เมื่อสามปีก่อนตอนเย่เฉินรู้จักหวังหยวนหยวน หุ่นของอีกฝ่ายยังไม่ได้เปล่งปลั่งสมบูรณ์แบบตอนนี้
เป็นแค่เด็กมัธยมปลายที่ยังไม่โตเต็มที่ เป็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเท่านั้น
ดังนั้นเย่เฉินถึงได้เห็นอีกฝ่ายเป็นแค่น้องสาวไม่เคยมีความคิดเกินเลย
แต่ช่วงนี้เจ้าบ้าหวังซ่าวเจี๋ยมักจะส่งรูปส่วนตัวของหญิงสาวในวีแชทให้เขาดูบ่อยๆ รูปพวกนั้นชวนให้น้ำลายหกดูแล้วไม่มีทางจะไม่รู้สึกอะไร
ทำเอาตอนนี้เย่เฉินไม่กล้ามองอีกฝ่ายด้วยซ้ำ แค่เห็นหน้าก็จะชวนนึกถึงรูปพวกนั้นแล้วก็จะเกิดความคิดที่ไม่ใคร่ดีนักกับอีกฝ่าย
นี่ทำให้เย่เฉินรู้สึกขยะแขยงตัวเองอย่างมาก!
การที่เขาชอบหุ่นของหวังเจียเหยาไม่ว่าอย่างไรก็สมเหตุสมผล แต่จะให้คิดอะไรกับหวังหยวนหยวนออกจะเป็นเรื่องไม่สมควรจริงๆ
ดังนั้นเย่เฉินจึงออกจากตระกูลหวังโดยไม่แม้แต่จะมองหวังหยวนหยวน
ทุกคนในบ้านตระกูลหวังต่างก็เดินออกมาส่งเขา มองรถเย่เฉินขับจากไปจนลับออกจากเขตวิลล่าพวกเขาถึงจะยอมเข้าบ้าน
เมื่ออยู่บนรถเย่เฉินก็โทรหาพ่อบ้านฟางเป็นอย่างแรก
“พ่อบ้านฟาง”
“คุณชายมีอะไรให้ผมรับใช้ครับ?”
“หลานคุณยังอยู่ที่เมืองหลวงไหมครับ? คืนพรุ่งนี้ผมอยากจะให้เขาไปดูตัวหน่อย”
“ครับ เขายังอยู่ที่เมืองหลวงเดี๋ยวผมจะให้คนไปรับเขามาอวิ๋นโจว”
“อืม”
ควาามจริงแล้วที่เย่เฉินรับปากพรุ่งนี้จะไปกินข้าวกับหวังเจียเหยา ไม่ได้จะให้โอกาสหญิงสาวเพื่อคืนดีกันแต่เขามีเป้าหมายอื่น
สามปีที่ผ่านมาเย่เฉินปิดบังหวังเจียเหยา เรื่องนี้ถือว่าไม่ยุติธรรมกับหญิงสาวดังนั้นเขาจึงอยากจะชดเชยให้หล่อน
โดยแนะนำคุณชายที่ตระกูลมีทรัพย์สินมูลค่าเกือบหมื่นล้านให้หญิงสาวซึ่งก็คือหลานชายพ่อบ้านฟาง
พ่อบ้านฟางถึงจะเป็นคนใช้ของตระกูลเย่ แต่ด้วยอำนาจ ทรัพย์สินถือว่าเหนือกว่าตระกูลหวังมากนัก
ดังนั้นหลานชายพ่อบ้านฟางย่อมคู่ควรกับหวังเจียเหยา ถ้าหากเจ้าหล่อนยินดีก็จะได้แต่งเข้าตระกูลเศรษฐีเหมือนกัน
นั่นเพราะในสายตาเย่เฉิน ที่หวังเจียเหยาอยากคืนดีกับเขาก็เพราะเงิน
แต่ไม่จำเป็นต้องทำให้วุ่นวายขนาดนั้น
คุณชอบเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจะแนะนำคนมีเงินให้คุณสักคนแล้วกัน
ข้อเสียเดียวของหลานชายพ่อบ้านฟางก็คือเขาเป็นคนพิการ ไม่สามารถทำเรื่องอย่างว่าได้
ซึ่งมันพอดีกับรสนิยมของเจียเหยาพอดีไม่ใช่เหรอ?
สามปีก่อนหล่อนไม่ยอมนอนกับเขา แปลว่าเจ้าตัวก็คงไม่สนใจเรื่องนี้เช่นกัน
คิดไปคิดมารถก็มาถึงวิลล่าที่เขตเหมยกุยหยวนอยางรวดเร็ว
“คุณเย่! คุณเย่!”
เมื่อคืนวานตอนเย่เฉินขับรถมาถึงปากทางเข้าวิลล่า ก็ถูกซ่งหงเย่และหวังเจียเหยาขวางเอาไว้
คิดไม่ถึงว่าวันนี้จะมีผู้หญิงอีกคนทำแบบเดียวกัน
เย่เฉินเปิดกระจกดูที่แท้เป็นหลิ่วหรูซือแม่ของฟางเชา
หลิ่วหรูซือคนนี้แน่วแน่จริงๆ วันนี้รอเขาอยู่ที่บริษัทไม่กินไม่ดื่มทั้งวัน
ตอนนี้ก็ยังวิ่งโร่มารอในที่พักของเขา
“คุณนายฟางกลับไปเถอะครับ ผมไม่มีอะไรจะคุยกับคุณ”
เย่เฉินกล่าวกับหลิ่วหรูซือ
หลิ่วหรูซือกล่าวด้วยน้ำเสียงเว้าวอน “คุณเย่ ฉันขอร้องคุณล่ะค่ะ ขอเวลาหน่อยห้านาทีก็ได้”
เย่เฉินส่ายหน้าเห็นหลิ่วหรูซืออ่อนวอนเขาเช่นนี้จึงรับปาก “ตามเข้ามาสิ”
เย่เฉินไม่ได้ให้อีกฝ่ายขึ้นรถ แต่ให้หล่อนวิ่งตามรถแทน
คนตระกูลฟางไม่คู่ควรจะนั่งรถคันเดียวกับเขา
พอมาถึงชั้นหนึ่งของวิลล่า เย่เฉินก็ไม่ได้ให้คนเตรียมชามารับรองแต่อย่างใด
เย่เฉินกล่าวอย่างตรงไปตามขณะนั่งบนโซฟา “มีเรื่องอะไร คุณพูดมาเลย”
หลิ่วหรูซือไม่กล้าพูดเหลวไหล หล่อนเข้าเรื่องทันที “คุณเย่ หลังจากที่พบคุณเมื่อวานแล้วถึงได้เข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างคุณ ฟางเชาและหวังเจียเหยาจริงๆ ฟางเชาคนเดียรัจฉาน รู้ดีแก่ใจว่าหวังเจียเหยามีสามี เขายังจะไปอ่อยหล่อนอีกน่าโดนตีจริงๆ! ฉันกับพ่อเขาสั่งสอนเขาไปแล้ว! แต่ว่าจากที่ฟังฟางเชาเล่า พวกเขาสองคนไม่ได้มีอะไรกัน คุณหนูหวังเจียเหยายังบริสุทธิ์อยู่”
เย่เฉินหัวเสีย “อย่ามาเล่นไม้นี้กับผม! ผมเห็นว่าลูกชายคุณกับภรรยาผมเปิดห้องด้วยกันด้วยตาตัวเองที่โรงแรม!”
“ใช่ค่ะๆ ถึงสุดท้ายจะไม่ได้มีอะไรกันแต่ฟางเชามีความคิดแบบนี้ถือว่าไม่ถูกต้อง แต่เรื่องนี้จะโทษฟางเชาไม่ได้ หวังเจียเหยาคนนี้เก่งนัก หน้าเงินแถมรังเกียจคนจน ถ้าหล่อนไม่คิดว่าคุณเย่ไร้ความสามารถก็คงจะไม่รับปากฟางเชาหรอก”
หลิ่วหรูซืออธิบายต่อ
เย่เฉินกล่าวเสียงเย็น “คุณไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องของหวังเจียเหยาหรอก ผมมีวิธีลงโทษหล่อนอยู่แล้ว แต่คุณอย่าคิดจะโทษหวังเจียเหยาเชียว!”
หลิ่วหรูซือเก้อเขินรู้ว่าหวังเจียเหยาและฟางเชาไม่อาจหลุดพ้นการลงทัณฑ์ของเย่เฉินได้แน่
หลิ่วหรูซือจึงถามอย่างตรงไปตรงมา “ฉันขอถามคุณหน่อยนะคะ คุณเย่คิดจะลงโทษลูกชายฉันยังไงคะ?”
เย่เฉินครุ่นคิดแล้วกล่าว “ไม่รู้สิ บางทีอาจจะขอความเห็นซีกวากับหลิวเจิ้งคุน พวกเขาน่าจะอยากจับฟางเชาตอนล่ะมั้ง”
พอได้ยินแบบนี้หลิ่วหรูซือก็รู้สึกปวดหัวขึ้นกว่าเดิม
หลิ่วหรูซือจึงคุกเข่าลงตรงหน้าเย่เฉิน “คุณเย่ ฟางเชายังอายุน้อย เขายังไม่มีลูกด้วยซ้ำไป ฉันอยากจะขอร้องคุณ อย่าทำรุนแรงขนาดนั้นเลยนะคะ ได้โปรดเถอะค่ะ!”
น้ำตาหลิ่วหรูซือพรั่งพรูราวสายฝน เพื่อแสดงให้อีกฝ่ายเห็นความทุกข์ทรมานทั้งหมดของคนเป็นแม่
ที่จริงแล้วก่อนหล่อนจะมาได้เตรียมผู้หญิงจำนวนมากไว้ให้ฟางเชา หลังจากคืนวานแล้วน่าจะมีผู้หญิงบางคนท้องลูกของฟางเชาแล้ว
การที่หลิ่วหรูซือคุกเข่าลงตรงหน้าทำให้เขารู้สึกว่าไม่ค่อยเหมาะสมนัก
ไม่ว่ายังไงหลิ่วหรูซือก็ถือเป็นผู้อาวุโสกว่า อีกทั้งยังเป็นคนมีอิทธิพลและชื่อเสียงมากทีเดียวในแวดวงธุรกิจของอวิ๋นโจว
ไม่พูดเรื่องอื่นแค่เรื่องบุคลิก ใบหน้าและคำพูดคำจาของหลิ่วหรูซือก็ทำให้เขาชื่นชมหล่อนอย่างมาก
แต่เย่เฉินก็ไม่ไปประคองหล่อน
ลูกชายหล่อนทำผิด หล่อนอยากคุกเข่าก็ทำไป!
“งั้นตัดนิ้วดีไหม?”
เย่เฉินถามต่อ
หลิ่วหรูซือคุกเข่าอ้อนวอนต่อ “คุณเย่! ว่ากันว่าร่างกายผิวหนังล้วนแต่ได้มาจากบิดามารดา คุณตัดนิ้วเขาก็เหมือนตัดนิ้วพวกเรา! ขอความเมตตาจากคุณ ได้โปรดอย่าทำร้ายเขาเลยค่ะ”
เย่เฉินตะคอก “ผมรู้แล้วว่าคุณไม่ได้อยากจะให้ลูกชายคุณชดใช้อะไรทั้งนั้น! ลูกชายคุณล่วงเกินผม ผมในตอนนี้ก็น่าจะถือว่าเป็นคนลำดับหนึ่งของโลกธุรกิจในอวิ๋นโจว ดังนั้นทุกคนต่างก็รับรู้เรื่องคาวๆ ของลูกชายคุณและอดีตภรรยาผม ถ้าหากผมไม่ลงโทษพวกเขาปล่อยให้พวกเขาลอยหน้าลอยตาอยู่ในอวิ๋นโจวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ต่อไปภายหน้าผมจะอยู่ในอวิ๋นโจวได้ยังไง!”
หลิ่วหรูซือค่อนข้างเห็นด้วยกับคำพูดนี้ของเย่เฉินมากทีเดียว
ในฐานะที่เย่เฉินเป็นประธานบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ป เขาสูงส่งและมีชื่อเสียง หลังจากที่ทุกคนรู้ตัวตนที่แท้จริงของเขาแล้วต่างก็พูดกันไปต่างๆ นานา
เย่เฉินจะไม่ให้ความสำคัญกับเรื่องหน้าตาของตนเองได้อย่างไร
ทันใดนั้นเองหลิ่วหรูซือก็เงียบขึ้นมาอย่างกระทันหัน น่าจะเงียบได้สามนาทีเต็มๆ
ทำให้เย่เฉินคิดว่าหลิ่วหรูซือไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?
สามนาทีต่อมา จู่ๆ หลิ่วหรูซือก็ถอดเสื้อด้านนอกออกแล้วกล่าว “คุณเย่ฉันยินดีช่วยคุณกอบกู้หน้าของคุณคืนมาค่ะ”