พวกแกสองคนเข้ามาเดี๋ยวนี้
หลันเทียนมองไปที่ข้างนอกแวบหนึ่ง น้ำเสียงเข้มงวด จากนั้นหัวหน้าลั่วและลั่วต้าเจียงก็เดินเข้ามา
อธิบดีหลัน ผม……
เดิมทีหัวหน้าลั่วต้องการพูดอะไรบางอย่าง แต่สายตามองไปที่บนตัวของเฉินอีก็เย็นชาอย่างฉับพลัน
ทำไมถึงเป็นแก!
ลั่วต้าเจียงเอ่ยปากพูดก่อน จ้องมองเฉินอีอย่างไม่ละสายตา
ในสมมติฐานของเขาเฉินอีควรจะต้องทนทุกข์ทรมานอยู่ในห้องสอบสวน ทำไมก็ปรากฏตัวในห้องทำงานของอธิบดีกรมอนามัยและความปลอดภัย!
ไอ้หมอนี่มาทำอะไรอยู่ที่นี่ รีบไสหัวออกไปให้พ้น
ลั่วต้าเจียงโบกมืออย่างหงุดหงิดมาก ถ้าหากไม่ใช่เพราะว่าความสัมพันธ์ของหลันเทียนแล้วก็หยางเหลียนหลง ก็ลงมือกับไอ้หมอนี่ไปตั้งนานแล้ว
หัวหน้าลั่วก็ค่อนข้างมึนงง ทันใดนั้นก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมา สีหน้าก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน
ต้าเจียง หยุดพูดได้แล้ว
ลั่วต้าเจียงดูตกตะลึง และพูดว่า: อา อาเป็นอะไร?
เขามองไปอย่างค่อนข้างไม่ทราบสาเหตุ เห็นได้ชัดมากว่าท่าทีคุณอาของตัวเองทำให้เขาค่อนข้างสนใจ
หัวหน้าลั่วสูดหายใจลึกๆ และพูดกับหยางเหลียนหลงว่า: สวัสดีครับอธิบดีหยาง
ฮ่าๆ
เมื่อเผชิญหน้ากับคำทักทายของหัวหน้าลั่ว หยางเหลียนหลงก็หัวเราะอย่างไม่สนใจแม้แต่น้อย แต่สายตากลับเหลือบมองไปทางเฉินอี
คราวนี้หัวใจของหัวหน้าลั่วอดไม่ได้ที่จะกระตุกหนึ่งที
เรื่องคงจะไม่เว่อร์เกินไปขนาดนี้นะ
วินาทีต่อมาหลันเทียนตบมือของหัวหน้าลั่ว และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาเล็กน้อย: มา พูดมาสิ เกี่ยวกับเรื่องที่วังซื่อกรุ๊ปขโมยงานออกแบบของหลี่ซือกรุ๊ป ทำไมแกไม่รายงาน แต่ส่งคนตรงไปแจ้งให้วังซื่อกรุ๊ปทราบ?
ผม……
หัวหน้าลั่วตกใจจนเหงื่อแตก
นี่ยังอยู่นอกเหนือจากความคาดหมายของเขาจริงๆ ตอนแรกคิดว่าอาศัยอำนาจของตัวเองก็สามารถที่จะระงับเรื่องนี้ได้โดยไม่รายงาน แต่ไม่เคยคิดว่าหลันเทียนจะรู้เรื่องแล้ว
เอื๊อก
หลังจากที่เขากลืนน้ำลายแล้ว ถึงได้ฝืนพูดว่า: หลี่เจ๋อของหลี่ซือกรุ๊ปเพิ่งจะมาร้องเรียน บอกว่างานออกแบบดั้งเดิมของพวกเขาเหมือนกับงานออกแบบที่วังซื่อกรุ๊ปที่ส่งมาในครั้งนี้ ดังนั้นผมถึงได้ติดตามเรื่องนี้
สิ่งที่เขาพูดก็เป็นความจริง แต่ความจริงเพียงบางส่วนเท่านั้น
ต่อให้จะเป็นแบบนั้น แต่แกก็ไม่ควรออกคำสั่งหยุดงานของวังซื่อกรุ๊ปนะ แกรู้มั้ยว่าระดับความสนใจของอธิบดีกรมการปกครองและลูกพี่ใหญ่ในเมืองเอกหลายคนมีต่อเรื่องนี้มากแค่ไหน?
เสียงของหลันเทียนยังคงเหมือนเดิม
หัวหน้าลั่วก้มหน้าไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรบาง
ครั้งนี้ แต่กลับเป็นเฉินอีที่เอ่ยปาก
เท่าที่ฉันรู้ หัวหน้าลั่วน่าจะเป็นหนึ่งในผู้รับผิดชอบการร่วมลงทุนครั้งนี้ของวังซื่อกรุ๊ป ในเวลาเดียวกันก็มีการร่วมลงกับหลี่ซือกรุ๊ปบาง งั้นคุณเคยเห็นงานออกแบบของหลี่ซือกรุ๊ปมาก่อนหรือเปล่า
หัวหน้าลั่วยังไม่พูดอะไร ลั่วต้าเจียงกลับพูดอย่างไม่พอใจว่า: ไอ้เวร แกเป็นใครก็กล้ามาถามอาของฉัน……
ไอ้โง่
หลันเทียนกับหยางเหลียนหลงเอ่ยปากพร้อมกัน
พวกเขาสงสัยว่าสติปัญญาของไอ้หมอนี่จริงๆ
เรื่องราวดำเนินมาถึงขั้นนี้ไม่นึกเลยว่ายังไม่เข้าใจสถานการณ์ และตวาดใส่เฉินอีอย่างอวดดีอยู่ที่นั่น รนหาที่ตายอย่างไม่ต้องสงสัยไม่ใช่หรอกเหรอ
…….
ลั่วต้าเจียงถูกอธิบดีสองคนด่าไอ้โง่พร้อมกันหนึ่งประโยค คนทั้งคนก็มึนงงมาก
ครั้งนี้หัวหน้าลั่วก็ตื่นตัวในที่สุด
ชายหนุ่มที่ถูกพวกเขาส่งตัวเข้ามา ก็คือคุณเฉินที่หลันเทียนเร่งรีบอยากจะตามหาให้เจอก่อนหน้านี้!
ละครเรื่องนี้ ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเว่อร์เกินจริง
แต่เขาตรวจสอบตัวตนของชายหนุ่มคนนี้แล้ว ก็แค่พนักงานธรรมดาคนหนึ่งของวังซื่อกรุ๊ป ทำไมถึงได้กลายเป็นแขกรับเชิญของสองอธิบดีระดับผู้ยิ่งใหญ่อย่างหยางเหลียนหลงกับหลันเทียนได้?!
ในระหว่างนั้นคงจะต้องเกิดปัญหาอะไรอย่างแน่นอน แต่สุดท้ายผมก็ไม่สามารถที่จะตรวจสอบพบได้
เขาไม่ใช่คนโง่ ก็ย่อมรู้ว่าเฉินอีกำลังแสร้งทำเป็นคนอ่อนแอไร้น้ำยาเพื่อหลอกลวงให้ศัตรูตายใจ
ผลเป็นอย่างที่ฉันคาดไว้ หลันเทียนเอ่ยปาก
คุณเฉินท่านนี้ เป็นนายพลเกษียณจากหน่วยทหาร ตอนนี้ก็เป็นเถ้าแก่ของกองทุนมูลนิธิโตว๋โนว่ ทีมออกแบบของวังซื่อกรุ๊ปเขาก็เป็นคนเชิญมาจากตี้จิง พวกแกคิดว่าปรมาจารย์ด้านการออกแบบชั้นนำของตี้จิงนั้นไม่ดีเท่าของหลี่ซือกรุ๊ปเหรอ จะต้องไปขโมยงานออกแบบของคนอื่นเขางั้นเหรอ?!
ตูม!
หัวหน้าลั่วราวกับจะถูกสายฟ้าฟาด คนทั้งคนก็ล้มลงกับพื้นโดยตรง และสีหน้าซีดเซียว
มิน่าล่ะ เขาว่าทำไมตัวเองถึงตรวจสอบเบื้องหลังของเฉินอีไม่ได้ ที่แท้ที่มาของอีกฝ่ายเป็นความลับทางการทหาร
เดิมทีตัวตนเถ้าแก่ของกองทุนมูลนิธิโตว๋โนว่ก็ลึกลับ เขาก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะไปตรวจสอบ และไม่สามารถเชื่อมโยงอยู่ด้วยกันได้ตั้งแต่ต้นจนจบ
ลั่วต้าเจียงที่ตอนแรกยังมองดูเฉินอีอย่างค่อนข้างเยือกเย็น ครุ่นคิดว่าต่อไปจะจัดการกับไอ้หมอนี่ยังไง
แต่ตามด้วยคำพูดของหลันเทียนที่ออกมา ต่อให้ลั่วต้าเจียงจะโง่แค่ไหนก็ตื่นตัวขึ้น
ท่านนี้ ไม่นึกเลยว่าจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่ของระดับใหญ่มหันต์!
พรึ่บพรั่บ!
ลั่วต้าเจียงคุกเข่าลงบนพื้น สายตาก็เลื่อนลอย
เฉินอียิ้มเล็กน้อย
หัวหน้าลั่ว ก่อนหน้านี้คุณอยู่บนพื้นที่ของกรมการก่อสร้างบอกว่า ตราบใดที่มีคุณและคุณอาของคุณอยู่ เรื่องนี้ก็จะถูกบดขยี้อย่างแน่นหนา ใครก็ไม่ปัญญาที่จะยุ่งเกี่ยวได้
ดูเหมือนว่าอำนาจของพวกคุณจะยิ่งใหญ่กว่าอธิบดีหลัน และยิ่งใหญ่กว่ากฎหมายของประเทศนี้เหรอ?
นี่ นี่ นี่!
หัวหน้าลั่วตกตะลึง
เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าหลานชายของตัวเองจะพูดคำพูดแบบนี้ออกมา
เดิมทีเขาต้องทำเรื่องนี้ให้เสร็จอย่างลับๆ ต่อให้มีคนรู้บางก็ไม่เป็นไร
แต่หลานชายคนนี้เย่อหยิ่งเกินไป พูดคำพูดแบบนี้ออกมาก็สร้างปัญหาใหญ่หลวงให้กับตัวเองไม่ใช่หรอกเหรอ
แก!
เขาอดไม่ได้ที่จะจ้องมองลั่วต้าเจียงอย่างไม่ละสายตา ไอ้โง่นี้ทำร้ายตัวเองตายไม่ว่า ขนาดเขาที่เป็นอาคนนี้ก็ต้องแย่ไปด้วย โง่เกินไปแล้วจริงๆ!
สีหน้าของลั่วต้าเจียงซีดเซียว
หลันเทียนก็เดินเข้ามา และพูดด้วยรอยยิ้มเยือกเย็นว่า: ถ้าหากพวกแกต้องการตรวจสอบวังซื่อกรุ๊ป ก็ได้ แต่เพิ่งจะมีคนร้องเรียน พวกแกก็ออกคำสั่งหยุดงานวังซื่อกรุ๊ป นี่ทำเรื่องตามระบบกฎเกณฑ์ หรือว่าแกมีหลักฐานที่เพียงพออยู่ในมือแล้วเหรอ?
หัวหน้าลั่วหวาดผวามากขึ้น
หลักฐานเหรอ?
เขามีของสิ่งนี้ที่ไหนกัน
ยิ่งไปกว่านั้น เรื่องของทีมออกแบบของวังซื่อกรุ๊ปมาจากตี้จิง หัวหน้าลั่วก็ไม่เคยได้ยินมาก่อน
คาดไม่ถึงว่า หลี่ซือกรุ๊ปได้รับข่าวมาบางแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจ ถึงขนาดไม่บอกเรื่องนี้กับเขาด้วย ไม่อย่างนั้นหัวหน้าลั่วคงจะพิจารณาอย่างรอบคอบแทนที่จะใจร้อนบ้าบิ่นขนาดนี้
ล้อเล่นอะไรกันเนี่ย
อย่าว่าแต่นักแบบที่มาจากสถานที่ตี้จิงแบบนั้นเหนือกว่าสายงานเดียวกันของสถานที่อื่น เพียงแค่ปรมาจารย์ออกแบบหกคำนี้ ปริมาณก็หนักกว่าอย่างไม่มีอะไรเทียบได้
ตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน จนถึงตอนนี้สายงานออกแบบของเมืองฉือยังไม่มีปรมาจารย์ออกแบบคนหนึ่ง การออกแบบของหลี่ซือกรุ๊ปเหล่านั้นเขาก็เคยเห็นมาก่อน ถือได้ว่าไม่เลว แต่ห่างจากวังซื่อกรุ๊ปเป็นอย่างมาก
ถอยอีกหนึ่งหมื่นก้าว อย่างทีมออกแบบของหลี่ซือกรุ๊ป แม้ว่าจะให้เวลาอีกฝ่ายหนึ่งถึงสองปีก็ไม่สามารถที่จะออกแบบงานเหมือนอย่างวังซื่อกรุ๊ปได้
ผม ผมผิดไปแล้วครับ!
หัวหน้าลั่วก็ไม่มีพละกำลังที่จะพูดยอกย้อนอย่างสิ้นเชิง
เขารู้ว่าหลานชายของตัวเองแฉตัวเองแล้ว ตัวของเรื่องนี้เองก็ไม่ทนต่อกลั่นกรองแม้แต่น้อย ไม่อย่างนั้นเขาก็ไม่สามารถที่จะไม่รายงานได้ และใช้อุบายทำลงไปก่อนแล้วค่อยรายงานทีหลังโดยตรง
หึ!
หลันเทียนทำเสียงหึ
พูดกับเฉินอีว่า : คุณเฉิน เรื่องนี้ชัดเจนแล้ว วังซื่อกรุ๊ปไม่มีความผิด