ตอนที่ 28 เจ้าชายจอมซุบซิบนินทา
เย่เชียนจ้องมองลี่ซิ่วฉินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหงุดหงิดใจ
คุณรู้ไหม ? ตั้งแต่เกิดมาผมไม่เคยเจอผู้หญิงคนไหนที่ไม่มีเหตุผลเหมือนคุณมาก่อนเลย… คุณมีความเป็นกุลสตรีบ้างหรือเปล่า ? กุลสตรีที่ไหนเขาจะมาเอะอะโวยวายเหมือนผู้หญิงที่ว่าคนอื่นมั่วไปทั่วแบบนี้
อันที่จริงเย่เชียนจัดเป็นสุภาพบุรุษคนหนึ่งและเขาก็ให้เกียรติกุลสตรีที่ดีอยู่เสมอ แต่ก็เห็นได้ชัดว่าผู้หญิงคนนี้ยากที่จะใช้เหตุผลใด ๆ มาคุยกับเธอ เธอมีนิสัยที่โฉ่งฉ่างและก้าวร้าว ชอบทำตัวราวกับคนอื่นเป็นหนี้เธอนับล้าน เย่เชียนรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก เขาไม่ได้ต้องการทะเลาะกับเธอเพราะไม่แน่ว่าผู้หญิงคนนี้อาจจะเป็นคนประเภทที่ไม่ยอมหยุดและปล่อยอะไรให้ผ่านไปง่าย ๆ ดังนั้นเขาจึงพูดเพียงไม่กี่คำเพื่อสั่งสอนเธอ
ลี่ซิ่วฉินเป็นคนสำคัญคนหนึ่งของกลุ่มผู้บริหารระดับกลางของบริษัทเทียนหยากรุ๊ป เธอมีตำแหน่งเป็นถึงเลขานุการผู้จัดการฝ่ายการตลาดและฝ่ายบุคคล เมื่อใดที่ผู้คนในบริษัทมองเห็นเธอ พวกเขาก็มักทักทายเธอย่างนอบน้อมพร้อมกับก้มหัวให้เธอเสมอ
แต่ทว่า… ตรงหน้าเธอตอนนี้ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนนี้ช่างกล้าทำให้เธอขายหน้านัก และดูเหมือนว่าเขาไม่ได้ให้ความสำคัญใด ๆ กับเธอเลยแม้แต่น้อย แล้วจะให้เธอทำให้ความโกรธเคืองนี้หายออกไปจากใจได้อย่างไรกัน ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้เธอกำลังอารมณ์ไม่ดีเสียด้วยเพราะเมื่อสองสามวันที่ผ่านมา เธอเพิ่งจับได้ว่าสามีของเธอไปมีชู้และไม่แยแสเธอเลย เธอจึงระบายความรู้สึกโกรธเคืองนั้นออกมาใส่คนอื่นอย่างช่วยไม่ได้ และเย่เชียนก็เป็นผู้โชคร้ายคนนั้นพอดี
ผู้โชคร้ายที่ต้องรับผลกรรมที่เขาไม่ได้ก่อไว้…
คุณกล้าพูดแบบนี้กับฉันงั้นเหรอ ?! ลี่ซิ่วฉินพูดอย่างโกรธเคือง
แล้วทำไมผมจะไม่กล้าล่ะ ? คุณคิดว่าคุณเป็นใคร ? คุณคิดว่าแค่คุณใส่เชิ้ตสวมสูทแล้วมันจะทำให้คุณยิ่งใหญ่ค้ำฟ้าอยู่เหนือหัวคนอื่นจนทุกคนต้องก้มหัวหรือยังไง ? โถ ๆ ๆ ทำไมคุณไม่ลองไปเข้าห้องน้ำและตรวจดูล่ะว่าประจำเดือนคุณมาหรือเปล่าเพราะคุณน่ะทำตัวเหมือนยายแก่ขี้บ่นไม่มีผิด! เย่เชียนพูดอย่างเฉียบคมจนหวันชุนหัวที่ยืนอยู่ข้าง ๆ จ้องมองเย่เฉียนด้วยความตกตะลึงและแอบยกนิ้วให้รวมถึงขยับปากโดยไร้สุ้มเสียงใด ๆ ว่า ‘นายมันเจ๋งมาก!’
คุณชื่ออะไรน่ะ ?! ลี่ซิ่วฉินถามอย่างโกรธจัดและชี้หน้าเย่เชียน
คุณไม่มีปัญญาหาเองเหรอ ? หากคุณอยากรู้ชื่อผม คุณก็ไปค้นหาด้วยตัวเองเถอะ เย่เชียนตอบกลับอย่างดุดันและเดินจากไป ส่วนหวังชุนหัวนั้น เมื่อเขาเห็นเย่เชียนเดินไปก็รีบตามเขาไปทันที
ฮึ่ม! คอยดูเถอะ!!! ถ้านายไม่ถูกไล่ออกก็อย่ามาเรียกฉันว่าลี่ซิ่วฉิน! ลี่ซิ่วฉินที่ถูกเย่เชียนตอกกลับอย่างไม่แยแสอยู่ข้างหลังพูดอย่างโกรธเกรี้ยว
……
ระหว่างทางกลับไปที่สำนักงานรักษาความปลอดภัย หวันชุนหัวก็ถามขึ้นด้วยความตงิดใจ
เย่เชียน… นายมีปัญหาแน่ ทำไมนายต้องไปทำให้ผู้หญิงคนนั้นโกรธด้วยล่ะ ?
อะไรครับพี่หวัน ? แค่เพราะเธอมีตำแหน่งและมีอำนาจ เราเลยต้องยอมเธอทุกอย่างงั้นเหรอครับ แล้วพี่ก็เห็น เธอชนผมเองนะ เธอสิที่ต้องขอโทษ แต่นี่อะไร ? นอกจากเธอจะไม่ขอโทษผมแล้วยังทำเหมือนกับว่าผมต้องเป็นคนก้มหัวขอโทษขอโพยเธออีกแน่ะ เย่เชียนตอบอย่างหงุดหงิดทว่าใบหน้าแฝงไปด้วยความสงสัย แต่จากน้ำเสียงของเขา เห็นได้ชัดว่าเขาเข้าใจสถานการณ์อย่างถ่องแท้ ผู้หญิงคนนั้นคงเคยชินกับการที่ใคร ๆ เดินผ่านก็ต้องก้มหัวให้เธอสินะ
หวันชุนหัวตอบว่า นายไม่รู้อะไรเสียแล้วว่าภายในแผนกต่าง ๆ ของเทียนหยากรุ๊ป ลี่ซิ่วฉินนั้นเข้มงวดและน่ากลัวที่สุด การกระทำผิดต่อเธอคนนี้มันเทียบเท่าได้กับการถูกไล่ออกจากบริษัทนี้เชียวนะ เท่านั้นยังไม่พอ หัวหน้าเจิ้งซินของเราก็หลงเสน่ห์เหลือร้ายของผู้หญิงคนนี้เป็นอย่างมากอีก หากเขารู้ว่านายปฏิบัติกับเธอแบบนี้ ฉันเกรงว่าในอนาคตเจิ้งซินจะทำให้นายเดือดร้อน!
เย่เชียนยิ้มบางและตอบไปว่า ผมเกรงว่าการที่ผู้หญิงคนนั้นได้รับการเยินยอจากผู้คนมากเกินไป เธอก็จะคิดว่าเธอเป็นคนที่พิเศษเหนือใคร ๆ ราวกับว่าผู้ชายทุกคนในโลกต้องแกว่งหางและคุกเข่าต่อหน้าเธออย่างงั้นแหละ
หวันชุนหัวถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้และพูดว่า สิ่งที่นายพูดมันก็ถูก… ถ้ามันเป็นเช่นนั้นจริงฉันก็จะลาออกด้วย เพราะหากทิศตะวันออกไม่มีแสงสว่าง ทิศตะวันตกก็จะสว่างไสวแทน อีกอย่าง แค่เพราะฉันออกจากบริษัทเทียนหยานี้มันก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะไม่สามารถใช้ชีวิตต่อไปได้
เย่เชียนหัวเราะเบา ๆ และพูดว่า ใช่แล้วพี่หวัน… คนเราเกิดมาทั้งทีควรมีสิทธิ์เลือกทางเดินชีวิตของตัวเอง จะมามัวแต่กลัวนั่นกลัวนี่ไม่ได้!
หวันชุนหัวไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติม แม้ว่าเขาจะรู้สึกว่าสิ่งที่เย่เชียนพูดมันถูกต้องก็ตาม แต่ก็มีหลายครั้งที่ความเป็นจริงมันช่างโหดร้ายยิ่งนักถ้าไม่ยอมก้มหัวให้ใครเลย
……
จวนจะถึงเวลาเลิกงานแล้ว เย่เชียนรู้สึกพึงพอใจอย่างมากในวันแรกของการทำงาน เพราะนอกจากเรื่องที่บาดหมางกันกับลี่ซิ่วฉินแล้ว ก็ไม่มีอะไรที่น่าเบื่อเกิดขึ้นอีก
หลังเลิกงาน เย่เชียนเรียกเพื่อนร่วมงานของเขาไปด้วยกันตามที่คุยกันไว้เมื่อช่วงบ่าย พวกเขาไปที่ร้านบาร์บีคิว ซึ่งในตอนแรก ฟูจุนเฉิงต้องการที่จะปฏิเสธ แต่เป็นไปได้ว่าจิตวิญญาณระหว่างชายชาติทหารของเขากับเย่เชียนเป็นดั่งวิญญาณของญาติพี่น้องเหล่าทหาร เมื่อเขาเห็นสายตาที่เย็นยะเยือกของเย่เชียน ฟูจุนเฉิงจึงไม่ปฏิเสธคำชวน
พวกเขาทั้งสี่คนได้แก่ เย่เชียน หวันชุนหัว ฟูจุนเฉิง และเพื่อนร่วมงานอีกคนชื่อ จ้าวไถ่จู้ หนุ่มแดนเหนือ พวกเขาพากันไปที่แผงขายบาร์บีคิวในบริเวณใกล้เคียง
เจ้าของแผงขายบาร์บีคิวเป็นผู้หญิงอายุไม่น่าจะถึงสามสิบ ใบหน้าของเธอมีรอยแผลเป็นจากมุมหนึ่งไปอีกยังมุมหนึ่งที่ปากของเธอ เมื่อมองแวบแรกเธอก็ดูน่ากลัวจริง ๆ แต่หากมองดี ๆ แล้ว ถ้าไม่นับรอยแผลเป็นนั้น เธอก็ถือว่าเป็นผู้หญิงที่มีรูปโฉมงามและรูปร่างของเธอก็ไม่ใช่เล่น ๆ เลย เย่เชียนเดาว่าเมื่อครั้งที่เธอยังสาว เธอจะต้องสวยน่ารักมากแน่ ๆ
ชายทั้งสี่คนพร้อมเต็มที่ที่จะสั่งอาหาร พวกเขาสั่งกันอย่างรวดเร็วโดยมีทั้งไส้หมู อัณฑะแพะ หอยนางรม ซี่โครงแกะกระเทียม พริก ผักสด และอื่น ๆ อีกมากมาย แต่ก็แน่นอนว่าสิ่งสุดท้ายที่ขาดไม่ได้นั่นก็คือ เบียร์เย็น ๆ!
จิบเบียร์เย็น ๆ หลังเลิกงานนี่มันดีที่สุดไปเลยพวกนายว่าไหม ? ว่าแต่… พวกนายอยากฟังเรื่องราวของเถ้าแก่สาวคนนี้หรือเปล่าล่ะ ? หวันชุนหัวถามอย่างกระตือรือร้น
เย่เชียน ฟูจุนเฉิง และจ้าวไถ่จู้พยักหน้าเบา ๆ อย่างช่วยไม่ได้ เมื่อเห็นสายตาของหวันชุนหัวที่ดูมีหลากหลายอารมณ์ผสมปนเปอยู่ ซึ่งน่าแปลกที่หนึ่งในนั้นเป็นอารมณ์แห่งความเศร้าที่แผ่ออกมาจนคนที่เหลือจับความรู้สึกได้
พวกนายรู้จักสวรรค์บนดินแห่งเมืองหลวงหรือเปล่า ? หวันชุนหัวถามอย่างใจจดใจจ่อ
นอกจากเย่เชียนที่นิ่ง ๆ แล้ว ฟูจุนเฉิงและจ้าวไถ่จู้ก็พยักหน้า
ในประเทศจีนมีเพียงคนส่วนน้อยเท่านั้นที่ไม่รู้จักสวรรค์บนดินแห่งเมืองหลวง ถึงแม้ว่าในที่สุดรัฐบาลจะยุบโครงการลง แต่มันก็ยังคงมีประเด็นร้อนและความเดือดดาลอยู่พักใหญ่เพราะไม่รู้ว่ามีเจ้าหน้าที่ทั้งระดับสูงและระดับล่างที่ทุจริตเป็นจำนวนมหาศาลตั้งกี่คนในเมืองสวรรค์บนดินแห่งนี้
หวันชุนหัวยังพูดต่ออีกว่า เถ้าแก่สาวคนนี้น่ะ เธอเป็นผู้หญิงที่ร้อนแรงที่สุดในสโมสร ณ ตอนนั้นเลยนะ ทั้งคนใหญ่คนโต พ่อค้า หรือแม้กระทั่งนายหัวที่ร่ำรวยต่างก็มาไล่ตามจีบเธอกันให้วุ่น แต่ในท้ายที่สุดแล้ว… เธอกลับไปตกหลุมรักหัวหน้ามาเฟียแล้วก็หนีไปแต่งงานกับเขา แต่ใครจะรู้ล่ะว่าหัวหน้ามาเฟียผู้นั้นจะไปขัดใจบุคคลทรงอิทธิพลของเบื้องบนจนในที่สุดเขาก็ถูกอุ้มไปฆ่าทิ้งที่ริมฝั่งแม่น้ำหวงผู่ ส่วนเธอ เธอไม่ได้ถูกฆ่าไปด้วยหรอกแต่ก็โชคร้ายที่มันโหดร้ายยิ่งไปกว่าการถูกฆ่าให้ตายเสียอีก! เธอถูกปล่อยตัวให้เป็นอิสระหลังจากที่ถูกพวกมันรุมข่มขืนย่ำยี ไม่พอแค่นั้น พวกมันยังกรีดหน้าเธอด้วย! เธอถูกทำร้ายทั้งกายใจจนหมดสิ้น เรื่องนี้เขารู้กันทั่วเซี่ยงไฮ้แล้ว…
หลังจากได้ยินเรื่องราวอันน่าสลดใจจากหวันชุนหัว เย่เชียนก็ได้แต่มองไปที่เถ้าแก่สาวคนนั้นด้วยสายตาเห็นอกเห็นใจ แม้ว่าในขณะนี้เธอกำลังย่างบาร์บีคิวพร้อมกับมุมปากที่ยกขึ้นเป็นรอยยิ้มอยู่ มันเป็นใบหน้าที่ยิ้มแย้มและแสนจะสงบ บางทีอาจเป็นไปได้ว่าในที่สุดเธอก็พบคุณค่าในชีวิตของเธอที่ได้ใช้ชีวิตอย่างไร้ความกังวลใด ๆ
เย่เชียนค่อย ๆ พูดว่า อืม… ผมว่าบางครั้งชีวิตคนเรามันก็ขึ้นอยู่ที่ดวงและโชคชะตา…
หวันชุนหัวนั่งอยู่เงียบ ๆ พลางคิดตามคำพูดของเย่เชียนและรู้สึกเห็นด้วยอยู่ในใจ จ้าวไถ่จู้นั้นเป็นคนง่าย ๆ ตรงไปตรงมา เขาไม่ได้แสดงความคิดเห็นใด ๆ โดยเพียงแค่ยิ้มเจื่อน ๆ ส่วนฟูจุนเฉิงนั้น เขาหันไปมองเถ้าแก่สาวพร้อมพูดเบา ๆ ว่า เธอช่างเป็นผู้หญิงที่ดีเสียจริง…
เย่เชียนหันไปหาฟูจุนเฉิงในทันที และแม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจว่าทำไมฟูจุนเฉิงถึงพูดคำนั้น แต่ในใจของเย่เชียนเองก็เห็นด้วยกับเขา เพราะผู้หญิงคนหนึ่งที่มีชีวิตอยู่บนเส้นทางแห่งความยากลำบาก อีกทั้งต้องผ่านเรื่องราวสุดแสนเลวร้ายมา แต่ในวันนี้เธอสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้ด้วยตัวเอง เธอเป็นผู้หญิงที่ดีจริง ๆ และยิ่งไปกว่านั้น เย่เชียนชื่นชมความแข็งแกร่งของเถ้าแก่สาวคนนี้อย่างจริงใจ