ธิชามองไปที่เธอด้วยความช็อก
สำหรับผู้ป่วยโรคเก็บตัวที่ยังไม่เคยได้รักษานั้น……เสียงของเพียงวรินทร์มันดูจะใจเย็นไปจริงๆ
ใจเย็นจนทำให้ธิชารู้สึกสงสัยขึ้นมาทันทีว่า นอกจากว่าอาการของเธอเมื่อก่อนหน้านี้มันจะเป็นแค่การแสดงเท่านั้น?
แต่เธอก็นึกถึงครั้งแรกที่ได้พบกับเพียงวรินทร์……เธอก็อ่อนแอจนน่าหวาดกลัวเลย
จะมีใครสามารถแสดงได้ดีขนาดนั้นกัน?
คงไม่มีใครโหดร้ายกับตัวเองถึงขนาดนั้นหรอกมั้ง
ยิ่งไปกว่านั้น……ร่างกายที่ผอมแห้งจนต้องใช้อาหารเหลวเพื่อดำรงชีวิต มันถือเป็นการทำร้ายตัวเอง และเป็นการฆ่าตัวตายอย่างช้าๆแล้ว
แววตาของเพียงวรินทร์นั้นดูเฉยชา ราวกับไม่ได้สนใจทุกสิ่งที่อยู่รอบตัวเลย ซึ่งมันก็เป็นอาการที่คนป่วยเป็นโรคเก็บตัวชอบทำจริงๆ
ธิชายังคงไม่ชอบคิดให้มันเลวร้ายเกินไปโดยที่ไม่มีหลักฐาน เธอจับปลายนิ้วที่เย็นเล็กน้อยของเพียงวรินทร์ไว้อย่างใจเย็น เพียง ใจเย็นๆ มีอะไรก็ค่อยๆ พูดกับฉัน เรามีเวลาอีกมาก ตอนนี้เราไปกินข้าวเที่ยงกันก่อนมั้ย เธออยากกินอะไร ในโรงเรียนมีร้านอาหารตั้งหลายร้าน เดี๋ยวฉันพาเธอไปเดินเล่นให้คุ้นเคยก่อนดีมั้ย?
ธิชาพาเพียงวรินทร์เดินวนโรงอาหารไปรอบหนึ่ง เธอถามเพียงวรินทร์ซ้ำๆ ว่าอยากกินอะไร สุดท้ายเพียงวรินทร์ก็ชี้ไปที่ร้านอาหารอิตาลี
แล้วธิชาก็พูดขึ้นมาว่า ร้านอาหารอิตาลีร้านนี้เพิ่งเปิด ฉันเองก็ยังไม่เคยกินเลย เราไปลองกินกันดูเนาะ?
ในเวลานี้พวกนักศึกษาเฉพาะทางส่วนใหญ่ก็น่าจะเลิกเรียนกันหมดแล้ว เป็นช่วงพีคของมื้อเที่ยง ร้านอาหารอิตาลีก็เป็นร้านที่เพิ่งมาเปิดได้ไม่นาน นักศึกษารู้สึกแปลกใหม่ จึงมีนักศึกษาไปรวมกันค่อนข้างเยอะแถมยังต้องต่อแถวรอคิวกันด้วย
พวกเธอมีกันแค่สองคน จึงรอไม่นานเท่าไหร่ แค่สิบนาทีก็ได้นั่งแล้ว
ทันทีที่สั่งอาหารเสร็จ ก็มีชายใส่สูทดำที่เหมือนบอดี้การ์ดสองคนเดินเข้ามาทางประตูของโรงอาหาร
ในมือของพวกเขานั้นถือกล่องข้าวเก็บความร้อนกับอุปกรณ์ที่ใช้ในการทานอาหารเข้ามา แล้ววางไว้บนโต๊ะของพวกเธอ
พอพนักงานในโรงอาหารเห็นแบบนั้น ก็รีบเดินเข้ามาห้าม คุณครับ ต้องขออภัยด้วยนะครับ ทางโรงอาหารของมหาลัยไม่อนุญาตให้นำอาหารจากด้านนอกเข้ามานะครับ
พนักงานคนนั้นก็เหมือนจะเป็นนักศึกษา น่าจะเป็นการหารายได้เสริมระหว่างเรียน ทั้งๆ ที่เขาก็พูดอย่างมีมารยาทแท้ๆ แต่กลับถูกชายชุดดำสองคนนั้นมองหน้าอย่างไม่พอใจ
ดูชั่วร้ายมาก
ทำเอาพนักงานตกใจจนหน้าซีดเลย และรีบหุบปากแล้วทำเหมือนไม่เคยพูดอะไรทั้งนั้น
ธิชานั้นมักจะทำตัวไม่โดดเด่นเวลาที่อยู่ในโรงเรียน และไม่เคยอายขนาดนี้มาก่อน
แล้วได้ยินบอดี้การ์ดพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังและมีมารยาทว่า คุณธิชาครับ นี่คือมื้อเที่ยงของคุณเพียงวรินทร์ที่นักโภชนาการในบ้านจัดเตรียมมาให้ตามคำแนะนำของหมอครับ คุณเพียงวรินทร์ไม่เหมาะกับการทานอาหารที่มันจนเกินไป
ธิชายังไม่ทันได้พูด เพียงวรินทร์ก็ได้ยื่นมือแล้วผลักมันออกไป ด้วยแรงที่ผลักไป ทำให้กล่องข้าวเกือบล้ม ยังดีที่บอดี้การ์ดรับเอาไว้ได้ทัน
การต่อต้านของเพียงวรินทร์นั้นชัดเจนมาก จนทำให้บรรยากาศนั้นอึดอัดขึ้นมาทันที
ผ่านไปพักใหญ่เธอถึงได้เปล่งเสียงที่แหบซ่านออกมาจากลำคอว่า ฉัน ไม่ กิน
บอดี้การ์ดทั้งสองหันมามองหน้ากัน เห็นได้ชัดว่าพวกเขากำลังลำบากใจ
แต่หนึ่งในนั้นก็ยังพูดต่อว่า คุณเพียงวรินทร์ครับ คุณเองก็รู้ว่าร่างกายของคุณไม่ค่อยแข็งแรง ถึงมันจะเป็นอาหารเพียงมื้อเดียว แต่เรื่องเล็กของคุณนั้นมันก็ถือเป็นเรื่องใหญ่สำหรับท่านประวิทย์เลยนะครับ ยังไงก็ขอให้คุณให้ความร่วมมือด้วย อย่าทำให้ลูกน้องอย่างพวกผมต้องลำบากใจเลยนะครับ ถ้าเป็นแบบนี้เราเองก็ไม่รู้ว่าไปสู้หน้าท่านประวิทย์ยังไงเหมือนกัน……
เพียงวรินทร์ไม่ได้แสดงความรู้สึกอะไรออกมาจากทางสีหน้าเลย สีหน้าเรียบเฉย เหมือนไม่ได้สนใจอะไรเลย
ถึงเธอจะพูดไม่เยอะ แต่การแสดงออกกลับดูแน่วแน่มาก คือยังไงก็ไม่ยอมกินอาหารที่บอดี้การ์ดเอามาให้
ความรู้สึกไม่สบายใจของธิชาก็ได้เพิ่มมากขึ้น
ถึงไอคิวของเธอจะไม่ได้สูงมาก แต่ยังไงก็ใช้ชีวิตอยู่ในตระกูลกูลธนาภูวนัตถ์มานานหลายปี นิสัยของธาวินก็ไม่ดี และเธอก็ถือว่าเรียนรู้การอ่านใจมาได้ด้วย
ถ้าไม่ใช่เพราะเธอคิดมากเกินไป ถึงคำพูดของบอดี้การ์ดจะฟังดูมีมารยาท……แต่ในคำพูดนั้นมันกลับแอบแฝงไปด้วยการข่มขู่
โดยเฉพาะคำว่า เรื่องเล็กของคุณนั้นมันก็ถือเป็นเรื่องใหญ่สำหรับท่านประวิทย์
เหมือนมันกำลังข่มขู่อะไรเพียงวรินทร์อย่างเงียบๆ
เพียงแต่……กับผู้ป่วยโรคเก็บตัวนั้น ก็ต้องคอยโอ๋เหมือนเด็กคนหนึ่งไม่ใช่รึไง
แล้วทำไมถึงใช้……วิธีการข่มขู่แบบนี้ล่ะ?
ธิชารู้สึกว่าความสัมพันธ์ระหว่างเพียงวรินทร์กับประวิทย์นั้นมีค่าที่จะให้สนใจมากเข้าไปทุกทีแล้ว
แต่เธอก็พูดไกล่เกลี่ยด้วยสีหน้าที่เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น นี่พี่ชายทั้งสอง เพียงวรินทร์เธอป่วยมาตั้งนาน น่าจะไม่ได้กินอาหารข้างนอกมานานมากแล้ว ถึงแม้อาหารที่อยู่ข้างนอกอาจจะมีประโยชน์สู้อาหารที่นักโภชนาการจัดให้ไม่ได้ แต่เรื่องความปลอดภัยของอาหารในมหาลัยนั้นก็ได้รับการรับรองเหมือนกัน ที่สำคัญเมื่อกี้ตอนที่สั่งอาหารก็ไม่ได้สั่งอะไรที่มัน มันเกินไป……ยิ่งไปกว่านั้น โรคเบื่ออาหารของเธอก็เพิ่งดีขึ้น การที่อยากอาหารจึงถือเป็นเรื่องดี ไม่อย่างนั้นเรื่องนี้ให้ฉันเป็นคนรับผิดชอบเอง ถ้าคุณประวิทย์เอาเรื่องพวกคุณ พวกคุณก็ผลักภาระมาที่ฉันได้เลย
พอธิชาพูดมาอย่างนั้น บอดี้การ์ดทั้งสองก็ไม่ได้ดึงดันต่อ
พวกเขาออกจากโรงอาหาร แล้วไปยืนอยู่ในที่ๆห่างออกไปหลายสิบเมตรอย่างเงียบๆ
ธิชาตบๆ ที่หลังมือของเพียงวรินทร์ และไม่รู้ว่าจะให้กำลังใจยังไงดี
ตอนนี้เธอเชื่อคำพูดของเพียงวรินทร์แล้ว ถึงประวิทย์จะให้เพียงวรินทร์มาที่มหาลัยแล้ว แต่ก็ยังค่อยจับตาดูอย่างไม่ให้คลาดสายตาอยู่ดี
หลังจากที่กินมื้อเที่ยงเกินครึ่งไปแล้ว เพียงวรินทร์ก็ได้กระซิบออกมาว่า นี่ธิชา เธออยากรู้รึเปล่าว่าฉันเจอเรื่องอะไรบ้างตอนอยู่ที่อังกฤษ……