ตอนที่ 61 ออกใบสั่งยา
เจียงป่าวชิงเริ่มทำเป็นสาวชาวบ้านในชนบทด้วยความชำนาญอีกครั้ง นางทำสีหน้าให้ไร้เดียงสาเข้าไว้ “ไอ้โย! พี่สาว ข้าเห็นสีหน้าของพี่เป็นสีเหลืองคล้ำเล็กน้อย อีกทั้งตอนที่พี่สาวพูด สีลิ้นของพี่สาวก็เป็นสีจางและยังมีฝีดาษที่บวมบนใบหน้าของพี่สาวเล็กน้อย แม่เฒ่ากัวที่หมู่บ้านเราเคยบอกว่านี่เป็นปัญหาเรื่องประจำเดือนของผู้หญิงเจ้าค่ะ”
ฉือเชียนเชียนขมวดคิ้ว ปัญหาส่วนตัวอย่างเช่นเรื่องประจำเดือนกลับออกมาจากปากของเด็กชั้นต่ำคนนี้โดยไม่ได้รับการปกปิดเลยสักนิด…
“เจ้าอย่ามาถือวิสาสะเรียกข้าว่าพี่สาว คนชั้นต่ำอย่างเจ้าคู่ควรเรียกข้าด้วยคำนี้รึ ?” ฉือเชียนเชียนขมวดคิ้วมุ่นอย่างนึกรังเกียจ สีหน้าของนางดูไม่ได้เป็นอย่างยิ่ง “เจ้าบอกว่าเจ้ามีวิธีรักษา วิธีอะไรล่ะ ?”
“คุณหนูฉือ” เจียงป่าวชิงเปลี่ยนวิธีเรียกอย่างคล้อยตาม ทว่าเอาเข้าจริง นางไม่ชอบเรียกคนอื่นว่าคุณหนูเลย หลัก ๆ ก็เพราะว่าคำว่า คุณหนู นั้น ให้ความหมายแฝงสำหรับนางมากเกินไป
เจียงป่าวชิงพูดต่อ “มีวิธีรักษาแน่นอน ข้าเคยเห็นใบสั่งยาชุดหนึ่งถ่ายทอดมาจากในหนังสือเล่มหนึ่ง…”
ฉือเชียนเชียนโกรธขึ้นมา “นี่เจ้ากล้านำวิธีป่าเถื่อนในชนบทออกมาใช้กับข้ารึ ?!”
เจียงป่าวชิงไม่รู้สึกกลัวแม้แต่น้อย นางยังคงตีสีหน้าไร้เดียงสาและให้คำแนะนำอื่นอย่างตรงไปตรงมา “คุณหนูฉือสามารถเรียกหมอให้มารักษาก็ได้นะเจ้าคะ”
“ไม่ได้!” ฉือเชียนเชียนปฏิเสธทันควัน นางลังเล จากนั้นก็หรี่ตามองเจียงป่าวชิง “เด็กชั้นต่ำอย่างเจ้าสามารถรักษาข้าให้หายได้จริง ๆ รึ ?”
เจียงป่าวชิงยิ้มและพูดกับฉือเชียนเชียน “คุณหนูฉือยื่นแขนออกมาหน่อยเจ้าค่ะ”
ฉือเชียนเชียนลังเลสักครู่ สุดท้ายนางก็ยื่นแขนออกไป เมื่อนางเห็นเจียงป่าวชิงวางมือลงมาและทำเหมือนวัดชีพจร นางก็อดไม่ได้ที่จะพูดเสียดสีเจียงป่าวชิงเล็กน้อย “นี่ ๆ ๆ คนชั้นต่ำอย่างเจ้าก็น่าสนใจดีหนิ อ่านหนังสือออก แล้วยังวัดชีพจรเป็นอีก”
เจียงป่าวชิงยิ้มอย่างเหนียมอาย “ข้านั้นอ่านหนังสือได้ไม่กี่ตัวหรอกเจ้าค่ะ เพียงแต่เพิ่งได้ใบสั่งยาที่ว่ามาพอดี… ส่วนวัดชีพจรอะไรนั่นยิ่งไม่เข้าใจเข้าไปใหญ่ ข้าแค่พิสูจน์ดูว่ามันจะแม่นเหมือนในหนังสือหรือเปล่าก็เท่านั้น”
ประเดี๋ยวก่อนนะ! ยังต้อง ‘พิสูจน์’ อีกอย่างนั้นหรือ ?
ในตาของฉือเชียนเชียนเกือบพ่นไฟออกมาได้อยู่แล้ว และในตอนนี้เอง เจียงป่าวชิงเก็บแขนกลับไปอย่างไม่รีบร้อน
“เจ้าออกใบสั่งยาสักทีสิ!” ฉือเชียนเชียนอดกลั้นไฟโกรธในใจ จากนั้นนางก็พูดด้วยน้ำเสียงหยาบคาย “ข้าขอเตือนเจ้าไว้อย่าง หากว่ามันไม่ได้ผล ข้าจะให้พ่อข้าจับทั้งครอบครัวของเจ้าไปขังไว้ในคุก!”
จะไม่ได้ผลได้อย่างไรเล่า ? เจียงป่าวชิงแอบเบะปากเล็กน้อย
เด็กผู้หญิงคนนี้ประจำเดือนมาไม่ปกติ กำลังวังชาของนางก็ไม่เพียงพอจึงทำให้สีหน้าของนางเหลืองคล้ำและมีฝีดาษขึ้นตามใบหน้า แต่นี่ไม่ยากที่จะรักษา
ส่วนเรื่องใบสั่งยาน่ะหรือ… เจียงป่าวชิงมองฉือเชียนเชียนก่อนจะพูดอย่างมั่นใจ “ข้าเขียนหนังสือไม่เป็น จะออกใบสั่งยาได้อย่างไรล่ะเจ้าคะ ?”
แท้ที่จริงไม่ใช่ว่านางเขียนไม่เป็น แต่เขียนได้แค่อักษรจีนตัวย่อ และเจียงป่าวชิงคิดว่าพวกนางคงจะอ่านไม่เข้าใจจึงทำเป็นว่าตัวเองเขียนไม่เป็นเสียเลย
ฉือเชียนเชียนโกรธมากกับท่าทีของเจียงป่าวชิงจนนางอดไม่ได้ที่จะจับขอบโต๊ะและออกแรงบีบอย่างรุนแรง “เจ้าหลอกข้าใช่หรือไม่ ?!”
เจียงป่าวชิงให้คำแนะนำอย่างใจดี “ถึงอย่างไรเดี๋ยวก็ต้องไปหยิบยาอยู่ดี ถึงตอนนั้นข้าค่อยหยิบยาให้คุณหนูเองก็ได้นี่เจ้าคะ”
ฉือเชียนเชียนสูดหายใจเข้าลึก ๆ พยายามข่มกลั้นอารมณ์เอาไว้
……
เจียงป่าวชิงพาฉือเชียนเชียนและพรรคพวกของนางเดินอ้อมไปตามถนนและซอยเล็ก ๆ มาจนถึงบริเวณทางเข้าสถานที่ให้บริการรักษาโรคที่ดูธรรมดาและค่อนข้างทรุดโทรมแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ข้างถนนสายเล็ก ๆ
ฉือเชียนเชียนขมวดคิ้วเป็นปม ทว่าเจียงป่าวชิงไม่ได้สนใจนาง กลับเดินเข้าไปในสถานที่ให้บริการรักษาโรคนั้นแทน
เกิ่งจื่อเจียง เจ้าของสถานที่ให้บริการรักษาโรคที่ใส่ชุดประหนึ่งเป็นพนักงานคนนั้นกำลังนอนคว่ำหน้าอยู่บนตู้สินค้าเหมือนเดิม
“หมอเกิ่ง” เจียงป่าวชิงเรียกพลางเคาะตู้สินค้าเล็กน้อย
เกิ่งจื่อเจียงตื่นขึ้นมาทันที เขาเงยหน้าขึ้นและหรี่ตาลงเพื่อปรับจุดสายตาให้เข้าที่สักพัก จากนั้นเขาถึงจะมองเห็นเด็กผู้หญิงผมทองที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาอย่างชัดเจน
เนื่องจากชุดกระโปรงของเจียงป่าวชิงนั้นสวยงามมาก ครั้งนี้เกิ่งจื่อเจียงจึงไม่มองว่าเจียงป่าวชิงเป็นขอทานตัวน้อยอีกต่อไป แต่เขาก็ยังจำเจียงป่าวชิงไม่ได้อยู่ดี เพียงรู้สึกคุ้นหน้าเด็กผู้หญิงผมทองตรงหน้าอยู่เล็กน้อยก็เท่านั้น
“มีธุระอะไรรึ ?” เกิ่งจื่อเจียงถามพลางอ้าปากหาว
เจียงป่าวชิงไม่มัวพูดไร้สาระกับเขา นางบอกจุดประสงค์ที่มาทันที “ข้ามาซื้อยาเจ้าค่ะ”
เกิ่งจื่อเจียงขยี้ตาเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ยื่นมือไปตรงหน้า “ขอใบสั่งยาให้ข้าหน่อย”
เจียงป่าวชิงเอียงศีรษะหลบกรงเล็บที่ยื่นมาตรงหน้าตัวเองเล็กน้อย จากนั้นก็แจ้งรายชื่อยาอย่างรวดเร็ว “ตังกุยสามสลึง โกฐขี้แมวสามสลึง ป๋ายฉาวสามสลึง ชวนสงสามสลึง เอามาก่อนสามชุดเจ้าค่ะ”
เกิ่งจื่อเจียงเบิกตากว้างทันที เขาพูดทวนชื่อยาเมื่อครู่นี้อีกครั้ง จากนั้นเขาก็ขมวดคิ้วเหมือนนึกอะไรได้
สีหน้าของฉือเชียนเชียนไม่ค่อยสู้ดีนัก ชิวเย่พูดพึมพำอยู่ข้างนาง “คุณหนูเจ้าขา ข้าน้อยบอกแล้วว่าเด็กผู้หญิงคนนี้ผิดปกติ”
ทันใดนั้น เกิ่งจื่อเจียงก็ตาเป็นประกายทันที เขาจับหัวไหล่ของเจียงป่าวชิงแล้วเขย่าไปมา “สาวน้อย ใบสั่งยานี้ใครออกให้เจ้ารึ ? นี่เกี่ยวกับอาการประจำเดือนมาไม่ปกติใช่ไหม ? ง่ายและได้ผลขนาดนี้ ช่างเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ”
เจียงป่าวชิงสูดปากเล็กน้อย จากนั้นก็สูดหายใจเข้าลึก ๆ
บาดแผลบนหัวไหล่ของนางหายดีไปประมาณหนึ่งแล้ว แต่นางทนแรงมือที่หมอเกิ่งคนนี้กดลงบนบาดแผลที่หัวไหล่อย่างกะทันหันไม่ไหว!
เกิ่งจื่อเจียงรู้สึกงุนงงเล็กน้อย ทว่าเมื่อเห็นสีหน้าที่ดูเหมือนจะเจ็บปวดของเจียงป่าวชิง เขาก็เก็บมือกลับมาด้วยใบหน้าเหยเก “แรงมือของข้าก็ไม่ถือว่าเยอะอะไร…”
เจียงป่าวชิงทำสีหน้าไม่ดีใส่เขา “คุณหมอเจ้าเจ้า รีบไปจ่ายยาให้หน่อยเถอะเจ้าค่ะ”
“อ้อ อืม” เกิ่งจื่อเจียงขานรับ เขาหมุนตัวไปหยิบยาทันที
ฉือเชียนเชียนในเวลานี้เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ขณะเดียวกันชิวเย่ที่อยู่ด้านข้างก็รีบพูดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณหนูเจ้าขา ไม่แน่พวกเขาอาจจะสมรู้ร่วมคิดกันและจงใจหลอกคุณหนูก็ได้นะเจ้าคะ”
ฉือเชียนเชียนรู้สึกว่าที่ชิวเย่พูดก็มีเหตุผลอยู่พอสมควร
ทว่าไม่นาน เกิ่งจื่อเจียงก็หยิบยาเสร็จ ตอนที่เขาส่งห่อยามาให้ เขาก็ได้ถามเจียงป่าวชิงอย่างตะกุกตะกัก “สะ… สาวน้อย ไม่ทราบว่าหมอเทวดาท่านใดรึที่ออกใบสั่งยาที่ยอดเยี่ยมได้ขนาดนี้ ? แนะนำให้ข้ารู้จักได้หรือเปล่า ?”
เจียงป่าวชิงมองเกิ่งจื่อเจียงด้วยแววตาครุ่นคิด “ข้าดูมาจากในหนังสือเจ้าค่ะ”
เกิ่งจื่อเจียงถามอย่างซักไซ้อีกครั้ง “หืม ? หนังสืออะไรหรือ ?”
เจียงป่าวชิง “ข้าลืมไปแล้ว”
เกิ่งจื่อเจียงแทบจะขยำเส้นผมตัวเองด้วยความหงุดหงิด แต่เจียงป่าวชิงไม่สนใจ นางหมุนตัวกลับไปส่งห่อยาให้ฉือเชียนเชียน “นี่เจ้าค่ะคุณหนูฉือ อย่าลืมจ่ายเงินด้วยนะเจ้าคะ”
ฉือเชียนเชียนพยักหน้าไปทางห่อยานั้นอย่างเย่อหยิ่ง “ชิวเย่ นำกลับไปตรวจสอบที่ห้องโถงหวนคืนสู่ฤดูใบไม้ผลิ” นางชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็จ้องเจียงป่าวชิงกับเกิ่งจื่อเจิ้งเขม็งและพูดเตือนพวกเขา “ถ้ายาพวกนี้ได้ผลจริง ๆ ก็ดี… แต่ถ้าหากข้ารู้ว่าพวกเจ้าร่วมมือกันหลอกข้า พวกเจ้าก็รอไปเข้าคุกได้เลย!”
เกิ่งจื่อเจียงตกตะลึงตาค้าง เขาพูดไม่ออกไปชั่วขณะ เขานั้นยังไม่รู้เลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น แล้วทำไมเขาต้องร่วมมือกับเด็กผู้หญิงคนนี้เพื่อหลอกลวงคนด้วย ? นี่มันเรื่องอะไรกันแน่ ?
ชิวเย่เดินเข้าไปแย่งห่อยามาจากเจียงป่าวชิง และไม่ต้องถามเลยว่านางดีใจแค่ไหน
นางรู้จักห้องโถงหวนคืนสู่ฤดูใบไม้ผลิดี ที่นั่นเป็นสถานที่ให้บริการรักษาโรคที่ใหญ่ที่สุดในอำเภอของพวกนาง หมอทั้งหมดในนั้นก็หยิ่งยโสมากเช่นกัน นางคิดขึ้นมาว่าดีเหมือนกันที่จะได้นำยาพวกนี้ไปที่นั่น เพราะเมื่อใดก็ตามที่หมอจู้จี้จุกจิกพวกนั้นพูดสิ่งที่ไม่ดีออกมาเพียงนิดเดียว นางก็จะสามารถพูดสิ่งที่ไม่ดีเพียงนิดเดียวนั้นให้กลายเป็นสิ่งที่ผิดอย่างมหันต์ได้
ถึงตอนนั้นก็มารอดูกันว่าเจ้าเด็กชั้นต่ำคนนี้จะยังกล้ากำเริบเสิบสานต่อหน้านางอยู่อีกหรือไม่!
ชิวเย่จ้องเจียงป่าวชิงเขม็ง จากนั้นนางก็ถือยาพวกนั้นออกไปอย่างดีใจประหนึ่งกิ้งก่าได้ทอง
เจียงป่าวชิงขี้เกียจจะสนใจชิวเย่ นางจับตู้สินค้าไว้และเอ่ยถามเกิ่งจื่อเจียง “หมอเกิ่ง ข้าดูยาจีนพวกนี้ได้ไหมเจ้าคะ ?”
เกิ่งจื่อเจียงเกาศีรษะ เขาค่อนข้างมึนงงเล็กน้อย “ดูได้ แต่เจ้าจงระวังหน่อย อย่าทำให้ข้าสับสนก็แล้วกัน”
เกิ่งจื่อเจียงเป็นคนที่พูดง่ายมาก ครั้งที่แล้วที่เฟิ่งเอ๋อร์มาตรวจอาการที่นี่ จากการที่เขาทั้งลดเครื่องปรุงยาจีนให้และลดราคาให้บางส่วน นางก็ดูอะไรออกบ้างแล้ว
เมื่อเจียงป่าวชิงได้รับการยินยอมจากเขา นางก็พยักหน้าให้เกิ่งจื่อเจียงด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม “วางใจได้เลย ข้าจะระวังเจ้า” จากนั้นนางก็ไปเปิดลิ้นชักเครื่องปรุงยาจีนเหล่านั้นอย่างร่าเริง
เกิ่งจื่อเจียงมองแผ่นหลังของเจียงป่าวชิง เขารู้สึกขึ้นมาว่าเด็กผู้หญิงคนนี้ให้ความรู้สึกแปลก ๆ ราวกับว่าเคยรู้จักกันมาก่อนทำนองนั้น แต่ไม่รู้ว่าเคยเห็นตอนไหน