้เสพสุขในฐานะนักศึกษาดีเด่น ยิ่งไม่เคยได้รับการสัมภาษณ์เป็นการส่วนตัวจากคณบดีของมหาวิทยาลัยกฎหมาย
ธิชาไม่รู้เลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่เป็นกังวลมาก
……
กระทั่งเธอเคาะประตูและเข้าไปในห้องคณบดี ก็เห็นชัยกรและใบหน้าด้านข้างของคณบดี ในที่สุดก็เข้าใจว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
ชัยกรนั่งอยู่บนโซฟาที่คณบดีใช้เลี้ยงรับรองแขกพิเศษ บนโต๊ะมีชุดน้ำชาชั้นดีและของว่าง
และคณบดีนั่งอยู่ตรงข้ามชัยกร ยิ้มอย่างสุภาพมาก เห็นได้ชัดว่ามีท่าทีประจบสอพลอเจืออยู่
ส่วนเพียงวรินทร์……
นี่เป็นอีกครั้งของธิชากับเธอนับตั้งแต่ตอนนั้น เป็นครั้งแรกที่เธอพบหล่อนนอกห้อง
ดูเหมือนแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ชัยกรจ้างความจริงแล้วจะเก่งกาจมาก ผ่านไปแค่ครึ่งเดือน เพียงวรินทร์อ้วนขึ้นกว่าที่เธอเจอครั้งก่อนพอสมควร
แม้จะบอกว่าอ้วนขึ้น แต่เมื่อเทียบกับคนปกติ ยังคงดูผอมบาง
แต่ไม่ได้เจิดจรัสอย่างครั้งแรกที่เธอเห็น……
เพียงวรินทร์ใส่กางเกงขายาวสีฟ้า ด้านบนเป็นเสื้อกันหนาวตัวบางสีขาวราวหิมะ ส่วนรอบคอมีผ้าพันคอสีชมพูอ่อนขนกระต่าย และเป็นสไตล์ที่น่ารักด้วยสองลูกกลมที่ห้อยอยู่ด้านหน้าของลำคอ จึงทำให้ดูน่ามองเป็นพิเศษ
เพราะเสื้อผ้าที่หนา ดูด้วยตาเปล่าจึงเหมือนหนักสักเจ็ดสิบห้ากิโลกรัม แม้จะผอมบางมาก แต่แก้มดูจะกลมขึ้นเล็กน้อย ผิวก็ขาวกระจ่างใสขึ้นอีกด้วย ถึงขั้นที่ว่าภายใต้แสงสว่างยังเผยรอยแดงจางๆ
ความรู้สึกแย่ภายในใจที่ธิชามีก่อนหน้านี้ เวลานี้จู่ๆ ได้มาเห็นเพียงฟื้นตัวได้เป็นส่วนใหญ่แล้ว หัวใจเธอพลันเต้นแรงด้วยความตื่นเต้น กวาดความหม่นหมองของยามเช้าให้อันตรธานไป
ชัยกรพยักหน้าให้เธอ ยังคงเป็นสุภาพบุรุษที่มีท่าทีสุภาพ
ธิชาเคยเห็นว่าก่อนหน้านี้ช่วงเวลาส่วนใหญ่เขาจะอยู่กับดนัยกฤต ตอนนี้รู้สึกประหม่าเล็กน้อย จึงยิ้มๆ ไปอย่างสุภาพ
คณบดีรีบเชิญเธอนั่งลง เรียกเต็มปากเต็มคำอย่างกระตือรือร้นว่า คุณนักศึกษาธิชา ด้วยความประจบสอพลอถึงขีดสุด
คุณนักศึกษาธิชา สถานการณ์ของนักศึกษาเพียงวรินทร์คุณก็รู้คร่าวๆ แล้ว ตอนเรียนที่อังกฤษนักศึกษาเพียงวรินทร์ก็มีเกรดที่ยอดเยี่ยม แค่เพราะต่อมาเกี่ยวเนื่องกับอาการป่วย จึงพักการเรียนไปช่วงหนึ่ง คุณรู้เรื่องอาการป่วยของเธอดีกว่าผม สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ของเธอนอกจากการฟื้นฟูร่างกาย ก็ต้องเริ่มติดต่อกับเพื่อนๆ กลับไปเรียนและใช้ชีวิตปกติ ฟังจากที่คุณชัยกรพูด คุณนักศึกษาธิชาเป็นเพื่อนร่วมชั้นในประเทศของนักศึกษาเพียงวรินทร์ มีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน ตอนนี้นักศึกษาเพียงวรินทร์ต้องการความช่วยเหลือจากคุณ แน่นอนว่ามหาวิทยาลัยกับสถานศึกษาของเราจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยเหลือนักศึกษาเพียงวรินทร์……
คณบดีพูดจาพินอบพิเทาอย่างมาก ธิชาฟังอย่างเหนื่อยใจ ที่จริงไม่ต้องอารัมภบทหรืออธิบายเลย เธอจะทำทุกอย่างที่สามารถทำได้ในการดูแลเพียงตอนอยู่ในสถานศึกษาแน่นอนอยู่แล้ว
ชัยกรสื่อสารกับเธอสั้นๆ ไม่กี่คำ เขาอาจยังมีงานที่ต้องทำ ไม่ได้พูดอะไรมากก็มอบเพียงวรินทร์ใส่มือเธอ
คุณธิชา ชีวิตในสถานศึกษาของเพียงต้องรบกวนให้คุณดูแลเพิ่มเติมแล้ว วันข้างหน้าต้องขอบคุณอย่างเป็นทางการอีกแน่นอน
ธิชายิ้มกว้าง เพียงเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของฉันอยู่แล้ว แม้ขาดการติดต่อไปหลายปี แต่ความรู้สึกในอดีตไม่ได้ลดลง คุณชัยกรไม่ต้องสุภาพกับฉันก็ได้ค่ะ ตอนนี้เพียงสามารถกลับมาเรียนได้ ฉันมีความสุขมากกว่าใคร ฉันจะดูแลเธอให้ดีอย่างแน่นอน
จากนั้นชัยกรก็จากไป
เพียงวรินทร์นั้นตั้งแต่ต้นจนจบไม่ได้พูดอะไรเลย แสดงภาวะโอนอ่อนผ่อนตามในจิตใต้สำนึกที่คนออทิสติกควรมี
แต่แล้วทันใดนั้นก็ใช้มือบอบบางของเธอมาจับมือของธิชาเอาไว้แน่น
ธิชามองเธออย่างฉับพลัน เห็นอาการหวาดกลัวที่ซับซ้อนและความหวาดระแวงในสายตาของเธอ
และเวลานี้สายตาของเพียงวรินทร์กำลังจับจ้องไปยังด้านหลังของชัยกร……
ธิชาอยากคุยกับเธอ แต่รู้สึกว่าเพียงกำลังมีความตึงเครียดสูงไปทั้งกายใจ
ถึงขั้นบีบนิ้วมือเธอจนเจ็บ
เธอพูดไม่ออกไปชั่วขณะ
เพียงวรินทร์เฝ้ารอให้แผ่นหลังของชัยกรหายลับไปตรงหัวมุมโดยสมบูรณ์ เธอถึงค่อยๆ ผ่อนคลาย แล้วหันหน้ามามองธิชา ก่อนจะยิ้มให้กับเธอ
แม้เธอจะไม่พูด แต่ธิชาก็รู้สึกได้ถึงความหมายในรอยยิ้มของเธอ……
เหมือนจะพูดกับเธอว่า : ธิชา ในที่สุดฉันก็หนีออกมาได้แล้ว
คลาสเรียนต่อไปเป็นคาบการใช้เวลาตามปกติ
ธิชาเข้าเรียนตามปกติ และเพียงวรินทร์นั่งอ่านตำราข้างๆ เธอ
จนกระทั่งเลิกเรียน เพียงวรินทร์ถึงได้พูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้งเล็กน้อยว่า มีสามคนจับจ้องฉัน สามคนที่ดวงตากรีดอายไลเนอร์ ทุกคนเป็นคนของชัยกร