ปัง!
แม้เฟิงเทียนหยางจะพุ่งมาถึงอย่างรวดเร็ว แต่การกระเด็นกลับไปของเขานั้นมันกลับเร็วยิ่งกว่า!
ทุกผู้คนที่เห็นเช่นนั้นได้แต่ต้องอ้าปากค้างอย่างไม่เข้าใจเรื่องราว
เกิดอะไรขึ้น?
พวกเขาทั้งหลายนั้นไม่อาจสัมผัสได้ถึงพลังใด ๆ แต่จู่ ๆ ทางเฟิงเทียนหยางกลับลอยปลิวออกมาเช่นนั้น
มันราวกับว่าเฟิงเทียนหยางพุ่งตัวเข้าไปชนกำแพงที่มองไม่เห็นเข้าจนถูกดีดกลับออกมา
ภาพนี้มันทำให้คนทั้งหลายตกตะลึง
ภายในหลุมดินนั้นเย่หยวนได้ค่อย ๆ เดินออกมาพร้อมดาบกระดูกในมือด้วยคลื่นพลังจิตสังหารล้นเปี่ยมทั่วร่าง
“ดีมาก! ทำให้ข้าเอาจริงได้เช่นนั้น เจ้าจงภูมิใจเสียเถอะ!” เย่หยวนมองดูไปที่เฟิงเทียนหยางพร้อมกล่าวขึ้น
เขานั้นยืนอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทางที่ทำให้ผู้คนต้องเสียวสันหลังราวกับดาบที่ถูกชักออกจากฝักพร้อมฟาดฟันทุกเมื่อ
“น-นี่มันคลื่นจิตดาบ! และช่างเป็นจิตดาบที่รุนแรงหนักหน่วงนัก! เขาผสานแนวคิดแห่งห้วงมิติเข้ากับแนวคิดแห่งดาบ! นี่มัน… เป็นไปได้อย่างไร?”
ตอนที่เทพสวรรค์หลัวเฟิงเห็นว่าเย่หยวนใช้แนวคิดแห่งห้วงมิติออกมาเขานั้นไม่คิดจะกังวลใด ๆ เลยแม้แต่น้อย
เพราะเขารู้ดีว่าเฟิงเทียนหยางจะชนะได้
แต่คราวนี้ความตื่นตะลึงทั้งหลายมันได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาแล้ว
การสำเร็จแนวคิดนั้นมันไม่เท่าไหร่ แต่การผสานแนวคิดแห่งดาบเข้ากับแนวคิดแห่งห้วงมิตินั้นมันเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อ
ความยากเย็นของมันนั้นคงยากเสียยิ่งกว่าการผสานสามแนวคิดเข้าด้วยกันเสียอีก!
แนวคิดขั้นสูงสุดนั้นแค่จะเรียนรู้มันก็แสนยากเย็น คนธรรมดาทั่วไปเรียนรู้มันแค่ผิวเผินยังทำไม่ได้ ไม่ต้องไปพูดถึงเรื่องการผสานใด ๆ
“เจ้าเด็กคนนี้มันบ่มเพาะขึ้นมาอย่างไรกัน? มันมีวิชาโอสถที่เหนือคนเอาชนะจอมเทพโอสถเจ็ดดาวทั้งหลายได้สิ้นทั้งยังมีฝีมือการต่อสู้ที่เหนือล้ำผู้คน!” เทพสวรรค์ฉือหยูกล่าวขึ้นอย่างตกตะลึง
“เมื่อกี้เป็นเขาหรือที่ดีดเฟิงเทียนหยางจนปลิวกลับออกมา? แต่ข้านั้นสัมผัสไม่ได้ถึงพลังดาบใด ๆ เลย!” เทพสวรรค์อีกคนกล่าวเสริมอย่างตื่นตะลึง
การโจมตีที่สัมผัสไม่ได้นั้นมันน่ากลัวที่สุด
เหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายนั้นไม่อาจจะใช้คำพูดใดมาอธิบายความรู้สึกที่มีได้อีกต่อไปแล้ว เดิมทีพวกเขาทั้งหลายนั้นคิดว่าเฟิงเทียนหยางนั้นเป็นสัตว์ประหลาด ไม่นึกไม่ฝันว่าพรสวรรค์ของเย่หยวนมันจะเป็นสัตว์ประหลาดที่น่าหวาดหวั่นเสียยิ่งกว่าเฟิงเทียนหยาง
“นี่มัน… พี่หลัวเฟิง หลานเทียนหยางจะไม่เป็นไรใช่หรือไม่? ทำไมเรา ไม่เข้าไปจัดการเสียให้จบ ๆ ไปเล่า” เทพสวรรค์ปิงหยุนพูดแทรกขึ้น
เทพสวรรค์หลัวเฟิงส่ายหัวออกมา “วางใจเถอะ เมื่อกี้มันเกิดขึ้นเพราะความประมาทของเทียนหยางเอง ที่สำคัญตัวเขานั้นยังมีอีกกระบวนท่าที่ยังไม่ได้ใช้ออกมา เทียนหยางจะไม่แพ้แน่! แม้ว่าเจ้าเด็กคนนี้มันจะมากพรสวรรค์แต่สุดท้ายพลังบ่มเพาะของมันก็ยังด้อยกว่าเทียนหยางไปมาก”
เมื่อเหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายได้ยินพวกเขาก็รู้สึกโล่งอกขึ้น
สภาพของเฟิงเทียนหยางในเวลานี้มีผมเผ้าที่รุงรังพร้อมบาดแผลทั่วกาย จะมีสภาพของเทพสงครามใด ๆ หลงเหลืออีกเล่า?
“ให้ตายสิ! ให้ตายสิ! เจ้ากล้าทำร้ายข้าจนบาดเจ็บ! ข้าจะฉีกเจ้าเป็นชิ้น ๆ เอง! เย่หยวน ดัชนีนี้คือการโจมตีที่รุนแรงที่สุดเท่าที่ข้ามีหลังจากข้าผสานสามแนวคิดได้! การที่เจ้าจะได้ตายด้วยกระบวนท่านี้มันย่อมจะเป็นเกียรติแก่วงศ์ตระกูลเจ้าแล้ว!”
เฟิงเทียนหยางนั้นร้องบอกพร้อมชี้นิ้วออกมาจนทำให้มิติรอบ ๆ เริ่มแตกออก เป็นเครื่องยืนยันอย่างชัดเจนว่าดัชนีนี้มันอัดแน่นพลังไว้มากเท่าใด
หากดัชนีนี้ถูกตัวคนเข้า คนผู้นั้นคงไม่หลงเหลือร่างกายให้กลบฝังแล้ว
“ดัชนีสลายมิติ!”
เทพสวรรค์หลัวเฟิงที่ได้เห็นก็ยิ้มขึ้นทันทีอย่างภาคภูมิ “ผสานแนวคิดก็เรื่องหนึ่ง แต่การนำมันออกมาใช้ก็เป็นอีกเรื่อง เทียนหยางนั้นเข้าใจถึงความลึกซึ้งของแนวคิดและเริ่มดึงพลังของเต๋ามาใช้เองได้ บางทีวันหน้าเขาอาจจะก้าวข้ามพี่ใหญ่ไปกลายเป็นจักรพรรดิเทพสวรรค์คนแรกในรอบหลายแสนล้านปีแห่งทุ่งราบสุดอุดรนี้ก็เป็นได้! ดัชนีนี้ ต่อให้เป็นเทพสวรรค์หนึ่งดาวก็คงไม่อาจรับได้โดยไร้อาการบาดเจ็บ”
เมื่อทุกผู้คนได้ยินพวกเขาต่างก็ต้องเบิกตากว้าง
เพราะมันย่อมจะไม่มีใครคิดฝันว่าเฟิงเทียนหยางนั้นกลับเก่งกาจได้ปานนั้น
การโจมตีของเทพถ่องแท้เก้าดาวที่สามารถทำร้ายเทพสวรรค์ได้นั้นมันจะต้องเป็นกระบวนท่าวิชาที่รุนแรงปานใด?
ถามว่าเทพสวรรค์นั้นเก่งกาจปานใด?
ต่อให้พวกเขาจะยืนให้เทพถ่องแท้เก้าดาวขั้นสุดโจมตีเป็นวัน มันก็คงแทบจะไม่เกิดบาดแผลใด ๆ ขึ้นบนร่างของพวกเขาได้
เพราะทั้งสองอาณาจักรนี้มันแตกต่างกันสิ้นเชิง มันเป็นความตื้นลึกหนาบางในความเข้าใจถึงเต๋าสวรรค์ที่แตกต่าง
แต่ดัชนีนี้ของเฟิงเทียนหยางกลับจะสามารถทำให้เทพสวรรค์บาดเจ็บได้ แค่นี้มันก็ชัดเจนแล้วว่าเป็นดัชนีที่รุนแรงปานใด
แต่แน่นอนว่าการทำร้ายเทพสวรรค์ได้มันก็เรื่องหนึ่ง แต่จะมีเทพสวรรค์คนไหนยืนนิ่ง ๆ ให้โดนโจมตีไหมมันก็อีกเรื่องหนึ่งอย่างสิ้นเชิง
เหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายได้แต่หันไปมองเย่หยวนอย่างสงสารเสียดาย การมาเจอคู่ต่อสู้เช่นนี้มันคือเวรกรรมของเขาจริง ๆ!
“หืม? เขา…เขากลับยิ้ม?”
เทพสวรรค์ผู้หนึ่งกลับเห็นว่าตอนนี้บนใบหน้าของเย่หยวนมันเกิดรอยยิ้มบาง ๆ ขึ้นมาจนอดไม่ได้ที่จะร้องทัก
ในเวลาเช่นนี้ เขากลับยังจะมายิ้ม
เทพสวรรค์ปิงหยุนจึงหัวเราะขึ้น “มันคงกลัวจนเสียสติไปแล้ว!”
“น่าสนใจ!”
เย่หยวนค่อย ๆ ยกดาบขึ้นมาช้า ๆ และแทงมันออกไปด้านหน้า
ดาบนี้มันดูเชื่องช้าและธรรมดาโดยไม่มีพลังใด ๆ แฝงมาเลย
เทียบกับคลื่นพลังจากดัชนีของเฟิงเทียนหยางแล้ว ดาบของเย่หยวนนี้จะเรียกว่ากระบวนท่ายังทำได้ไม่เต็มปาก
มันเหมือนราวกับว่าเย่หยวนนั้นเป็นนักยุทธที่ไม่รู้จักวิธีใช้ดาบแม้แต่น้อย
เว้นเสียแต่ว่าหากเวลานี้คนที่ยืนมองดูอยู่เป็นพวกซงหยูที่ได้เข้าไปยังสนามรบเทพโบราณกับเย่หยวนแล้วพวกเขาคงจะเข้าใจได้ทันว่านี่มันคือท่าทางเดียวกับดาบนั้นของมารกระดูกเทพสวรรค์ผู้นั้น
“มันทำอะไร? ดาบเช่นนี้ก็จะทำร้ายผู้คนได้?”
เทพสวรรค์หลัวเฟิงนั้นขมวดคิ้วแน่น เขานั้นไม่อาจจะเข้าใจได้เลยว่าดาบนี้ของเย่หยวนมันดีงามเหนือล้ำอย่างไร แต่ในใจลึก ๆ แล้วเขากลับรู้สึกว่ามีบางอย่างแปลก ๆ
เทพสวรรค์ปิงหยุนที่ได้เห็นต้องหัวเราะออกมา “แน่นอนว่ามันย่อมจะทำร้ายใครไม่ได้ ข้าถึงได้บอกว่ามันคงกลัวจนเสียสติไปแล้ว”
คนทั้งหลายนั้นไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวเอาแต่พูดดูถูกดาบของเย่หยวน บอกว่าเขานั้นมันเป็นแค่ลิงได้แก้วไม่รู้วิธีใช้งาน เฟิงเทียนหยางเองก็มีความคิดต่างกับคนทั้งหลาย
เขาจึงหัวเราะลั่นออกมา “ฮ่า ๆ เจ้าคิดจะใช้ดาบนี้รับมือข้า? งั้นก็ไปตายเสียเถอะ!”
ในเวลานั้นเองที่ดัชนีสลายมิติได้ถูกปลดปล่อยออกมาพุ่งทะยานใส่เย่หยวนอย่างรุนแรง
“ดาบสลักกลวงแท้!”
เย่หยวนกล่าวนามของกระบวนท่าออกมา
นี่มันคือดาบสลักกลวงนั่นเอง
เพียงแค่ว่าเขานั้นได้แรงบันดาลใจมาจากวิชาของมารกระดูกเทพสวรรค์ผู้นั้นจนฝึกฝนใช้มันได้อย่างเชี่ยวชาญ
ดาบสลักกลวงนี้มันมีพลังถึงขั้นสุดและไม่ปล่อยคลื่นพลังใด ๆ ออกสู่ภายนอก มันเป็นระดับของสูงสุดสู่สามัญ
เพราะฉะนั้นเขาจึงตั้งชื่อมันว่าดาบสลักกลวงแท้
ในเวลานั้นเองที่เกิดความคิดหนึ่งแล่นเข้ามาในหัวของเทพสวรรค์หลัวเฟิง คิดได้ว่ามันมีอะไรแปลก ๆ
เพราะก่อนหน้านี้ตอนที่เฟิงเทียนหยางถูกซัดจนปลิวออกมา มันก็ไม่มีคลื่นพลังใด ๆ เกิดขึ้นเลยมิใช่หรือ?
หรือว่า…เจ้าเด็กคนนี้จะสามารถเก็บครอบพลังไว้อย่างแน่นหนาจนไม่มีพลังใดหลุดรั่วออกมาสู่ภายนอกเลย?
เรื่องเช่นนั้นมันทำได้ด้วยหรือ?
“ไม่ได้การ! เทียนหยาง หลบเร็ว!”
เทพสวรรค์หลัวเฟิงนั้นร้องตะโกนออกมาพร้อมขยับร่างไปด้านหน้าหวังจะขัดการปะทะของคนทั้งสอง
แต่น่าเสียดายที่มันสายเกินไปแล้ว
หนึ่งสว่างหนึ่งมืดมน สองพลังโจมตีปะทะเข้าหากันจนทำให้มิติโดยรอบแตกหัก
การปะทะกันในระดับนี้มันคงพูดได้แค่ว่ามีพลังถล่มทลายฟ้าดิน ทำให้ภูเขาแตกสลายแม่น้ำไหลย้อนสาย
ทุกผู้คนได้แต่มองดูภาพตรงหน้าอย่างตื่นตะลึง สมองของพวกเขาทั้งหลายยังไม่ทันจะคิดอะไรได้ในเสี้ยววินาทีนี้ เหตุใดดาบโง่ ๆ ของเย่หยวนนั้นมันถึงได้มีพลังอันน่าหวาดหวั่นเช่นนี้?
เดิมทีดาบสลักกลวงของเย่หยวนมันก็มีพลังที่หนักหน่วงรุนแรงอยู่เป็นทุน
ตอนนี้เมื่อถูกฝึกฝนจนถึงขั้นสุดแล้วมันจนทำให้ดาบสลักกลวงแท้นี้ไม่มีการสูญเสียพลังงานใด ๆ ระหว่างทางแล้วมันจึงทำให้พลังของดาบเพิ่มขึ้นไปอีกหลายเท่าตัว
คลื่นพลังอันรุนแรงเช่นนี้แม้แต่ดัชนีสลายมิติใด ๆ ก็ไม่อาจจะทนทานไว้ได้
เฟิงเทียนหยางนั้นยังไม่ทันจะได้ร้องร่ำใด ๆ ก็ต้องตายตกลง
ทุกผู้คนได้แต่มองภาพตรงหน้าด้วยปากที่อ้าค้าง ไม่อยากจะเชื่อสายตาของตน
“ทำไม…ทำไมมันกลายเป็นเช่นนี้ไป?”
“คนที่ตายกลับกลายเป็นเฟิงเทียนหยาง?”
“ดาบนี้มันคืออะไรกัน? เหตุใดมันถึงได้มีพลังรุนแรงปานนี้?”
…………………………