คำพูดนี้ของพ่อบ้านฟางทำให้หวังเจียเหยาและฉินหงเหยียนตกตะลึงจนถึงขีดสุด!
เย่เฉินย่อมต้องตื่นตระหนกเช่นกันแต่ว่าเป็นการแสดงเท่านั้น
“ขับออกจากตระกูลเหรอ?”
หวังเจียเหยาเป็นห่วงเรื่องนี้ยิ่งกว่าเย่เฉินเสียอีก หล่อนรีบซักพ่อบ้านฟางทัน
“พ่อบ้านฟางเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าคะ? เย่เฉินจะโดนขับออกจากตระกูลได้ยังไงกัน?”
“เป็นเพราะเมื่อสัปดาห์ก่อน เย่เฉินใช้เงินเยอะเกินไปหรือเปล่าคุณปู่ก็เลยโกรธเขา? พ่อบ้านฟางบอกคุณปู่สิว่าพวกเราจะไม่ใช่เงินฟุ่มเฟือยไปกับการกอบกู้บริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปแล้วจะได้หรือเปล่า?”
พ่อบ้านฟางถอนหายใจแล้วกล่าว “คุณหนูหวังผมไม่ได้เข้าใจผิดหรอกครับ นายท่านขับเย่เฉินออกจากตระกูลแล้วและแน่นอนว่าเหตุผลไม่ใช่เพราะเรื่องเงิน เมื่อวันก่อนนายท่านเพิ่งตรวจเจอว่ารายงานผลการตรวจ DNA ของเย่เฉินกับพ่อของเขาเป็นของปลอม! เย่เฉินไม่ใช่สายเลือดตระกูลเย่ด้วยซ้ำไป”
ทันทีที่อีกฝ่ายเอ่ยเช่นนี้ทั้งสองคนก็มองตาค้าง
เย่เฉินไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของพ่อเขา?
หรือว่า…
“นี่กำลังจะบอกว่าแม่ผม…”
เย่เฉินเองก็กระดากปากที่จะพูดต่อ เขากำลังสร้างเรื่องว่ามารดาตนเองไปมีคนอื่นเพื่อจะหลอกหวังเจียเหยา ถ้ากลับบ้านไปคงโดนแม่ตีตายแน่
พ่อบ้านฟางพยักหน้ารับทันที แต่เขาก็ไม่ได้พูดเจาะจงมากมาย
อย่างไรเสียมารดาของเย่เฉินก็เป็นนายหญิงที่พ่อบ้านฟางเคารพอย่างยิ่ง เขาเองก็กระดากใจที่จะว่าร้ายอีกฝ่าย
หวังเจียเหยารู้สึกกระวนกระวายใจแล้วกล่าว “เป็นไปได้ยังไง ถึงฉันไม่เคยเจอแม่ของเย่เฉิน แต่ก็เคยเห็นรูปถ่าย คุณแม่สวยมากเลยหนำซ้ำยังดูแล้วเป็นคนใจดีไร้เดียงสา คุณแม่ไม่มีทางจะทำผิดต่อคุณพ่อแน่! แล้วอีกอย่าง ทำไมพวกคุณถึงได้แน่ใจว่าเย่เฉินไม่ใช่ลูกในไส้ของคุณพ่อล่ะ? จะตัดสินจากแค่รายงานผล DNA เท่านั้นออกจะฉาบฉวยเกินไปหน่อยล่ะมั้ง!”
หลังจากที่หวังเจียเหยากลับไปแต่งงานกับเย่เฉินแล้วจึงพอจะรู้เรื่อง‘กฎที่ไม่ได้เป็นลายลักษณ์อักษร’ บางอย่างของตระกูลใหญ่ๆ อย่างตระกูลเย่
กฎข้อหนึ่งในนั้นก็คือหลังจากที่เด็กเกิดแล้วไม่นานจะต้องไปตรวจ DNA เพื่อพิสูจน์ว่าใช่สายเลือดตระกูลเย่หรือไม่
และพอรู้กฎข้อนี้หวังเจียเหยาถึงได้ตั้งใจแน่วแน่ว่าต้องมีลูกกับเย่เฉินให้ได้
ซ่งหงเย่เคยแนะนำหวังเจียเหยาว่าหากไม่มีลูกกับเย่เฉิน ให้หล่อนลองไปมีลูกกับคนอื่นแล้วแกล้งว่าเด็กในท้องเป็นลูกของเย่เฉิน
แต่หวังเจียเหยาตัดรอนทันที
พ่อบ้านฟางตอบ “ผมแอบเอาผมของเย่เฉินไปตรวจ DNA ซ้ำอีกรอบ ผลคือเขาไม่ใช่สายเลือดของตระกูลเย่จริงๆ ส่วนคำถามแรกของคุณหนูหวังว่าทำไมผู้หญิงที่ดูใสซื่ออ่อนหวานถึงได้มีคบชู้ ผมคงไม่อาจตอบคำถามคุณได้ คุณหนูหวังเองก็เป็นผู้หญิงน่าจะเข้าใจผู้หญิงด้วยกันมากกว่าผู้ชายนะครับ”
หวังเจียเหยาชะงักนิ่งไปเมื่อได้ยินคำพูดพ่อบ้านฟาง
หล่อนนึกถึงตนเอง!
ตนเองก็ดูไปแล้วเป็นนางฟ้าที่ลงมายังโลกมนุษย์ ใสซื่อ อ่อนหวานไร้เดียงสาไม่ใช่หรือ?
แต่ใครจะคิดว่าตนเองก็เคยทรยศเย่เฉินเหมือนกัน?
พอนึกถึงตรงนี้หวังเจียเหยาก็กัดริมฝีปากแล้วไม่กล้ารับรองแทนแม่ของเย่เฉินอีก
พ่อบ้านฟางกล่าว “เย่เฉิน นายท่านบอกว่าให้คุณลาออกจากประธานบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปทันที ผมจะรับช่วงต่อหุ้นของคุณกับหวังเจียเหยา แล้ววิลล่าเขตเหมยกุยหยวนรวมไปถึงรถมายบัคก็จะถูกริบกลับเข้าไปเป็นสมบัติของตระกูล”
“ไม่ ไม่ได้…”
ทันทีที่หวังเจียเหยาได้ยินว่าบ้านหรูที่ตนเองอาศัย รถหรูที่ตนเองเคยนั่งจะไม่มีอีกแล้ว น้ำตาก็เอ่อคลอในเบ้าตา
เย่เฉินเองก็แสร้งทำท่าทีเศร้าเสียใจแล้วกล่าวว่า “ทุกอย่างที่ผมมีที่อวิ๋นโจวคุณปู่เป็นคนให้มาทั้งหมด ในเมื่อคุณปู่จะเอาคืน ก็ได้ผมจะคืนหุ้นให้คุณปู่แล้วลาออกจากการเป็นประธานบริษัท ก่อนจะลาออกจากตำแหน่งประธาน ผมอยากให้ฉินหงเหยียนรับตำแหน่งแทนผมได้หรือเปล่า?”
ฉินหงเหยียนที่ถูกกล่าวถึงในใจก็สับสน คิดไม่ถึงว่าเย่เฉินจะแนะนำตนเองให้เป็นประธานบริษัทแทนเขา
พ่อบ้านฟางหันมองฉินหงเหยียนแล้วกล่าว “อืม คุณฉินทั้งใจกล้าและเจ้าแผนการ ผมได้ยินเรื่องของหล่อนมานาน ผมเองก็ไม่รู้เรื่องบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปเท่าไหร่ งั้นตั้งแต่นี้เป็นต้นไปก็ให้ฉินหงเหยียนรับตำแหน่งประธานบริษัทแล้วกัน!”
“ท่าน… ท่านฟาง” ฉินหงเหยียนพูดตะกุกตะกัก
หล่อนฝันถึงตำแหน่งนี้มาปลายปีดีดัก!
หล่อนคิดมาเสมอว่ารองประธานบริษัทมหาชนน่าจะเป็นจุดสูงสุดที่ผู้หญิงจะฝ่าฝันไปได้!
พ่อบ้านฟางพอจะมองออกว่าฉินหงเหยียนตื่นเต้นอย่างมากจึงกล่าวพร้อมยิ้ม “คุณฉินอย่าดีใจจนเกินไปล่ะ เป็นประธานบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปตอนนี้อาจจะไม่ใช่เรื่องดีก็ได้ เพราะหัวเซิ่งตอนนี้ยังโดนตระกูลหลิ่วคอยเล่นงานอยู่ หวังว่าหลังจากเย่เฉินลงจากตำแหน่งแล้ว ตระกูลหลิ่วจะเลิกหาเรื่องบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ป ถ้าเขาจะดันทุรังทำให้หัวเซิ่งกรุ๊ปล้มละลายให้ได้ คุณจะเป็นประธานบริษัทได้สักกี่วันเชียว”
ฉินหงเหยียนรู้สถานการณ์ในตอนนี้ดี แต่ไม่ว่าจะอย่างไรหล่อนก็อยากจะครอบครองตำแหน่งประธานบริษัทแห่งนี้!
ฉินหงเหยียนค้อมตัวลงเพื่อทำความเคารพพ่อบ้านฟาง แล้วก็ค้อมตัวลงเคารพเย่เฉินแแล้วกล่าว “ขอบคุณท่านฟาง ขอบคุณคุณเย่ ไม่ว่าอย่างไร ฉันจะร่วมหัวจมท้ายกับหัวเซิ่งให้ถึงที่สุดค่ะ!”
พ่อบ้านฟางและเย่เฉินมองฉินหงเหยียนอย่างชื่นชมแล้วยิ้มน้อยๆ
ตอนนี้เย่เฉินกล่าวกับฉินหงเหยียนในใจ “หงเหยียน การบอกลาครั้งนี้เราสองคนอาจจะไม่มีโอกาสเป็นเพื่อนร่วมงานกันอีกแล้วในชีวิตนี้ ถึงต่อให้เจอกันอีกตำแหน่งประธานบริษัทหัวเซิ่งนี้ถือว่าเป็นของขวัญชิ้นสุดท้ายที่ผมมอบให้คุณ ขอบคุณนะที่คุณเคยชอบผม!”
เย่เฉินไม่ใช่คนโง่ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าผู้หญิงที่สวยที่สุดในวงการธุรกิจอวิ๋นโจวนี้ชอบเขา!
แต่ว่าเย่เฉินก็ยังคงจมปลักในความรักที่มีกับหวังเจียเหยาถึงไม่เคยคิดจะพัฒนาความสัมพันธ์กับหล่อนมาก่อน
ตอนนี้เย่เฉินเป็นฝ่ายล้มเลิกภารกิจในด้านธุรกิจครั้งนี้ด้วยตัวเอง เขาถึงได้ยอมออกจากบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปและตัดความสัมพันธ์กับฉินหงเหยียนโดยสิ้นเชิง
ความสัมพันธ์ครั้งนี้สุดท้ายแล้วก็จบลงที่ความผิดหวัง!
พ่อบ้านฟางไม่พูดอะไรอีกแล้วก็ออกจากบริษัทไป
หลังจากที่ทั้งสองคนนั้นกลับไปแล้ว ในห้องทำงานก็เหลือแค่เย่เฉิน หวังเจียเหยาและฉินหงเหยียน
ราคาหุ้นของบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปบนจอภาพยังร่วงลงไม่หยุดเขียวอื๋อเต็มไปหมด
ฉินหงเหยียนมองเย่เฉินในใจสับสนวุ่นวาย “คุณเย่…บางทีคุณปู่คุณอาจจะเลอะเลือนไปชั่วขณะ คุณอย่าเสียใจเกินไปเลยนะ”
เย่เฉินกล่าวแล้วระบายยิ้มน้อยๆ “ผมไม่ใช่ประธานบริษัทแห่งนี้อีกแล้วคุณต่างหาก หลังจากที่ผมไปหวังว่าคุณจะนำพาบริษัทให้พัฒนาไปไกล ต่อไปภายหน้าไม่แน่ว่าถ้าผมไม่มีเงิน ไม่มีข้าวกินอาจจะมาสมัครงานที่นี่ พอถึงตอนนั้นผมหวังว่าคุณจะรับผมไว้ทำงานนะ”
“คุณเย่…”
เมื่อฉินหงเหยียนได้ยินเช่นนี้ก็พลันรู้สึกแสบจมูกแล้วร้องไห้ออกมาทันที
นี่เป็นภาพที่ยากจะได้เห็น
ฉินหงเหยียนมีภาพลักษณ์เป็นหญิงแกร่งมาหลายปี
หล่อนสามารถทำให้พวกผู้บริหารที่ยโสโอหังทั้งหลายยอมคุกเข่าลงตรงหน้าหล่อน
หล่อนสามารถทุ่มผู้ชายที่โตเต็มที่และซ้อมพวกเขาได้อีกต่างหาก
แต่กลับไม่เคยให้ใครได้เห็นภาพที่อ่อนโยนของตนเอง
นี่ถือเป็นครั้งแรกในชีวิตหญิงสาวที่ร้องไห้ต่อหน้าเจ้านายตนเอง
หล่อนขอบคุณที่ได้พบกับคุณเย่ ได้ทำงานกับเขาถือเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขเหลือเกินของหญิงสาว
เย่เฉินตบบ่าฉินหงเหยียนเบาๆ แล้วกล่าว “คุณฉินรบกวนคุณช่วยจัดงานแถลงข่าวหน่อย ผมจะประกาศเรื่องลาออกจากตำแหน่งผู้บริหารครับ”
ครึ่งชั่วโมงต่อมา
ข่าวเรื่องเย่เฉินประกาศลาออกจากตำแหน่งประธานบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปกลายเป็นข่าวหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์เศรษฐกิจต่างๆ ทันที!