บทที่ 365 เอ๊ย ไม่
บทที่ 365 เอ๊ย ไม่
จางเสี่ยวหยูใช้เวลาหนึ่งเดือนในเมืองเฉิงไห่ นอกจากการเล่นเกมออนไลน์ที่ใช้เวลาไปครึ่งหนึ่งแล้ว เวลาที่เหลือก็เธอมักจะใช้ไปกับการสืบสวนเสมอ
จากบันทึกของมิดซัมเมอร์กรุ๊ปเมื่อห้าปีที่แล้ว ไปถึงคดีประหลาดของเซี่ยกวงเหวย อดีตประธานมิดซัมเมอร์กรุ๊ปที่กระโดดจากตึกเมื่อสี่เดือนก่อน เช่นเดียวกับภรรยาของเซี่ยกวงเหวย และลูกสาวคนเดียวที่หายตัวไปเซี่ยหลิง เรื่องทั้งหมดนี้อยู่ภายใต้การสืบสวนของเธอ
นอกจากนี้ยังรวมถึงร้านอินเทอร์เน็ตโกลด์เมดัลที่เซียวเฟิงเคยทำงานอยู่หลายเดือน และรัฐมนตรีตงซึ่งมีความขัดแย้งกับเซียวเฟิง
อย่าประมาทความสามารถของจางเสี่ยวหยู หลังจากรวบรวมเบาะแสมามากมาย ในที่สุดเธอก็ ‘ปรับ’ ภาพถ่ายของออลเรเลียเมื่อห้าปีที่แล้วด้วยโปรแกรมตัดต่อ จากนั้นเปรียบเทียบกับภาพถ่ายของเซียวเฟิงและพบว่ามันเข้ากับเซียวเฟิงอย่างสมบูรณ์ ด้วยเหตุนี้ เธอจึงสามารถระบุตัวตนของเซียวเฟิงได้!
ออลเรเลียคือเจ้าแห่งฮีลเลอร์!
เซียวเฟิงคือจางเซียวเฟิง!
“เธอ… เธอกำลังพูดเรื่องอะไร?” ความคิดของหลิวเฉียงเหว่ยหยุดนิ่งและว่างเปล่า เธอมองไปที่จางเสี่ยวหยูด้วยความสับสน
“ฉันบอกว่าเซียวเฟิงเป็นพี่ชายของฉัน จางเซียวเฟิงเขายังไม่ตาย และตอนนี้เขาก็สบายดีด้วย” จางเสี่ยวหยูตอบ เมื่อเห็นปฏิกิริยาของหลิวเฉียงเหว่ย เธอก็รู้สึกแปลก ๆ
“หืม? เธออยู่กับเขาไม่ใช่เหรอ? ไม่รู้เรื่องนี้เลยหรือไง?”
“ฉัน… ฉัน…” หลิวเฉียงเหว่ยเพียงรู้สึกถึงเพียงความคิดที่อธิบายไม่ถูกนับไม่ถ้วนไหลเข้ามาในความคิดของเธอในขณะนี้ ทำให้เธอรู้สึกว่าสมองของเธออ่อนล้า
เซียวเฟิงคือจางเซียวเฟิง? คนที่เธอจะแต่งงานด้วย?
นี่! นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย!
ไม่ใช่ว่าจางเซียวเฟิงแห่งตระกูลจางตายไปหลายปีแล้วเหรอ?! และเธอได้อาศัยอยู่ในเงามืดของการเป็นเครื่องสังเวยที่มีชีวิตต้องแต่งงานกับผี และอยู่กับความตื่นตระหนกมานานหลายปี!
การปรากฏตัวของเซียวเฟิงทำให้เธอมองเห็นรุ่งอรุณ และด้วยความช่วยเหลือของเขา เธอต้องการที่จะต่อต้านชะตากรรมนี้ ต่อต้านตระกูลจาง และแม้แต่เสียสละร่างกายของเธอเอง!
ทว่าตอนนี้ เธอถูกบอกว่าเซียวเฟิงคือจางเซียวเฟิงแห่งตระกูลจาง คนที่เธอจะแต่งงานด้วย เขาไม่เพียงแต่มีชีวิตอยู่เท่านั้น แต่ยังมีชีวิตที่ดีอีกด้วย
…นี่…มันน่าอายชะมัด!
“เธอ…เธอมีหลักฐานอะไรไหม? เธอแน่ใจงั้นเหรอ?” หลิวเฉียงเหว่ยพูดตะกุกตะกักราวกับว่าระบบของเธอพังทลายลง
“แน่นอน ฉันแน่ใจ หลิวเฉียงเหว่ย ดูเหมือนว่าเธอจะไม่รู้ว่าหลังจากที่พี่ชายของฉันทรยศและหนีจากตระกูลจางไป เขาก็ปรากฏตัวในที่สาธารณะได้ระยะหนึ่ง และแล้วก็ได้เข้าร่วมการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศระดับโลกในนามออลเรเลีย”
จางเสี่ยวหยูพูดไม่ออก เธอไม่คิดว่าหลิวเฉียงเหว่ยจะไม่รู้เรื่องนี้ และท่าทีที่ไม่แยแสและไม่เป็นมิตรของเธอก็ไม่ใช่ของปลอม
“ออลเรเลีย…” หลิวเฉียงเหว่ยพูดอย่างเงียบ ๆ ทั้งหมดนี้เธอเกือบจะสามารถยืนยันได้ เพราะเธอได้ตรวจสอบเซียวเฟิงและเชื่อมโยงเซียวเฟิงกับออลเรเลียคนนั้น
ดังนั้นจิตใจของหลิวเฉียงเหว่ยก็พังทลายลงทันที เธอรู้สึกเวียนหัว ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรในตอนนี้
“เฉียงเหว่ย ในเมื่อเธอรู้ตัวตนของพี่ชายของฉันแล้ว เธอจะไม่ต่อต้านตระกูลจางของเราอีกแล้วใช่ไหม? เพราะเธอก็อาศัยอยู่กับพี่ชายของฉันแล้วนี่” จางเสี่ยวหยูถาม และดวงตาของเธอก็เต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์
“อืม…” หลิวเฉียงเหว่ยพยักหน้าอย่างอาย ๆ ในขณะที่ใบหน้าที่สวยงามของเธอก็แดงขึ้นเล็กน้อย หากเซียวเฟิงจะเป็นคนที่เธอต้องแต่งงานด้วย เธอจะต่อต้านได้ยังไง?
“สามวันหลังจากนี้อย่ามางานพิธีหมั้นสายล่ะ แล้วก็อย่าลืมแจ้งให้พี่ชายของฉันทราบด้วย” จางเสี่ยวหยูเตือน
“อืม… เดี๋ยวก่อน ให้ฉันแจ้งเขา? ฉันไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหนด้วยซ้ำ” หลิวเฉียงเหว่ยพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะตอบสนองด้วยการบอกเรื่องการหายตัวไปของเซียวเฟิง
“เธอไม่รู้เหรอ?” จางเสี่ยวหยูตัวแข็ง
“เธอก็ไม่รู้เหมือนกันเหรอ?” หลิวเฉียงเหว่ยก็ตกตะลึงเช่นกัน
ในเวลานี้ ผู้หญิงสองคนมองหน้ากัน ทั้งคู่ตกตะลึงแล้วรีบดึงสติกลับมาที่ตัวเอง
“ฉันต้องออกจากระบบไปโทรศัพท์เดี๋ยวนี้ ฉันปล่อยให้พี่ชายของฉันหายตัวไปไม่ได้อีกแล้ว ตระกูลจางตามหาเขามานานแล้ว!” จางเสี่ยวหยูพูดขึ้นทันที แล้วออกจากระบบโดยไม่เคลื่อนย้ายตัวละคร
“ฉันก็ต้องออกจากระบบไปโทรหาพ่อของฉันด้วย…” หลิวเฉียงเหว่ยกำลังจะออกจากระบบ แต่ก่อนที่เธอจะได้ลงมือ เธอพบว่าจางเสี่ยวหยูนิ่งไปแล้ว และทิ้งร่างตัวละครในเกมไว้ที่นี่ ซึ่งทำให้เธอรู้สึกปวดหัว
ดังนั้นเธอจึงต้องหยุดออกจากระบบและโทรหาลิลลี่เพื่อย้ายร่างของจางเสี่ยวหยูไปที่วังเจ้าเมืองด้วยกัน โชคดีที่การลงโทษสำหรับต่อต้านการล่วงละเมิดระหว่างผู้เล่นเพศเดียวกันนั้นกระตุ้นได้ยาก พวกเขาเลยไม่ถูกลงโทษด้วยฟ้าผ่า
ณ โรงแรมธุรกิจในเมืองเฉิงไห่ จางเสี่ยวหยูรีบโทรไปที่บ้านของเธอแต่กลับติดสายคนอื่น ไม่มีใครรับสาย และขณะที่เธอรู้สึกแปลก ๆ หวงฟู ตงไลก็ได้โทรหาเธอ
“คุณจาง เรื่องกิลด์มิดซัมเมอร์ที่ให้คุณจัดการล่ะ? ถ้ากิลด์แอนติควิตี้ต้องการครองภาคใต้ กิลด์มิดซัมเมอร์ถือเป็นอุปสรรคใหญ่นะ”
“ท่านหวงฟู บางทีต่อจากนี้ท่านอาจไม่สามารถทำร้ายกิลด์มิดซัมเมอร์ได้แล้ว” จางเสี่ยวหยูตอบกลับ
“คุณจางหมายความว่าไง?” หวงฟู ตงไลสงสัย
“หัวหน้ากิลด์มิดซัมเมอร์ได้ยืนยันแล้วว่าเธอจะแต่งงานกับตระกูลจางของเรา และกลายเป็นสมาชิกคนหนึ่งของตระกูลจาง ดังนั้นกิลด์มิดซัมเมอร์จะมีตระกูลจางของเราหนุนอยู่ข้างหลัง” จางเสี่ยวหยูหัวเราะ
“อย่างนั้นหรือ? เข้าใจแล้ว ถ้าเช่นนั้นก็ขอแสดงความยินดีกับตระกูลจางสำหรับการได้รับกองกำลังที่มีประสิทธิภาพอย่างกิลด์มิดซัมเมอร์ ต่อจากนี้ กิลด์แอนติควิตี้จะไม่ขัดแย้งกับกิลด์มิดซัมเมอร์อีกต่อไป” หวงฟู ตงไลตะลึงและฝืนยิ้ม
“ขอบคุณค่ะท่านหวงฟู” จางเสี่ยวหยูวางสายด้วยรอยยิ้ม จากนั้นจึงโทรกลับไปที่บ้าน แต่อีกฝั่งก็ยังคงติดสายไม่ว่างรับ
อีกด้านหนึ่ง ในโลกของเกม ภายในฐานที่ตั้งของกิลด์แอนติควิตี้ เล่าสวีเห็นหวงฟู ตงไลตกอยู่ในความงุนงง เขาเข้ามาและถามด้วยความสงสัย
“มีอะไรผิดปกติเหรอหวงฟู?”
“ตระกูลจางได้กิลด์มิดซัมเมอร์ไปแล้ว และต่อจากนี้เราต้องตัดใจจากภาคใต้แล้ว” หวงฟู ตงไลรู้สึกหดหู่ใจมากและพูดเรื่องนั้นอีกครั้ง
“นี่มัน… ตระกูลจางร้ายกาจเกินไปแล้ว! พวกเขาเอากิลด์มิดซัมเมอร์มาเป็นสินสอดทองหมั้น! และพวกเขาก็ได้กองกำลังขนาดใหญ่มาโดยไม่ต้องออกแรงเลย!”
เล่าสวีก็ถึงกับตกตะลึง จากนั้นเขาก็รู้สึกสับสนเล็กน้อย “แต่ตระกูลจางทำให้โรสยอมจำนนได้ยังไง? ฉันคิดว่าโรสยอมตายมากกว่ายอมจำนนเสียอีก และถ้าเป็นแบบนั้นตระกูลจางก็น่าจะใช้มาตรการบังคับมากกว่า ด้วยวิธีนี้ หลังจากที่เสียโรสไป กิลด์มิดซัมเมอร์ก็จะกลายเป็นกิลด์ไร้เจ้าของ บางทีเราอาจได้ประโยชน์จากกรณีนั้นเพียงพอ แต่ไม่คิดเลยว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นนี้”
“ฉันก็ไม่รู้! ยังไงก็เถอะ ลืมภาคใต้ไปได้เลย ฉันไม่เชื่อว่าตระกูลจางจะปล่อยกิลด์มิดซัมเมอร์ซึ่งเป็นก้อนเนื้อย่างชิ้นโตนี่ไปแน่ ดังนั้นจึงไม่มีโอกาสสำหรับเราอย่างแน่นอน” หวงฟู ตงไลรู้สึกหดหู่ใจมาก
“เช่นนั้น เราก็มีแต่ต้องเปลี่ยนเป้าหมายไปทางตะวันออกเท่านั้น” เล่าสวีส่ายหัว
“ตะวันออก กิลด์สู้เพื่อโลกงั้นเหรอ? ว่ากันว่าผู้หนุนหลังคือชายที่ร่ำรวยที่สุดในฮัวเซีย และชื่อของเขาคือ…เจียงไคเชิน มันอาจจะเป็นศัตรูที่ยากเอาเรื่อง” หวงฟู ตงไลคิดเกี่ยวเรื่องนี้
“แล้วถ้ามันยากก็ลองเทียบกับตระกูลจางดูไหมล่ะ?” เล่าสวียังคงส่ายหัว คำพูดของตระกูลจางทำให้เขาปวดหัวเมื่อเขานึกถึงมัน
“ฉันเลือกตะวันออก ตราบใดที่ตระกูลจางยังอยู่ ภาคใต้จะปลอดภัยและไม่มีใครกล้ารุกราน เรายังอยู่ในสภาพที่ดี สิ่งที่ยากจริง ๆ คือไดนัสตี้”
หวงฟู ตงไลส่ายหัวอย่างรวดเร็ว แม้ว่าชื่อผู้ที่ร่ำรวยที่สุดของฮัวเซียจะดูน่ากลัว แต่เมื่อเปรียบเทียบกับตระกูลจาง มันก็กลายเป็นชื่อที่อ่อนแอในทันที
มีเพียงไม่กี่คนที่ใช้รู้เบอร์ติดต่อของตระกูลจาง ทว่าเมื่อจางเสี่ยวหยูโทรกลับไป มันก็ยังติดพันกับสายอื่นอยู่
ในบ้านทรงโบราณของตระกูลจาง มีไม้จันทน์เผาอยู่บนโต๊ะ ข้าง ๆ กันนั้นเป็นโทรศัพท์รุ่นเก่า
ที่หน้าโต๊ะ มีชายวัยกลางคนที่มีชีวิตชีวาในชุดคลุมสีขาวสะอาด ผมยาวของเขาเกล้าไว้ด้วยปิ่นปักผม เขานั่งสมาธิขณะรับโทรศัพท์ นี่คือหัวหน้าตระกูลจางรุ่นนี้ และเป็นบิดาผู้ให้กำเนิดของเซียวเฟิงกับจางเสี่ยวหยู นามว่าจางจงเหลียง
“คุณหลิว ลูกสาวของคุณเป็นผู้หญิงที่ได้รับพรและถูกกำหนดให้อยู่กับตระกูลจางของเรา เธอคือคนที่ตระกูลจางของเราต้องการ โปรดส่งเธอมาที่ตระกูลจางของเราในอีกสามวันหลังจากนี้เพื่อจบเรื่องพิธีแต่งงาน”
จางจงเหลียงไม่ลืมตา น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนและใจดี ทำให้ผู้คนสงบและผ่อนคลาย
“ท่านจาง! ผมรู้ว่าตระกูลจางของท่านแข็งแกร่งมาก! แต่ตระกูลหลิวของเราไม่อาจยอมถูกรังแกได้ง่าย ๆ! แม้ว่าตระกูลหลิวจะร่ำรวยเพียงเล็กน้อยในโลกความเป็นจริง และไม่อาจเทียบกับตระกูลจางของท่านได้ แต่ตระกูลหลิวก็เต็มไปด้วยความเข้มแข็งไม่ย่อท้อ! ท่านต้องการลูกสาวของผมใช่ไหม? ได้! เอาตัวเธอไป! และวันหมั้นจะเป็นวันที่ผมจะกวาดล้างตระกูลจางของท่าน!”
น่าเสียดายที่มันไม่ได้ผลกับคนที่อยู่อีกฝั่งของโทรศัพท์ เสียงคำรามด้วยความโกรธที่ชัดเจนดังขึ้น เห็นได้ชัดว่าเป็นพ่อของหลิวเฉียงเหว่ย ในฐานะประธานของบริษัทที่ติดรายชื่อ 500 อันดับแรกของโลก เขาควรจะมีแต่ความเจริญรุ่งเรือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากมีลูกสาวที่สวยสง่า ซึ่งควรเป็นของขวัญจากพระเจ้า
แต่น่าเสียดายที่เขาพัวพันกับตระกูลจางและเริ่มชีวิตที่น่าเศร้าของตัวเอง
“คุณหลิว ตระกูลจางของเราสืบทอดกันมาหลายพันปีแล้ว ตั้งแต่สมัยโบราณ เราไม่เคยประสบกับความตกต่ำ เพราะเจตจำนงของตระกูลจางคือทำตามประสงค์ของพระเจ้า การแต่งงานกับตระกูลจางคือการได้รับพรสำหรับคนรุ่นหลังของคุณ หวังว่าคุณจะสามารถคว้าโอกาสนี้ไว้ได้”
จางจงเหลียงลืมตาขึ้นทันที ดวงตาของเขาดุดัน ยากจะต้านทานและครอบงำ ทว่ากลับถูกอีกฝ่ายวางสายด้วยความโกรธ ซึ่งทำให้จางจงเหลียงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
จางจงเหลียงวางโทรศัพท์ลง แต่ก่อนที่เขาจะละมือออกจากโทรศัพท์ มันก็ดังอีกครั้ง คราวนี้เป็นสายจากจางเสี่ยวหยู
“อะไรนะ? หายตัวไปอีกแล้ว? จะหาเขาเจอในวันนี้ไหม? ไม่แน่ใจ? โอเค พ่อรู้”
หลังจากวางสายอีกครั้ง จางจงเหลียงก็มีอาการปวดหัวเช่นกัน ในที่สุด จางเสี่ยวหยูก็หาเขาเจอโดยไม่คาดคิด แต่เขาก็หายตัวไปอีกครั้ง ดูเหมือนว่าพิธีหมั้นหลังจากสามวันอาจจะไม่สามารถจัดขึ้นได้
ดังนั้นจางจงเหลียงจึงคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้และตัดสินใจที่จะโทรหาตระกูลหลิวเพื่อบอกเขาถึงการเลื่อนงานแต่งงาน สาเหตุหลักเป็นเพราะท่าทีของตระกูลหลิวนั้นเดือดดาลเกินไป การเลื่อนเวลาออกไปอาจช่วยลดท่าทีและอารมณ์ของตระกูลหลิวได้
แต่ก่อนที่จางจงเหลียงจะกดโทรศัพท์ โทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง ปรากฎว่าครั้งนี้มาจากตระกูลหลิว จางจงเหลียงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาทันที ก่อนที่จางจงเหลียงจะพูด อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ก็ได้เริ่มพูดก่อน
“ท่านจาง! ตระกูลจางของท่านเป็นตระกูลใหญ่! ดังนั้นท่านจะต้องไม่ผิดคำพูด! ในเมื่อท่านวางแผนจะหมั้นหมายกันในอีกสามวันหลังจากนี้ ท่านก็ต้องจัดการตามกำหนด! ถ้าท่านรังแกตระกูลหลิวของผมด้วยการไม่ให้ตำแหน่งที่ถูกต้องกับลูกสาวของผม และล้อเล่นกับการหมั้นละก็ วันที่หมั้นหมายจะเป็นวันที่ผมกวาดล้างตระกูลจางของท่าน!”
“เอ๊ย ไม่ คุณหลิว เดี๋ยวก่อน ฟังฉัน…”
“เลิกเพ้อเจ้อซะ! ตระกูลหลิวของผมเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น! เราจะแต่งงานถ้ามันถูกกำหนดแล้ว! แค่นั้นแหละ!”
จางจงเหลียงตกตะลึง หลังฟังเสียงปลายสายที่วุ่นวาย เขาก็สติหลุดไปนาน อะไรนะ? คนที่ปฏิเสธการแต่งงานก็เป็นฝ่ายอยากจะแต่งงานขึ้นมา เกิดอะไรขึ้นกัน?