ตอนที่ 254 เด็กอาจไม่ใช่ลูกนาย!
“ใช่แล้ว! คุณจะต้องอธิบายกับพวกเรา! คิดว่ามีเงินแล้วจะดูถูกใครก็ได้หรือไง?”
“ถ่ายคลิปลงโซเชียลไปเลย ให้คนทั้งประเทศได้เห็นว่าคนร่ำรวยมีเงินเป็นแสนล้าน ทำเรื่องต่ำช้าแบบนี้ในงานเลี้ยงของคู่แข่งทางธุรกิจ!”
“ใช่ส่งไปเลย! เมื่อก่อนเรื่องหลิ่วอวี่เจ๋อก่อเรื่องเหอเหวินเจี้ยนฉินหงเหยียนทำเราเสียหายกันไปเกือบพันล้าน! คราวนี้เอาให้เขาได้ลิ้มลองรสชาติเสียบ้าง!”
พวกญาติๆ ตระกูลหลิ่วต่างก็ผุดลุกยืนขึ้นแล้วตะโกนใส่เย่เฉิน
เย่เฉินเป็นคนเย็นชาที่เขามาที่นี่ก็เพราะหวังเอ้อร์เชอส่งภาพเด็กๆ ที่เขียนคำว่า ‘หลิ่วเจียอินกับหลิ่วเจียเยว่’ ให้เขา
เขามาที่นี่เพื่อแก้ชื่อแซ่ของเด็กๆ
แต่ในเมื่อคนตระกูลหลิ่วอยากได้คำอธิบายเขาก็ยินดี!
เย่เฉินก้าวขึ้นบนเวทีขณะมองไปที่คนตระกูลหลิ่วแล้วกล่าว “หวังเจียเหยาเป็นอดีตภรรยาของผม หล่อนให้กำเนิดลูกแฝดที่เป็นสายเลือดผม ผมแก้แซ่ของเด็กๆ เป็นแซ่เย่ของผมแล้วมันผิดตรงไหน?”
เพียงแค่ประโยคเดียวก็ทำให้คนทั้งงานอ้าปากค้าง!
柳远航不敢置信:“你说什么?王佳珧是你前妻?孩子是你的?她不是没结过婚吗?”
หลิ่วหย่วนหางตกใจ “คุณพูดอะไร? หวังเจียเหยาเนี่ยนะเป็นอดีตภรรยาของคุณ? เด็กๆ ก็เป็นลูกคุณ? หล่อนไม่เคยแต่งงานมาก่อนไม่ใช่หรือไง?”
หลิ่วหย่วนหางรู้ว่าเย่เฉินที่เป็นถึงประธานเฉินเย่กรุ๊ป ตอนนี้เขาถือเป็นคนที่กำลังเป็นที่โด่งดังในวงการธุรกิจไม่มีทางกล้าพูดเหลวไหลแน่
เพราะทุกคำพูดของเขาตอนนีล้วนแต่มีผลกับบริษัทสิบแห่งในเครือทั้งสิ้น!
ดังนั้นหลิ่วหย่วนหางจึงตะโกนใส่หลิ่วอวี่เจ๋อทันที “อวี่เจ๋อ แกมานี่เลย!”
หลิ่วอวี่เจ๋อเดินมาหาอีกฝ่ายด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก
ชายสูงวัยถามด้วยใบหน้าตึงเครียด “อวี่เจ๋อเขาพูดจริงหรือเปล่า! เด็กสองคนนี้เป็นสายเลือดตระกูลหลิ่วเราหรือเปล่า?”
หลิ่วอวี่เจ๋อก้มหน้าลงไม่พูดอะไร
เรื่องหน้าอายแบบนี้จะให้เขาพูดยังไง!
หวังเอ้อร์เชอกล่าวพลางหัวเราะ “อยากจะเช็คให้แน่ใจเหรอว่าเด็กสองคนเป็นสายเลือดพวกคุณหรือเปล่า เรื่องนี้ง่ายจะตายไม่ใช่หรือไง? ก็แค่ตรวจ DNA ก็จบแล้ว”
หลิ่วหย่วนหางเห็นหลิ่วอวี่เจ๋อไม่ตอบก็สั่งทันที “พาเด็กสองคนไปตรวจ DNA เดี๋ยวนี้!”
หลิ่วอวี่เจ๋อรีบร้อนห้ามเขา “”คุณปู่ครับ ไม่เอา”
หลิ่วอวี่เจ๋อแน่ใจอย่างมากว่าเด็กสองคนนี้ไม่ใช่ลูกเขา ดังนั้นถ้าตรวจ DNA ไม่เท่ากับว่าเป็นการทำให้เขาขายหน้าหรือไง และไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น
หลิ่วอวี่เจ๋อตาแดงก่ำอย่างเสียใจก่อนจะยอมรับในที่สุดว่า “คุณปู่ครับ เด็กสองคนไม่ใช่สายเลือดตระกูลหลิ่วของเราจริงๆ ครับ ตอนที่ผมรู้จักกับหวังเจียเหยาหล่อนก็ท้องแล้ว”
“เพี้ยะ!”
หลิ่วหย่วนหางฟาดฝ่ามือใส่หน้าหลิ่วอวี่เจ๋อ “เดียรัจฉาน! แกมันไอ้เดียรัจฉาน! แกมันโง่หรือเปล่า! หวังเจียเหยาตั้งท้องลูกคนอื่นแต่แกยังแต่งงานกับหล่อนเนี่ยนะ? คิดจะเลี้ยงลูกคนอื่นอีกเหรอ?”
หลิ่วเฟิ่งที่อยู่ด้านข้างรับรู้ถึงความลำบากของหลิ่วอวี่เจ๋อ เมื่อเห็นน้องชายโดนผู้เป็นปู่ฟาดจึงโน้มน้าวเขา “คุณปู่ครับ อวี่เจ๋อเขาก็หมดหนทาง…”
“เพี้ยะ!”
แล้วเสียงตบหน้าก็ดังขึ้น
หลิ่วหย่วนหางก็ยกมือขึ้นอีกครั้งแล้วประเคนฟาดฝ่ามือใส่หน้าหลิ่วเฟิ่ง “ที่แท้แกก็รู้เรื่องนี้! แกเป็นพี่ทำไมไม่ห้ามแถมยังช่วยกันอีก พวกแกเป็นบ้าหรือไง?”
หลิ่วอวี่เจ๋อไม่สามารถมีลูกได้ดังนั้นถึงได้คิดจะใช้ลูกในท้องของหวังเจียเหยา
แต่ว่าเรื่องนี้จะให้มาพูดต่อหน้าคนมากมายแบบนี้ได้ไง?
หากว่าคนนอกรู้ว่าเขาไม่สามารถมีลูกได้ เขาก็จะกลายเป็นตัวตลกในสายตาคนอื่น แล้วจะใช้ชีวิตอยู่อย่างไรในเทียนไห่?
ดังนั้นหลิ่วอวี่เจ๋อจึงทำได้เพียงอธิบายกับผู้เป็นปู่ว่า “คุณปู่ครับผมรักหวังเจียเหยา รักใครสักคนก็ควรจะสามารถยอมรับทุกอย่างของอีกฝ่ายได้! ต่อให้หล่อนจะมีลูกแล้วก็เถอะครับ!”
เมื่อแขกในงานได้ยินแบบนี้ต่างก็รู้สึกว่า
“อวี่เจ๋อคนนี้เป็นคนรักใครรักจริงแท้ๆ ดีกับหวังเจียเหยาจริงๆ”
“จริงด้วย คิดไม่ถึงเลยว่าจะยอมให้ภรรยาตัวเองอุ้มท้องลูกของอดีตสามี แถมยังช่วยจัดงานเลี้ยงให้อีก คนธรรมดาไม่มีทางใจกว้างได้แบบเขา”
หลังจากได้คำชื่นชมจากบรรดาแขกเหรื่อในงานแล้ว หลิ่ววอวี่เจ๋อก็เช็ดน้ำตาก่อนจะกล่าวกับเย่เฉินด้วยท่าทีโมโห
“เย่เฉินคุณเย่ใช่ไหม? วันนี้คุณแฉผมต่อหน้าคนอื่นเพื่อให้ผมเสียหน้า ผมหลิ่วอวี่เจ๋อยอมรับ! ถ้าไม่เห็นแก่หวังเจียเหยา ผมเองก็ไม่อยากจะช่วยคุณเลี้ยงลูกหรอกนะ! แต่ว่าคุณก็อย่าได้ใจเกินไปนักเลย! ใช่แล้วเด็กๆ อาจจะไม่ใช่ลูกของผมก็จริง แต่ว่าก็อาจจะไม่ใช่ลูกคุณ!”
ทันทีที่เอ่ยแบบนี้ออกมา หวังเอ้อร์เชอก็หัวเสียทันที เขาตะโกนใส่หลิ่วอวี่เจ๋อ “หลิ่วอวี่เจ๋อพูดเหลวไหลอะไร! คงเบื่อจะมีชีวิตแล้วล่ะสิถึงได้กล้าดูถูกคุณเย่แบบนี้!”
หลิ่วอวี่เจ๋อเองก็ด่าหวังเอ้อร์เชอเช่นกัน “แกมันไอ้ขยะไม่มีสิทธิ์มาพูดกับฉัน! แกมันก็แค่สุนัขรับใช้ของเย่เฉิน! คนจะคุยกันหมาอย่าสะเออะ!”
หวังเอ้อร์เชอเข้าข้างเย่เฉิน เพื่อจะได้เกาะบารมีเขาวางก้ามไปวันๆ
เย่เฉินเองก็ไม่ได้ชอบหมอนี่เท่าไหร่นัก แต่ว่าในบางครั้ง บางสถานการณ์พาเขาไปด้วยก็ทำให้เขาสบายใจดี
อย่างไรเสียตอนนี้เขาเป็นประธานเฉินเย่กรุ๊ปที่มีมูลค่าแสนล้าน มีบางเรื่องและบางคำพูดที่เขาไม่สามารถทำได้เอง
จากนั้นหลิ่วอวี่เจ๋อจึงมองเย่เฉินอีกครั้ง “เย่เฉิน หวังเจียเหยาเป็นผู้หญิงแบบไหน เราก็เองรู้ดีแก่ใจ คุณเองก็ไม่ได้ตรวจ DNA กับเด็กๆ คุณแน่ใจได้ยังไงว่าเด็กๆ เป็นลูกคุณ?”
เมื่อได้ยินคำพูดของอีกฝ่ายเย่เฉินก็ตัวชาวาบ!
หลิ่วอวี่เจ๋อและเย่เฉินน่าจะเป็นผู้ชายที่รู้จักหวังเจียเหยาดีที่สุดในโลกใบนี้แล้ว!
หล่อนเป็นคนหลงรักชื่อเสียงเงินตรา เป็นผู้หญิงที่ทำได้ทุกอย่างเพื่อเงินทองและหน้าตาทางสังคม!
หากไม่ได้เห็นผล DNA เย่เฉินไม่มีทางเชื่อหล่อน!
เย่เฉินไม่มีทางเชื่อแม้แต่คำเดียว เขาเชื่อเพียงผลตรวจ DNA!
เย่เฉินหันมองหลิ่วอวี่เจ๋อแล้วกล่าวเสียงเย็น “ผมจะไปตรวจเดี๋ยวนี้”
“ไปกันเถอะ!”
เย่เฉินสั่งห้วนๆ แล้วพวกหวังเอ้อร์เชอต่างก็เดินตามหลังเย่เฉิน
“คุณเย่ไปไหนครับ?” หวังเอ้อร์เชอถาม
เย่เฉินตอบว่า “บ้านของหลิ่วอวี่เจ๋อ”
“ได้เลยครับ!” หวังเอ้อร์เชอหันหน้าไปมองหลิ่วอวี่เจ๋อ “จัดงานเลี้ยงกันต่อไปเถอะ เราขอไปจัดการอะไรที่บ้านนายหน่อย!”
หลิ่วอวี่เจ๋ออับอายขายหน้าอย่างมาก เขากำหมัดแน่นแล้วลอบกล่าวกับตัวเองในใจ “หวังเจียเหยาหวังว่าคุณจะมีไม้ตายนะ อย่าให้เด็กสองคนเป็นลูกของเย่เฉินเชียว!”
……
ครึ่งชั่วโมงต่อมา รถ Maybach ที่มีจำนวนจำกัดคันนั้นก็หยุดตรงด้านนอกประตูวิลล่าของหวังเจียเหยาและหลิ่วอวี่เจ๋อ
เย่เฉินก้าวลงมาจากรถหรู
เพิ่งจะลงจากรถซูหลานอดีตแม่ยายก็เดินออกมาจากวิลล่าแล้ว แล้ววิ่งมาหาเขา ก่อนจะกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“แหมที่แท้ก็เสี่ยวเฉินนี่เอง ฉันก็ว่ามองผ่านกระจกเมื่อกี้ยังคิดเลยว่ารถใครคุ้นๆ ที่แท้ก็รถของเสี่ยวเฉินของพวกเรานี่เอง แหม ดูแลรถดีจริงๆ ไม่ได้เห็นมันนานแล้ว”
ซูหลานรู้แล้วว่าเรื่องที่เย่เฉินโดนไล่ออกจากบ้านเป็นเรื่องโกหก
แล้วเย่เฉินก็ทำหน้ารังเกียจอีกฝ่าย เขาไม่มีอะไรจะพูดกับหล่อนแล้วเพียงแต่ถามอย่างเน็นชา “หวังเจียเหยาล่ะ?”
ซูหลานรีบร้อยกล่าว “เจียเหยากำลังดูลูกอยู่ในบ้าน แหมเสี่ยวเฉิน เธอเองคงยังไม่รู้ว่าเด็กสองคนตอนนี้ ยิ่งโตยิ่งเหมือนเธอ ทั้งตา จมูกเหมือนเธอไปหมด ฉันตั้งชื่อให้พวกเขาไว้ตั้งเยอะแยะ ทั้งเย่ลูหยา เย่ชูจื้อ เย่จงหลิง เย่จงซิ่วแล้วยังมีเย่หงอัย เย่หงจิ้ง เธอว่าชื่อไหนเพราะล่ะ? แหมฉันว่าขอแค่แซ่เย่ จะชื่ออะไรก็ฟังดูเพราะทั้งนั้น ฮ่าๆ”