คำพูดของเย่หยวนนี้มันทำให้จิตใจของคนเมืองอินทรีสวรรค์สั่นไหว!
นายท่านของพวกเขาทั้งหลายนี้ยังคงสูงส่งเหมือนดั่งก่อน!
ไม่ทราบว่าด้วยเหตุใดแต่คำพูดที่ออกมาจากปากของเย่หยวนนี้มันกลับช่างดูน่าเชื่อถือ
แม้ว่าเวลานี้ตัวเขาจะเป็นแค่คนพิการก็ตาม
“ด้วยตัวเจ้านี้เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์จะปลอดภัย? ฮ่าๆๆ… เทพสวรรค์ผู้นี้จะท้องแข็งตายแล้ว! ขยะพิการที่ไม่มีแม้แต่ปราณเทวะก็กล้ามาพูดจาเช่นนั้นหรือ!” เทพสวรรค์ดันหยู่หัวเราะลั่น
เหล่ายอดคนของฝั่งพันธมิตรแดนใต้เองก็ได้แต่ต้องส่ายหัวตามๆ กันไป บ้างก็หัวเราะขึ้น
ขยะที่ไม่มีแม้แต่ปราณเทวะ มีหรือที่จะต้องไปสนใจ?
แต่เย่หยวนนั้นไม่ได้คิดสนใจคำพูดใดๆ ของเทพสวรรค์ดันหยู่และเริ่มขยับมือวาดเส้นสีเหลืองทองขึ้นมากั้นระหว่างกองกำลังทั้งสองฝ่ายราวกับว่ามีกำแพงตั้งขึ้นมาขว้างฟ้าไว้
“คนที่ข้ามเส้นนี้มาจะต้องตายอย่างไร้ปรานี!” เย่หยวนกล่าวคำพูดออกมาอย่างไม่คิดสนใจคำเย้ยหยัน
เท่านี้คนจากพันธมิตรแดนใต้ก็ยิ่งหัวเราะกันหนักขึ้นกว่าเก่า
“ฮ่าๆๆ ขยะพิการคนหนึ่งมันกลับมาพูดจาอวดตัว! ทุกคน โจมตีมัน! ข้าอยากรู้จริงๆ ว่าไอ้พิการนี้มันจะทำเรื่องราวไร้ปรานีใดได้!” เทพสวรรค์ออหยุนที่มีความแค้นต่อเย่หยวนมากที่สุดพุ่งตัวนำทัพออกไปทันที
“คิดจะต้านทานกองกำลังพันธมิตรแดนใต้ด้วยเส้นบางๆ เส้นเดียวนี้ เจ้าพิการ เจ้าจะประเมินกำลังของตนสูงเกินไปแล้ว!”
“ทุกคนโจมตีมัน! ข้าอยากรู้ว่ามันจะไร้ปรานีอย่างไรได้!”
…
เหล่าเทพสวรรค์หลายคนไม่คิดสนใจคำเตือนขู่ของเย่หยวนและนำกองกำลังของตนพุ่งผ่านเส้นนั้นไป
เมื่อดันหยู่เห็นภาพนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้น
แม้ว่าตัวเขาจะยังต้องรับมือกับเทพสวรรค์เจาหยวนแต่ทั้งสองด้านนั้นมีจำนวนต่างกันไปมาก
การกระทำของเย่หยวนนี้มันไร้ซึ่งค่าใดๆ
สีหน้าของเหล่าคนเมืองอินทรีสวรรค์ต่างเปลี่ยนสีไป พวกไป๋ตงทั้งหลายเตรียมพุ่งตัวออกมาหาเย่หยวนทันที
แต่เย่นหยวนกลับหันไปสั่ง “พวกเจ้าอย่าเข้ามา!”
นั่นทำให้สีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนสีหยุดเท้าลงตามๆ กัน
ไม่นานจากนั้นฝ่ายพันธมิตรก็ข้ามเส้นที่เย่หยวนขีดเข้ามา
ออหยุนนั้นหัวเราะนำทัพมา “เด็กน้อย เทพสวรรค์ผู้นี้ผ่านเข้ามาแล้ว เจ้าจะทำอะไรเล่า? วันนี้เทพสวรรค์ผู้นี้จะ…”
แต่ในเวลานั้นเองเย่หยวนก็ยกนิ้วขึ้นมาดีด “มหาค่ายกลร้อยสำนักผนึกเก้าสวรรค์ สังหาร!”
ด้านบนท้องฟ้ากว้างนั้นจู่ๆ มันก็เกิดดาบแสงพุ่งลงมายังร่างของคนทั้งหลายอย่างไม่อาจนับ
เทพสวรรค์ออหยุนยังพูดกล่าวไม่ทันขาดคำร่างของเขาก็ต้องฉีกสลายลง!
ไม่อาจจะกล่าวใดๆ ได้อีก
เทพสวรรค์สามดาว เทพสวรรค์ออหยุนผู้นั้นตายลงในทันที!
“อ่า!”
“อั้ก!”
“โอ้ย!”
บนท้องฟ้าของเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นั้นมันเกิดเสียงร้องเจ็บปวดขึ้นอย่างโหยหวน ร่างกายมากมายตกลงมาจากท้องฟ้าราวเม็ดฝน
ยอดฝีมือทั้งหลายที่ก้าวข้ามมานั้นตายลงสิ้น
ในวินาทีพริบตา พันธมิตรแดนใต้ได้เสียกำลังไปอย่างมหาศาล
เหล่ายอดฝีมือที่ยังไม่ทันจะก้าวผ่านเส้นมานั้นต่างหยุดเท้าลงด้วยใบหน้าซีดขาว มีหรือที่เวลานี้พวกเขายังจะกล้าก้าวเท้าออกมา?
ทุกคนต่างหันไปมองดูที่เย่หยวนด้วยใบหน้าหวาดกลัวราวกับได้เห็นมารร้าย
ในเวลาแค่อึดใจนั้นเทพสวรรค์และเทพถ่องแท้นับพันได้ตายลงสิ้น
และพวกเขาทั้งหลายต่างไม่ทันได้รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตายลงอย่างไร!
เทพสวรรค์ดันหยู่เบิกตากว้างจ้องมองดูเย่หยวนด้วยความตกตะลึง
ค่ายกล!
ในวินาทีนั้นเย่หยวนได้วาดค่ายกลฉับพลันขึ้นบนอากาศ
คนที่เข้าไปในค่ายกลนี้จะต้องตายสิ้น!
ปัญหาก็คือแม้แต่ตัวเขาที่เป็นเทพสวรรค์เก้าดาวนี้ก็ยังไม่อาจจะมองออกได้ว่าเย่หยวนวางค่ายกลไว้ที่ใด!
วิชาค่ายกลของเจ้าเด็กคนนี้มันเหนือล้ำปานนี้เลยหรือ?
อย่าว่าแต่เทพถ่องแท้ใดๆ แม้แต่ตัวออหยุนที่เห็นเทพสวรรค์สามดาวนั้นก็ยังไม่อาจจะรอดกลับออกมาได้ ต้องตายอย่างไม่ทันได้รู้ตัวใด!
แล้วเจ้าค่ายกลที่ทำได้ปานนั้นมันจะต้องเป็นค่ายกลระดับใด?
เวลานี้มันไร้ซึ่งเสียงใดๆ มีแต่ความเงียบเข้าครอบงำ ไม่มีใครกล้าคิดปฏิบัติกับเย่หยวนเหมือนเป็นเพียงคนพิการอีก
คนของฝั่งพันธมิตรนั้นต่างหยุดเท้าลงที่หน้าเส้นสีเหลืองทองนั้นอย่างไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว!
เทพสวรรค์เจาหยวนหันมามองหน้าเทพสวรรค์ดันหยู่ด้วยรอยยิ้มประหลาด “พิการ? หึๆ ดันหยู่ ตาเจ้าสิที่พิการ!”
“ท่านเย่หยวนจงเจริญ!”
“ท่านเย่หยวนจงเจริญ!”
…
เมื่อเหล่าชาวเมืองอินทรีสวรรค์ได้เห็นเช่นนั้นพวกเขาต่างก็ร้องสรรเสริญดังขึ้นมาอีกครั้ง
แม้จะไม่มีปราณเทวะใดแต่นายท่านของพวกเขาก็ยังเก่งกาจไม่มีเปลี่ยนแปลง!
เทพสวรรค์ดันหยู่นั้นรุ่มร้อนไปด้วยความโกรธ กัดฟันแน่นสั่งออกมา “เจ้าเย่หยวน! เทพสวรรค์ผู้นี้อยากจะรู้ว่าเจ้านั้นจะมีปัญญาสักเพียงใด! พันธมิตรแดนใต้ทั้งหลายจงฟัง! เทพสวรรค์ทั้งหมดจงบุกเข้าไปพร้อมกัน! สังหารทำลายเมืองอินทรีสวรรค์นี้เสีย!” Aileen-novel
ไม่ว่าเย่หยวนจะมีค่ายกลเก่งกาจปานใดมันก็คงไม่มีทางปิดกั้นเหล่าเทพสวรรค์ขั้นปลายได้แน่
เหล่าปรมาจารย์ทั้งหลายนั้นต่างเป็นเทพสวรรค์ขั้นปลายสิ้น การจะใช้ค่ายกลใดมาหยุดยั้งพวกเขานั้นมันเป็นได้แค่เรื่องเพ้อฝัน
เทพสวรรค์เฉิงเฟิงและเหล่าปรมาจารย์ทั้งหลายนั้นได้แต่ต้องลงมือเอง
เรื่องราวในวันนี้ พวกเขาทั้งหลายย่อมจะไม่คิดว่ามันจะกลับกลายมาเป็นเช่นนี้ไป
แต่ธนูที่ง้างแล้วมันย่อมมีแต่ต้องปล่อย ต้องยิงออกไปเท่านั้น
หากไม่ทำลายเมืองอินทรีสวรรค์ลงเสียวันนี้ วันหน้ามันก็คงไม่มีพันธมิตรแดนใต้ใดๆ อีก
เพราะฉะนั้นวันนี้เย่หยวนต้องตาย!
เมื่อเทพสวรรค์ขั้นปลายนับสิบพุ่งตัวออกมาพร้อมๆ กันมันย่อมจะทำให้เกิดคลื่นพลังมหาศาล
ทั้งยังมีเทพสวรรค์ขั้นกลางและขั้นต้นที่ตามพวกเขาทั้งหลายนี้มาด้วย!
เย่หยวนกล่าวออกมา “พวกท่านทั้งหลายจงฟังคำของเย่ผู้นี้ไว้! หากถอยไปตอนนี้ทุกสิ่งอย่างมันยังจะพูดคุยกันได้ แต่หากข้ามเส้นนี้มาแล้วพวกเจ้าทั้งหลายจะกลายเป็นศัตรูของข้า! จากวันนี้จนถึงวันตาย!”
เทพสวรรค์ดันหยู่จึงตอบกลับมาด้วยเสียงหัวเราะ “จากวันนี้ไป? เจ้านั้นจะไม่ได้รอดจากวันนี้ไปแล้ว! เด็กน้อย เทพสวรรค์ผู้นี้รู้ว่าเจ้านั้นเป็นรองมหาปราชญ์บ้าบอใดๆ นั่น แต่นั่นมันก็แค่ในเผ่าอสูร เจ้าคิดจะเอาตำแหน่งของเผ่าอสูรมาขู่มนุษย์หรือ? ข้าจะบอกให้ว่าไม่ว่าวันนี้ใครจะมามันก็ไม่อาจช่วยเจ้าได้!”
“หืม? เป็นเช่นนั้นหรือ?”
เทพสวรรค์ดันหยู่ยังกล่าวไม่ทันจบก็เกิดเสียงหนึ่งพร้อมเงาร่างเดินออกมาจากห้วงมิติ
เมื่อคนผู้นี้ปรากฏกาย สีหน้าของพวกดันหยู่ทั้งหลายก็ต้องซีดขาวลงทันที
เป็นคลื่นพลังที่น่ากลัวนัก!
คนผู้นี้มีพลังอย่างที่พวกเขาไม่อาจหยั่งได้
นี่คือจักรพรรดิเทพสวรรค์อย่างไม่ต้องสงสัย!
เทพสวรรค์ดันหยู่หรี่ตาลงกล่าวขึ้นต่อ “ไม่ว่าเจ้าจะเป็นใครมาจากไหนแต่จักรพรรดิเทพสวรรค์นั้นไม่ยุ่งเรื่องราวทางโลก! ทั้งยังเรื่องที่ว่าเจ้านั้นเป็นแค่จักรพรรดิเทพสวรรค์จากเผ่าอสูร! หรือเจ้าคิดจะใช้อำนาจของเผ่าอสูรในที่นี้ ประกาศสงครามระหว่างเผ่าพันธุ์?”
คลื่นพลังของอีกฝ่ายนั้นปกคลุมฟ้าดินสิ้น มีหรือที่เทพสวรรค์ดันหยู่จะไม่เข้าใจ?
เขานั้นพอจะคาดเดาถึงตัวตนของอีกฝ่ายได้ทันที เพียงแค่ว่าเขาไม่คิดสนใจ
อย่าว่าแต่จักรพรรดิเทพสวรรค์ของเผ่าอสูร ต่อให้จะเป็นมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลมาเอง เขาก็ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะกล้าทำอะไรมากมายในดินแดนของมนุษย์!
เพราะหนึ่งคือจักรพรรดิเทพสวรรค์นั้นจะไม่ยุ่งเรื่องราวทางโลก นี่คือสิ่งที่จักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งหลายต่างยึดถือกัน
ที่สำคัญนี่ยังเป็นจักรพรรดิเทพสวรรค์ของเผ่าอสูรในแดนมนุษย์ หากเขาฆ่าสังหารคนลงแล้วเรื่องราวมันคงไม่จบง่ายๆ แน่
จักรพรรดิเทพสวรรค์ผู้นั้นยืนมือไขว่หลังมองดูภาพตรงหน้า “จักรพรรดิผู้นี้มีนามว่าเคลื่อนดารามาด้วยคำสั่งของมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาล ข้านั้นแค่โดนใช้ให้มาทำธุระแทน พวกเจ้าไม่ต้องปั้นหน้าหนักใจขนาดนั้นหรอก”
เมื่อคำพูดนี้ถูกกล่าวคนทั้งหลายก็ต้องสูดหายใจเข้าลึกทันที
มหานักบวชเคลื่อนดารา!
คนทั้งหลายในเวลานี้ต่างเป็นผู้อยู่ในวงการโอสถสิ้น ชื่อของมหานักบวชเคลื่อนดารามันย่อมจะเคยได้ยินผ่านหูมาบ้าง
นี่คือหนึ่งในสิบเอ็ดศิษย์แห่งมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาล!
แล้วเขาบอกว่าโดนใช้มาทำธุระ?
ใช้มา?
มหานักบวชเคลื่อนดารานั้นคือใคร? แล้วใครกันที่จะสั่งใช้คนเช่นนี้ได้?
เรื่องนั้นทำให้คนทั้งหลายต้องหันหน้ามามองดูเย่หยวนด้วยความตกตะลึงอีกครั้ง!
………………………