ตอนที่ 19 ยาร้อน
คิ้วของซุนต้าตงขมวดเข้าหากันแน่น เมื่อเห็นเจียงต้ายา เขาก็ส่งเสียงหัวเราะเล็กน้อย จากนั้นก็จุ๊ปากใส่เจียงต้ายาอย่างมีเลศนัยและจงใจพูดเสียงออเซาะ ต้ายา เรียกข้ามากลางดึกเช่นนี้… เจ้าคิดจะทำอะไรหรือจ๊ะ ?
ตั้งแต่ตั้งครรภ์มา เจียงต้ายาก็ไม่เคยมีอาการแพ้เลย ทว่าเมื่อเห็นซุนต้าตงทำท่าทางชวนสะอิดสะเอียน นางก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอยากอาเจียนขึ้นมา
แต่ตอนนี้ยังต้องการใช้เขาอยู่ นางจึงไม่ชักสีหน้าใส่เขา
เจียงต้ายาอดกลั้นอาการคลื่นไส้เอาไว้ และส่งยิ้มให้เขาอย่างฝืน ๆ พี่ต้าตง พี่รู้แล้วใช่ไหมว่าเจียงป่าวชิงหญิงปัญญาอ่อนบ้านข้า นางไม่ปัญญาอ่อนแล้ว ?
ซุนต้าตงสบถในลำคอเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ขยับเข้าไปใกล้เจียงต้ายา และใช้โอกาสนี้ลูบคลำหลังมือของนาง ข้าจะไม่รู้ได้อย่างไร ? ในเมื่อเรื่องที่เจ้าปัญญาอ่อนคนนั้นไม่ปัญญาอ่อนแล้วถูกเล่าต่อ ๆ กันไปทั่วหมู่บ้านซะขนาดนั้น
สีหน้าของเจียงต้ายาเปลี่ยนไปทันที แต่เพราะนางเกิดมาผิวคล้ำ ประกอบกับที่ตอนนี้ท้องฟ้าก็มืดมากแล้ว จึงทำให้ซุนต้าตงมองไม่เห็น
นางออกแรงชักมือกลับ จากนั้นก็ยิ้มอย่างฝืน ๆ พี่ต้าตง พี่อย่าซนสิเจ้าคะ ที่ข้าให้พี่มาก็เพราะมีเรื่องให้พี่ช่วย… นางพูดกับซุนต้าตงด้วยเสียงเบา
สายตาของซุนต้าตงเปลี่ยนไปทันที เขาหน้าแดงเพราะตื่นเต้นและอดไม่ได้ที่จะถูมือไปมาพลางกลืนน้ำลายอย่างต่อเนื่อง ต้ายา เจ้าเป็นน้องสาวที่ดี ยังดีที่เจ้านึกถึงข้า เจ้าวางใจได้เลย เมื่อข้าได้ลิ้มรสของใหม่แล้ว ข้าจะไม่ลืมเจ้า
ทั้งสองคนปรึกษากันลงตัวแล้ว เจียงต้ายาก็ลอบพาซุนต้าตงเข้ามาในประตูไม้ของบ้านตระกูลเจียง และพาเขาเดินไปที่ห้องดินเหนียวของเจียงป่าวชิงอย่างเงียบ ๆ
ที่ห้องใหญ่ในเวลานี้วุ่นวายมาก แต่เจียงต้ายาก็ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น นางคำนวณเวลา และเมื่อคิดว่ายาที่เล่นงานเจียงป่าวชิงคงจะออกฤทธิ์แล้ว นางก็คิดว่าทำเรื่องนี้ให้สำเร็จก่อน เรื่องอื่นค่อยว่ากันอีกที
ซุนต้าตงเดินนำเจียงต้ายาเล็กน้อย เขาตื่นเต้นจนนัยน์ตาเป็นประกายไปหมดแล้ว เขากำลังจะยื่นมือผลักประตูเข้าไปอย่างอดใจรอไม่ไหว ทว่าเจียงต้ายากับซุนต้าตงคิดไม่ถึงว่าประตูจะเปิดออกเองในตอนนี้
เจียงป่าวชิงยืนอยู่ที่หลังประตู แสงจันทร์สะท้อนลงมาบนใบหน้าของนางพอดี ใบหน้าอ่อนวัยนี้สวยสดงดงามจนบรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้
ทว่า… ใบหน้านี้สวยเพียงด้านเดียว อีกด้านกลับบวมเป่งเหมือนขนมฟู ดูน่ากลัวราวกับพวกภูตผีปีศาจอย่างไรอย่างนั้น
ซุนต้าตงเสียขวัญกับเหตุการณ์นี้จนต้องหันหลังกลับไปทันที ขณะที่สีหน้าของเจียงต้ายา นางยิ่งกว่าเห็นผีเสียอีก
ถูกพบแล้ว!
เจียงป่าวชิงไม่ให้เวลาเจียงต้ายากับซุนต้าตงได้ตอบสนองกลับ นางแหกปากตะโกนขึ้นมาด้วยเสียงดังลั่น พี่ต้ายา ดึกขนาดนี้แล้วพี่พาผู้ชายมาที่หน้าประตูห้องข้าทำไม ?!
เสียงของนางทั้งสูงทั้งแหลม ซ้ำยังพูดอย่างรวดเร็ว นางพูดออกมาในครั้งเดียวโดยไม่หยุดเลย …นี่คงเป็นพลังเสียงที่ใหญ่ที่สุดที่ร่างกายของเจียงป่าวชิงจะสามารถส่งออกมาได้
ตะโกนเสร็จ ใบหน้าเล็กของเจียงป่าวชิงก็แสดงสีหน้าเหมือนกลั้นอะไรสักอย่างไว้จนใบหน้านางแดงเล็กน้อย สมรรถภาพระบบหายใจของร่างกายนี้แย่มาก… เจียงป่าวชิงรู้สึกไม่ชอบ นางตัดสินใจว่าต่อไปจะตื่นให้เร็วขึ้นเพื่อมาออกกำลังกาย
แผนชั่วของเจียงต้ายากับซุนต้าตงถูกจับได้แล้ว และฝ่ายนั้นยังตะโกนออกมาอย่างเสียงดังอีกต่างหาก
แม้ว่าซุนต้าตงจะใจอำมหิต แต่เขาก็เป็นเเค่ชายเสเพลที่ปอดแหกคนหนึ่งในหมู่บ้าน เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เขาก็รู้ว่าคืนนี้คงจะทำไม่สำเร็จแน่แล้ว ร่างเขาสั่นเทา เมื่อเห็นสถานการณ์ไม่ดี เขาก็รีบวิ่งแจ้นหนีออกไปทันที
เจียงต้ายาใจเต้นแรง นางอยากยัดคำพูดเมื่อสักครู่ของเจียงป่าวชิงกลับเข้าไปในปากนางให้รู้แล้วรู้รอดเสียจริง ๆ แต่เรื่องที่สร้างความลำบากใจที่สุดก็คือ เดิมทีคืนนี้การเคลื่อนไหวของบ้านตระกูลเจียงก็ใหญ่พออยู่แล้ว มาตอนนี้ เจียงป่าวชิงตะโกนออกมาเสียงดัง ไม่รู้ว่ามีกี่คนที่ได้ยิน
เจียงป่าวชิงส่งเสียงหัวเราะ แต่ดวงตาของนางกลับไม่ได้ยิ้มตาม นางรู้สึกเย็นวูบที่ปลายนิ้ว น่าเสียดาย… ถือว่าชายผู้นั้นหนีได้เร็ว ไม่อย่างนั้นนางจะให้เขาลิ้มรสพลังเข็มของนางสักครั้ง
เจ้า! เจียงต้ายาสบตากับเจียงป่าวชิงอย่างโมโหโกรธา นางรู้สึกหอบ ๆ แปลก ๆ และรู้สึกเจ็บท้องเล็กน้อย สุดท้ายนางก็ถามออกมา เหตุใดเจ้าจึงไม่เป็นอะไร ?
เจียงป่าวชิงคร้านจะอ้อมค้อมกับเจียงต้ายา นางยิ้มตาหยี พี่ต้ายานี่แปลกจริง ๆ นะเจ้าคะ ดึกดื่นป่านนี้ข้าก็ใกล้จะนอนแล้ว ข้ายังจะมีเรื่องอะไรได้อีกล่ะ ? หืม ? ข้าจะเป็นอะไรหรือ ?
เจียงต้ายาถูกเจียงป่าวชิงพูดสวนกลับเช่นนี้ นางก็รู้สึกไม่สบายใจ และสีหน้าของนางก็แดงมากกว่าเดิม เจ้า… เจ้าไม่ได้กินต้มซี่โครงนั่นรึ ?
เจียงต้ายาไม่คิดเลยว่าเจียงป่าวชิงจะไม่ได้กินต้มซี่โครงถ้วยนั้น ในความคิดของนาง เจียงป่าวชิงเด็กยากจนที่ไม่เคยเห็นอาหารประเภทเนื้อสัตว์มาตั้งแต่เด็ก จะสามารถทนต่อการยั่วยวนของต้มซี่โครงได้อย่างไร ?
เจียงป่าวชิงตอบนางกลับไปอย่างตรงไปตรงมา แน่นอนว่าข้าไม่ได้กิน นางทำทีเป็นชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าสีหน้าของเจียงต้ายาไม่สู้ดีนัก และนางก็พูดเสริมอย่างหวังดี ข้าออกไปสักพัก กลับมาก็เห็นพี่ฉายแย่งต้มซี่โครงถ้วยนั้นไปกินแล้ว
จู่ ๆ สีหน้าของเจียงต้ายาก็ซีดขึ้นทันตาเห็น และดูน่าเกลียดมากจริง ๆ
เจียงป่าวชิงพึมพำกับตัวเอง พี่ฉายร้องดังมากที่ห้องใหญ่… คงจะทรมานน่าดู ไม่รู้ว่าเขาจะท้องเสียหรือเปล่า นางยิ้มตาหยีและจงใจถามเจียงต้ายา พี่ต้ายา พี่คงไม่ได้ใส่ยาอะไรลงไปในต้มซี่โครงถ้วยนั้นหรอกใช่ไหมเจ้าคะ ?
คำถามเบาหวิวนี้ ทำให้เจียงต้ายาเหมือนถูกฟ้าผ่า นางรู้สึกหนาวไปทั้งตัว มือและเท้าของนางก็เหมือนไม่ใช่ของตัวเอง
แน่นอนว่าเจียงต้ายาจะไม่ยอมรับว่านางใส่ยาลงไป
นางจะยอมรับได้อย่างไร ไม่ว่าใครจะพูดอะไรมา นางก็จะไม่ยอมรับเด็ดขาด!
เจียงต้ายาก่นด่า ทว่านางพูดติดอ่าง พะ… พูดไร้สาระอะไร เจ้าพูดบ้าอะไรกัน ?! สีหน้าและท่าทางของนางเคร่งขรึมมาก พูดจบนางก็ทิ้งท้ายไว้หนึ่งประโยค ข้า… ข้าจะไปดูพี่ฉาย… จากนั้นนางก็หนีไปที่ห้องใหญ่อย่างลุกลี้ลุกลน
เจียงป่าวชิงยกยิ้มมุมปาก นางบิดขี้เกียจพร้อมยืดเส้นยืดสาย เสร็จแล้วนางกลับไปที่ห้องดินเหนียวของตัวเองอย่างอารมณ์ดี
……
ตอนที่เจียงอีหนิวแบกแม่เฒ่ากัวมาถึงบ้านตระกูลเจียง เจียงโหย่วฉายก็โวยวายจนหมดแรงเหมือนหมาที่เป็นอัมพาตอยู่บนพื้น ท่าทางของเขาไม่ต่างจากคนกำลังขาดอากาศ บนตัวของเขาไม่มีอะไรเหลือแล้ว และทั้งตัวของเขาก็เปียกราวกับเพิ่งถูกงมขึ้นมาจากในน้ำอย่างไรอย่างนั้น
หลีโผจื่อกับโจซื่อร้องห่มร้องไห้อยู่ด้านข้าง พวกนางอยากรับความทุกข์ตรมแทนเจียงโหย่วฉายใจจะขาดทว่าก็ได้แต่มอง
แม่เฒ่ากัวอายุมากแล้ว โดยปกตินางเข้านอนเร็ว แต่วันนี้เจียงอีหนิวกลับมาทุบประตูตะโกนเรียกนางเสียก่อน
นางนั่งยอง ๆ ลงเพื่อจับชีพจรของเจียงโหย่วฉายก่อนจะเลิกหนังตาของเขาขึ้น จากนั้นก็ดูฝ้าที่ลิ้นของเขาพลางขมวดคิ้วอย่างสงสัย พวกเจ้าเอายาร้อนอะไรให้เด็กบ้านเจ้ากินหรือไม่ ?
ยาร้อนงั้นหรือ ?
ภายในห้อง นอกจากเจียงต้ายาที่ใจเต้นแรงอยู่ตรงมุมห้องแล้ว คนอื่น ๆ ต่างก็งงงวยเล็กน้อย
หลีโผจื่อเช็ดน้ำตา พี่กัว พี่ฉายของเราร่างกายแข็งแรงมาแต่ไหนแต่ไร แข็งแรงเหมือนเจียงอีหนิวเลย ใครเห็นเป็นต้องชมเขาว่าล่ำสัน… และที่บ้านก็ไม่เคยเอายาอะไรให้เขากินเลย
โจซื่อที่อยู่ด้านข้างพูดเสริมอย่างลุกลี้ลุกลน แต่คืนนี้บ้านเราซื้อซี่โครงมาทำต้มซี่โครงกินกันเล็กน้อย เขาคนเดียวก็กินไปเยอะอยู่… หรือว่าจะกินมากไปจนเป็นแบบนี้ ?
แม่เฒ่ากัวเป็นเพียงหมอเท้าเปล่า นางทำได้เพียงดูชีพจรพื้น ๆ และกำหนดใบสั่งยาร้อนเย็นเท่านั้น ถ้าหากต้องดูอาการอย่างอื่น เกรงว่านางจะช่วยอะไรไม่ได้
แม่เฒ่ากัวขมวดคิ้ว กินต้มซี่โครงแล้วทำไมถึงเป็นเช่นนี้ไปได้… ข้าดูชีพจรของเด็กบ้านเจ้าแล้ว เขาเหมือนกินยาที่รุนแรงบางอย่างไป นางส่ายหน้าไปมา ข้าว่ารอให้เช้า แล้วพวกเจ้าไปเช่ารถ เพื่อพาเขาไปดูอาการในอำเภอเถอะ
ได้ยินที่แม่เฒ่ากัวพูด หลีโผจื่อกับโจซื่อก็ขาอ่อนทันที ท่าทางของพวกนางเหมือนฟ้ากำลังจะถล่มลงมาเสียเดี๋ยวนั้น …ในความคิดของพวกนาง คนที่ป่วยหนักหรือต้องตายเท่านั้นถึงจะไปดูอาการในอำเภอ
เจียงอีหนิวตาแดง เจียงโหย่วฉายเป็นลูกชายคนเล็กที่กว่าเขาจะได้มานั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย อันตัวเขาอายุเยอะแล้วและมีเชื้อพันธุ์เพียงเจียงโหย่วฉายคนเดียวเท่านั้น จะต้องห้ามมีอะไรผิดพลาดไปเด็ดขาด
อยู่ ๆ หลีโผจื่อก็อารมณ์แปรปรวนอย่างกะทันหัน จากนั้นนางก็ผลักแม่เฒ่ากัวออกไปด้านนอก ข้าบอกแล้วว่าคนที่นามสกุลกัวอย่างเจ้าน่ะเป็นคนหลอกลวงไม่รู้เรื่องอะไรเลย พี่ฉายของเราไม่ได้ป่วยหนักอะไร คงจะแค่ไปลบหลู่อะไรมา! ถุย! เจ้ารีบไสหัวออกไป หญิงแก่ที่คร่าชีวิตพ่อแม่ของตัวเอง ทั้งยังคร่าชีวิตผัวและลูกอย่างเจ้า อย่าเอาความซวยเข้ามาในบ้านข้า ไป! รีบไสหัวออกไปซะ!
แม่เฒ่ากัวโกรธจนพูดไม่ออก นางหิ้วกล่องยาและออกไปด้านนอกทันที
คนของตระกูลเจียงไม่มีใครตามออกมาจ่ายค่าตรวจอาการเลยสักคน แม่เฒ่ากัวจึงดูถูกตระกูลเจียงอย่างโหดเหี้ยมในใจ