ตระกูลหลิ่ว ณ เมืองเทียนไห่
เทียนไห่เป็นเมืองที่เจริญที่สุดในประเทศ
ในเขตพื้นที่หรูหราลำดับหนึ่งมีราคาพื้นที่ต่อตารางเมตรเกินสองแสน
ฟางเชากำลังคุกเข่าบนพื้นอ้อนวอนคนตระกูลหลิ่ว
“คุณตาครับช่วยเหลือตระกูลฟางของผมนะครับ ได้โปรดเถอะครับคุณตา!”
ฟางเชาปล่อยวางทุกความเย่อหยิ่งทุกอย่างแล้วคุกเข่าอ้อนวอนตรงหน้าชายชรา
ชายชราคนนี้ชื่อหลิ่วหย่วนหาง ซึ่งก็คือบิดาของหลิ่วหรูซือ
ชุนเฟิงเอ็กซ์เพรสที่หลิ่วหย่วนหางก่อตั้งนั้น ถือว่าเป็นขนส่งที่ใหญ่โตที่สุดในประเทศ
ภายในห้องนั้นนอกจากหลิ่วหย่วนหางแล้วยังมีลูกชายของเขา ก็คือหลิ่วเจี๋ยพี่ชายหลิ่วหรูซือและเจี่ยงเสวียนซึ่งเป็นภรรยาของหลิ่วเจี๋ย
และมีหลิ่วเฟิงและหลิ่วอวี่เจ๋อผู้เป็นลูกชายสองคนของหลิ่วเจี๋ย ถือเป็นลูกพี่ลูกน้องของฟางเชา
หลิ่วเฟิงอายุ 25 ปีแต่ก็ดูสุขุมเป็นผู้ใหญ่ หลิ่วอวี่เจ๋ออายุ 22 ปี รูปร่างสูงใหญ่ใบหน้าหล่อเหลา ร่างกายเขาออกจะสูงโปร่งน้อยๆ
หลิ่วอวี่เจ๋อกล่าวแล้วส่งยิ้ม “พ่อของนายเก่งมากไม่ใช่หรือไง ทำไมต้องมาหาพวกเราด้วยล่ะ? จำได้ว่าเมื่อหลายปีก่อนบริษัทเขาเข้าตลาดหลักทรัพย์ได้ ตอนที่มาบ้านเราทำท่าเย่อหยิ่งเสียเต็มประดา!”
หลิ่วหย่วนหางกล่าวกับฟางเชา “ฟางเชา วันนี้อย่าว่าแต่แกเลย ต่อให้แม่แกเป็นคนมาคุกเข่าขอร้อง ฉันก็ไม่มีทางช่วยฟางเสียนจู่! ตอนนั้นเดิมฉันจัดการเรื่องชีวิตคู่ของหลิ่วหรูซือเอาไว้แล้ว ถ้าหล่อนยอมแต่ง… ธุรกิจในตอนนี้ก็จะยิ่งเจริญรุ่งเรืองกว่านี้อีก!”
ตอนนั้นหลิ่วหรูซือแต่งงานกับฟางเสียนจู่โดยไม่สนใจการคัดค้านของที่บ้าน ทำให้หลิ่วหย่วนหางโกรธจัด
แต่ไหนแต่ไรมาหลิ่วหย่วนหางไม่เคยยอมรับลูกเขยอย่างฟางเสียนจู่
ฟางเชากล่าว “เอาล่ะ ต่อให้ทุกคนไม่ช่วยพ่อผม แต่ว่าจะไม่สนใจหน้าตาของตระกูลหลิ่วเลยเหรอ?”
“แกหมายความว่ายังไง?”
หลิ่วหย่วนหางเอามือไพล่หลังขณะถาม
เจี่ยงเสวียนเองก็ประหลาดใจเช่นกัน หล่อนมองฟางเชาขณะถือแก้วชาไว้ในมือ
จู่ๆ ฟางเชาก็ใบหน้าแดงก่ำ ความรู้สึกละอายแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายขณะถาม “พวกคุณรู้จักเย่เฉินไหมครับ?”
หลิ่วอวี่เจ๋อหัวเราะร่วน “ฮ่าๆ ฉันรู้จักก็ประธานบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ป น่าจะมีอสังหาริมทรัพย์หลายสิบแห่งจนถึงร้อย ได้ยินมาว่านายแย่งภรรยาเขาจนโดนเขาเล่นงานเกือบตายไม่ใช่เหรอ? ห่วยชะมัด กะอีแค่คนตัวเล็กๆ แบบนี้ยังรับมือไม่ได้”
จากคำพูดของหลิ่วอวี่เจ๋อเห็นได้ชัดว่าตัวเขาเองไม่ได้เห็นหัวเย่เฉินด้วยซ้ำไป ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่ฟางเชาอยากเห็น!
ถ้าหากตระกูลหลิ่วกลัวเย่เฉิน ความแค้นครั้งนี้ของเขาก็จะไม่ได้ชำระเสียแล้ว!
หลิ่วเฟิงถาม “เย่เฉินเกี่ยวอะไรกับหน้าตาของตระกูลหลิ่วเรา?”
ฟางเชากลั้นหายใจ แล้วกล่าวด้วยความเคียดแค้น “เดียรัจฉานเย่เฉินคนนี้มันนอนกับแม่ผม!”
“พรูด!”
เจี่ยงเสวียนที่เพิ่งจะดื่มชาก็พ่นน้ำในปากออกมา ทันทีที่ได้ยินคำพูดของหลานชาย
คนในตระกูลใหญ่ให้ความสำคัญกับมารยาทอย่างมาก หล่อนรีบร้อนหยิบกระดาษมาซับบริเวณมุมปาก หลังจากนั้นก็ค้อมตัวลงเช็ดน้ำชาที่หกบนพื้นด้วยตนเองแล้วกล่าวถามไปพร้อมกัน “หลานชาย เย่เฉินเป็นศัตรูความรักของหลานไม่ใช่เหรอ? น่าจะอายุเท่าหลานไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงไปนอนกับแม่เธอได้?”
สีหน้าคนตระกูลหลิ่วย่ำแย่อย่างมาก ไม่ว่าจะพูดอย่างไรหลิ่วหรูซือก็เป็นคนในตระกูลหลิ่วของพวกเขา อีกทั้งยังเป็นคนสง่างาม วางตัวดี ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ไม่เคยทำให้คนตระกูลหลิ่วขายหน้ามาก่อน!
แต่วันนี้กลับเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น!
แต่ในทันใดนั้นเองหลิ่วเจี๋ยก็หัวเสีย เขาหยิบแก้วชาขึ้นมาแล้วโยนลงบนพื้นอย่างรุนแรง!
ดวงตาหลิ่วเจี๋ยเหมือนจะฆ่าคนได้อย่างไรอย่างนั้น เขาตำหนิฟางเชา “หรูซือจะต้องทำไปเพื่อปกป้องชีวิตเน่าๆ ของแกน่ะสิ! แกแย่งผู้หญิงของเย่เฉินเขา เย่เฉินจะเอาคืนแกดังนั้นหรูซือถึงได้ทำแบบนี้!”
จากคำพูดของเขาทำให้พอจะมองออกว่าหลิ่วเจี๋ยเองก็รักน้องสาวมาก ไม่อย่างนั้นคงไม่โกรธแบบนี้
ฟางเชาเองก็เริ่มหวั่นใจ เขาจึงอธิบาย “ไม่ครับ! เย่เฉินตั้งใจทำแบบนี้ เขาพูดว่าที่เขาทำเพราะชอบเล่นผู้หญิงตระกูลหลิ่วแห่งเทียนไห่!”
“แกพูดว่าอะไร!”
“แกพูดเหลวไหล!”
หลิ่วเฟิง หลิ่วอวี่เจ๋อต่างก็ระเบิดโทสะ พวกเขาพร้อมใจกันย่างสามขุมไปหาฟางเชา ด้วยท่าทางจะกินเลือดกินเนื้อเขา
คำพูดนี้ไปจุดชนวนโทสะของคนทั้งตระกูลหลิ่วจริงๆ!
นี่ถือเป็นการประกาศสงคราม!
และเป็นการประกาศสงครามอย่างที่สุดด้วย!
ฟางเชาชูมือขวาขึ้น “ผมสาบานว่าเย่เฉินพูดเองกับปากจริงๆ!”
หลิ่วเฟิงร้อนรน “คุณปู่ครับ คุณปู่ เย่เฉินคนนี้เป็นแมลงสาบประจำอวิ์นโจว หลงคิดไปว่าตนเองจะรุ่งเรืองได้ดิบได้ดีในอวิ๋นโจว พวกเราจำเป็นต้องให้บทเรียนเขาสักหน่อย!”
ใบหน้าหลิ่วอวี่เจ๋อเต็มไปด้วยโทสะ “เอาไอ้เด็กนี่ให้ตาย!”
หลิ่วหย่วนหางกลับสำรวมท่าทีอย่างมาก “เรื่องนี้ต้องถามให้แน่ชัดก่อน ไล่คนโสโครกคนนี้ออกไป! แล้วอย่าให้เขาเข้ามาอีก!”
“ครับ!”
หลิ่วอวี่เจ๋อลากฟางเชาออกไป แล้วจับอีกฝ่ายยัดลงลิฟต์ไปกับเขา
ฟางเชามาขอร้องและโดนปฏิเสธ ทำให้เขาหงุดหงิดอย่างมาก “ไม่ต้องให้นายคอยมาตามหรอก ฉันเดินเองได้! ฉันไม่มาขอความช่วยเหลือจากพวกนายแล้ว กะอีแค่เย่เฉินพวกนายยังไม่กล้าทำอะไรหมอนั่น ขี้ขลาดจริงๆ!”
ใครจะรู้ว่าจู่ๆ หลิวอวี่เจ๋อกลับระบายยิ้มบางๆ เขาส่งบุหรี่มวนหนึ่งให้ฟางเชาแล้วยิ้มทะเล้น “ได้ยินมาว่าหวังเจียเหยาเป็นสาวงามลำดับหนึ่งของอวิ๋นโจวเหรอ?”