ยอดนักรบจอมราชัน – ตอนที่ 82 อยู่ร่วมกัน

ตอนที่ 82 อยู่ร่วมกัน
สองวันหลังจากที่หวังปิงได้รับหลักฐานการขายชาติและการรับสินบนของอู่หยางเฉิง หวังปิงก็ส่งสมาชิกจากพรรคของตัวเองไปปราบปรามสมาชิกของอู่หยางเฉิงทั้งหมด ทำให้อู่หยางเฉิงถูกเรียกตัวให้ไปที่คณะกรรมการตรวจสอบวินัยเพื่อรับการสอบสวนภายใน
ความลับทุกอย่างของเขาจำต้องถูกเปิดเผยออกมา รวมไปถึงเรื่องของอู่หยางเทียนหมิงด้วย อู่หยางเฉิงเองก็ไม่สามารถทำอะไรได้มากนัก เนื่องจากหวังปิงเป็นผู้ออกคำสั่งเป็นการส่วนตัวโดยมีพยานหลักฐานอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ สุดท้าย อู่หยางเทียนหมิงจึงถูกตัดสินให้จำคุกยี่สิบห้าปีเต็มโดยไม่มีการลดหย่อนโทษใด ๆ
อู่หยางเทียนหมิงที่เคยเป็นหนึ่งในสี่หนุ่มผู้องอาจและเพียบพร้อมของเซี่ยงไฮ้ ตอนนี้เขากลับเป็นเหมือนคนที่ตกจากฟ้าลงสู่ก้นเหวลึก เขาไม่ใช่คนที่จะยอมรับได้ง่าย ๆ กับการที่ตนเองจะต้องสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยมีไป เขาสาบานกับตัวเองว่าหากเขาออกมาได้ในสักวันหนึ่ง เขาจะส่งเย่เชียนไปที่ประตูนรกอย่างแน่นอน
สำหรับเรื่องการติดคุกนั้น เขาไม่ได้กังวลเป็นพิเศษเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะเขายังเชื่อว่าพ่อของเขาจะสามารถพาเขาออกจากคุกนี้ได้ในเร็ววัน ท้ายที่สุดแล้ว ไม่มีใครรู้ได้อย่างชัดเจนว่าเครือข่ายของอู่หยางเฉิงกว้างขวางมากเพียงใด เพราะอู่หยางเทียนหมิงยังต้องการที่จะกลับมาอยู่ในอำนาจอีกครั้ง และเมื่อถึงครานั้น เขาคนนี้จะสามารถเดินออกจากคุกได้อย่างสง่างาม
ทว่าเรือนจำย่อมไม่ใช่ที่อยู่ของคนดี มันเต็มไปด้วยอาชญากรจากทุกหนทุกแห่ง และอู่หยางเทียนหมิงก็เป็นผู้ที่ไม่เคยต้องประสบพบเจอกับความโหดร้ายอะไรเช่นนี้มาก่อน อีกทั้งพ่อของเขาเองก็ยังล้มละลายตั้งแต่นั้นมา เขาจึงต้องทนทุกข์ทรมานกับการปฏิบัติที่ไร้มนุษยธรรมในเรือนจำแห่งนี้
เรือนจำเปลี่ยนให้คนที่เคยโอ้อวดวางมาดและหยิ่งผยองอย่างอู่หยางเทียนหมิงให้กลายเป็นคนมืดมนและอัปยศอดสู ชีวิตที่เคยมีแต่แสงสว่าง ตอนนี้กลับมีแต่ความมืดมิดไปเสียทุกด้าน และความมืดนั้นก็ค่อย ๆ คืบคลานเข้ามากลืนกินอู่หยางเทียนหมิงดั่งห้วงนรกอันมืดมนของปีศาจ
……
ณ บ้านพักของฉินหยู
เย่เชียนเอนตัวลงนอนบนโซฟา ขาของเขาไขว้กันเอาไว้หลวม ๆ ปลายเท้ากระดิกไปมาอย่างสบายอกสบายใจ
“อะไรนะ ? เขาจะมาอยู่ที่นี่ด้วยเนี่ยนะ ?” จ้าวหยาพูดอย่างตกตะลึงเมื่อได้ยินฉินหยูบอกว่าเย่เชียนจะอยู่กับพวกเธอไปอีกสักระยะหนึ่ง
เย่เชียนยิ้มอย่างมีความสุข “หึ ๆ ต่อไปเราจะได้อยู่ภายใต้ชายคาเดียวกันแล้วนะสาวน้อย… เธออย่าเผลอใจมาหลงใหลในเสน่ห์ของฉันซะล่ะ”
“ไม่! ฉันไม่เอาด้วยหรอก” จ้าวหยาไม่ใส่ใจคำพูดของเย่เชียน เธอยังคงพูดกับฉินหยูอย่างดื้อดึง “เจ๊หยู… เจ๊ทำไมถึงยอมให้คนขี้โกงนี่มาอยู่กับเราที่นี่ล่ะ ? ถ้าเกิดอะไรขึ้นเจ๊จะทำยังไง ? เค่อเอ๋อร์… พี่เห็นด้วยกับฉันใช่มั้ย ?”
หูวเค่อยิ้มเล็กน้อยและพูดว่า “ฉันน่ะยังไงก็ได้…”
ที่เธอตอบไปแบบนั้นเพราะเธออยากรู้เรื่องเกี่ยวกับเย่เชียนมากกว่านี้ แต่เธอก็รู้ว่ามันคงจะไม่ง่าย ดังนั้นการอยู่ร่วมกันจึงเป็นวิธีที่เร็วที่สุดในการทำความความรู้จักกับเย่เชียน พวกเธอจะได้เห็นเย่เชียนในทุก ๆ วันและบางทีเขาอาจจะเปิดเผยบางสิ่งบางอย่างไม่มากก็น้อยโดยที่เขาไม่รู้ตัว
“หยาเอ๋อร์… หยุดส่งเสียงเอะอะโวยวายซะที! เย่เชียนเป็นบอดี้การ์ดของฉันนะ เขามีหน้าที่ต้องคอยปกป้องพวกเราทั้งสามคน” ฉินหยูพูดอย่างจริงจัง
“บอดี้การ์ดเหรอ ?” จ้าวหยาถามด้วยความประหลาดใจ แต่เมื่อเธอนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในงานราตรี เธอก็คิดว่าคนอย่างเย่เชียนมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะปกป้องพวกเธอ ไม่เพียงแค่นั้น ดูเหมือนว่าทักษะของเขาจะดีเสียจนไม่สามารถเอาใครคนอื่นมาเปรียบเทียบกับเขาได้เลยแม้แต่น้อย และเมื่อเธอนึกย้อนกลับไปที่ครั้งแรกที่พบกับเย่เชียน เธอขู่เขาและบอกว่าเธอเป็นนักเทควันโด้ขั้นหก…
มิน่าล่ะเขาถึงนิ่งนัก ที่แท้คำขู่ของเธอในวันนั้นมันไม่สามารถทำอะไรเขาได้เลยแม้แต่นิดเดียว
“เอาล่ะเย่เชียน ในเมื่อนายจะต้องมาอาศัยอยู่ด้วยกันที่นี่ ฉันก็มีกฎอยู่สองสามข้อที่อยากจะให้นายปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ข้อแรก… ที่ชั้นสามน่ะเป็นห้องของฉันกับหยาเอ๋อร์ นายห้ามไปที่นั่นเด็ดขาด! ห้องนอนของนายอยู่ชั้นสอง ส่วนข้อสอง… ก่อนเข้าห้องน้ำทุกครั้งนายต้องเคาะประตูก่อน และข้อสุดท้าย… นายห้ามเดินไปไหนมาไหนในบ้านโดยไม่ใส่เสื้อผ้า อ้อ… อีกอย่าง นายก็จำเอาไว้ด้วยนะว่าห้ามพาผู้หญิงคนไหนเข้ามาที่บ้านหลังนี้เด็ดขาด!” ฉินหยูพูดอย่างจริงจังและเคร่งขรึม
เย่เชียนไม่มีข้อโต้แย้งใด ๆ เขานั่งฟังแต่โดยดีโดยมีเพียงพยักหน้าตอบเท่านั้น
เมื่อมาถึงจุดนี้แล้ว จ้าวหยาก็ไม่มีอะไรจะพูดอีก ความจริงแล้วเธอไม่ได้รังเกียจเย่เชียนแม้แต่น้อย แต่เธอกลับรู้สึกตรงกันข้ามต่างหาก…
ค่ำวันนั้นดำเนินไปอย่างสงบราบรื่น หญิงสาวทั้งสามคนกำลังนั่งดูละครอยู่ในห้องนั่งเล่นชั้นสาม ส่วนทางด้านของเย่เชียน เขากำลังคุยโทรศัพท์อยู่กับหยางเจียนกัวและอธิบายว่าเขาจะต้องไปอาศัยอยู่ที่อื่นเป็นการชั่วคราว
หยางเจียนกัวไม่ได้พูดอะไรมากนัก เขาเพียงแค่บอกให้เย่เชียนดูแลตัวเองดี ๆ ก่อนที่จะวางสายไป จากนั้นเย่เชียนก็โทรศัพท์ไปหาจ้าวเทียนห่าว จ้าวเทียนห่าวเพียงแค่ถามเกี่ยวกับสถานการณ์ของเขาว่าเป็นเช่นไรแล้วบ้าง เย่เชียนจึงเล่าให้จ้าวเทียนห่าวฟังคร่าว ๆ ว่าเขาได้พบกับมือสังหารขององค์กรเซเว่นคิลอีกครั้งเมื่อคืนก่อน แต่เย่เชียนไม่ได้ถามว่าใครเป็นผู้ที่ว่าจ้างเขามาเพราะเย่เชียนเข้าใจกฎเหล็กที่มือสังหารปฏิบัติตามเป็นอย่างดี
การขายข้อมูลเกี่ยวกับผู้ว่าจ้างนั้นเป็นสิ่งที่โลกของมือสังหารมิอาจยอมรับได้
เป็นที่รู้กันว่าจ้าวเทียนห่าวเป็นคนมีไหวพริบและสติปัญญาอันเยี่ยมยอด อีกทั้งเป็นคนมีชื่อเสียงในเซี่ยงไฮ้ ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา เขาสามารถป้องกันตัวเองและเริ่มการสืบสวนผู้บงการที่อยู่เบื้องหลังของการลอบสังหารเขาแล้ว นอกจากนี้ เขายังเลื่อนตำแหน่งให้ฟูจุนเฉิง จ้าวไถ่จู้ และหวันชุนหัวอย่างเป็นทางการในแผนกรักษาความปลอดภัยของบริษัทเทียนหยากรุ๊ปให้อยู่ในตำแหน่งเจ้าหน้าที่อาวุโสพิเศษของแผนกอีกด้วย
ทั้งจ้าวเทียนห่าวและเย่เชียนต่างก็ค่อนข้างมั่นใจว่าตั้งแต่ที่การลอบสังหารครั้งที่แล้วล้มเหลวไป ศัตรูจะไม่เคลื่อนไหวใด ๆ อีกอย่างแน่นอน และในตอนนี้จ้าวหยาและจ้าวเทียนห่าวก็ปลอดภัยแล้ว
แต่สิ่งที่เย่เชียนยังคงเป็นกังวลอยู่คือฉินหยู เพราะเย่เชียนนั้นไม่รู้เกี่ยวกับภูมิหลังของครอบครัวฉินหยูเลยแม้แต่น้อย จากเหตุการณ์ในงานราตรีที่ผ่านมา เย่เชียนเชื่อว่าเรื่องทั้งหมดไม่ใช่ความบังเอิญโดยเฉพาะการที่มักจะมีคนคอยสะกดรอยตามฉินหยูอยู่แทบจะตลอดเวลา
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้หลี่เหว่ยยี่เองก็กำลังไล่ล่าผู้ที่อยู่เบื้องหลัง เย่เชียนเชื่อว่าคนที่มีฝีมืออย่างหลี่เหว่ยยี่จะสามารถสืบค้นหาคนที่เกี่ยวข้องได้ทั้งหมดในไม่ช้าก็เร็ว แล้วเขาก็จะสามารถเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดได้อย่างสมบูรณ์
เช้าวันรุ่งขึ้น เย่เชียนที่คุ้นเคยกับการตื่นแต่เช้าและออกไปวิ่งเพื่อฟิตร่างกายก็ลุกขึ้นจากที่นอนพลางคิดว่าวันนี้เป็นวันอาทิตย์ ดังนั้นฉินหยูและจ้าวหยาจึงไม่ต้องออกไปมหาวิทยาลัย พวกเธอน่าจะคงยังนอนอยู่บนเตียงอย่างสบายใจเฉิบ
เย่เชียนตัดสินใจออกไปวิ่งข้างนอกได้อย่างสบายใจ และเมื่อเขากลับมาถึงบ้าน เขาก็พบว่าหูวเค่อแต่งตัวเรียบร้อยแล้วและกำลังเดินลงจากบันไดช้า ๆ
“สวัสดีตอนเช้า!” เย่เชียนทักทายเธอพร้อมยิ้มจาง ๆ
“คุณตื่นเร็วนะคะ” หูวเค่อยิ้มหวานและตอบกลับ
“อ๋อ… ฮ่า ๆ ๆ มันชินน่ะ” เย่เชียนตอบ จากนั้นก็ถามต่ออีกว่า “วันนี้วันอาทิตย์ คุณยังต้องออกไปทำงานอยู่อีกเหรอ ?”
“วันนี้ฉันมีประชุมสำนักงาน ก็เลยต้องไปด้วยตัวเอง” หูวเค่อตอบอย่างยิ้มแย้ม
“โอ้! อย่างนี้นี่เอง” เย่เชียนพยักหน้าและพูดว่า “มีอะไรให้ผมช่วยมั้ย ?”
หูวเค่อยิ้มอย่างอ่อนโยนก่อนจะพูดว่า “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ… มันเป็นแค่เรื่องเล็กน้อยน่ะ ถ้าคุณหิว… คุณใช้โทรศัพท์บนโต๊ะกาแฟในห้องนั่งเล่นโทรสั่งอาหารมากินที่บ้านได้เลยนะ ส่วนตอนนี้ฉันคงต้องขอตัวก่อน…” พูดจบหูวเค่อก็ออกจากบ้านไป
หลังจากนั้นไม่นาน เย่เชียนก็ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ของรถดังขึ้นและเสียงนั้นก็ดังห่างออกไปเรื่อย ๆ เย่เชียนอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาและพึมพำกับตัวเองว่า “นางฟ้าตัวน้อยคนนี้นี่… น่ารักแฮะ”
หลังจากวอร์มร่างกายให้สดชื่นขึ้นแล้ว เย่เชียนก็ไม่ได้โทรสั่งอาหารมากินที่บ้านแต่อย่างใด เขากลับเดินไปที่ห้องครัวแทนแล้วเริ่มค้นหาของกินในครัว

สองวันหลังจากที่หวังปิงได้รับหลักฐานการขายชาติและการรับสินบนของอู่หยางเฉิง หวังปิงก็ส่งสมาชิกจากพรรคของตัวเองไปปราบปรามสมาชิกของอู่หยางเฉิงทั้งหมด ทำให้อู่หยางเฉิงถูกเรียกตัวให้ไปที่คณะกรรมการตรวจสอบวินัยเพื่อรับการสอบสวนภายใน
ความลับทุกอย่างของเขาจำต้องถูกเปิดเผยออกมา รวมไปถึงเรื่องของอู่หยางเทียนหมิงด้วย อู่หยางเฉิงเองก็ไม่สามารถทำอะไรได้มากนัก เนื่องจากหวังปิงเป็นผู้ออกคำสั่งเป็นการส่วนตัวโดยมีพยานหลักฐานอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ สุดท้าย อู่หยางเทียนหมิงจึงถูกตัดสินให้จำคุกยี่สิบห้าปีเต็มโดยไม่มีการลดหย่อนโทษใด ๆ
อู่หยางเทียนหมิงที่เคยเป็นหนึ่งในสี่หนุ่มผู้องอาจและเพียบพร้อมของเซี่ยงไฮ้ ตอนนี้เขากลับเป็นเหมือนคนที่ตกจากฟ้าลงสู่ก้นเหวลึก เขาไม่ใช่คนที่จะยอมรับได้ง่าย ๆ กับการที่ตนเองจะต้องสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยมีไป เขาสาบานกับตัวเองว่าหากเขาออกมาได้ในสักวันหนึ่ง เขาจะส่งเย่เชียนไปที่ประตูนรกอย่างแน่นอน
สำหรับเรื่องการติดคุกนั้น เขาไม่ได้กังวลเป็นพิเศษเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะเขายังเชื่อว่าพ่อของเขาจะสามารถพาเขาออกจากคุกนี้ได้ในเร็ววัน ท้ายที่สุดแล้ว ไม่มีใครรู้ได้อย่างชัดเจนว่าเครือข่ายของอู่หยางเฉิงกว้างขวางมากเพียงใด เพราะอู่หยางเทียนหมิงยังต้องการที่จะกลับมาอยู่ในอำนาจอีกครั้ง และเมื่อถึงครานั้น เขาคนนี้จะสามารถเดินออกจากคุกได้อย่างสง่างาม
ทว่าเรือนจำย่อมไม่ใช่ที่อยู่ของคนดี มันเต็มไปด้วยอาชญากรจากทุกหนทุกแห่ง และอู่หยางเทียนหมิงก็เป็นผู้ที่ไม่เคยต้องประสบพบเจอกับความโหดร้ายอะไรเช่นนี้มาก่อน อีกทั้งพ่อของเขาเองก็ยังล้มละลายตั้งแต่นั้นมา เขาจึงต้องทนทุกข์ทรมานกับการปฏิบัติที่ไร้มนุษยธรรมในเรือนจำแห่งนี้
เรือนจำเปลี่ยนให้คนที่เคยโอ้อวดวางมาดและหยิ่งผยองอย่างอู่หยางเทียนหมิงให้กลายเป็นคนมืดมนและอัปยศอดสู ชีวิตที่เคยมีแต่แสงสว่าง ตอนนี้กลับมีแต่ความมืดมิดไปเสียทุกด้าน และความมืดนั้นก็ค่อย ๆ คืบคลานเข้ามากลืนกินอู่หยางเทียนหมิงดั่งห้วงนรกอันมืดมนของปีศาจ
……
ณ บ้านพักของฉินหยู
เย่เชียนเอนตัวลงนอนบนโซฟา ขาของเขาไขว้กันเอาไว้หลวม ๆ ปลายเท้ากระดิกไปมาอย่างสบายอกสบายใจ
“อะไรนะ ? เขาจะมาอยู่ที่นี่ด้วยเนี่ยนะ ?” จ้าวหยาพูดอย่างตกตะลึงเมื่อได้ยินฉินหยูบอกว่าเย่เชียนจะอยู่กับพวกเธอไปอีกสักระยะหนึ่ง
เย่เชียนยิ้มอย่างมีความสุข “หึ ๆ ต่อไปเราจะได้อยู่ภายใต้ชายคาเดียวกันแล้วนะสาวน้อย… เธออย่าเผลอใจมาหลงใหลในเสน่ห์ของฉันซะล่ะ”
“ไม่! ฉันไม่เอาด้วยหรอก” จ้าวหยาไม่ใส่ใจคำพูดของเย่เชียน เธอยังคงพูดกับฉินหยูอย่างดื้อดึง “เจ๊หยู… เจ๊ทำไมถึงยอมให้คนขี้โกงนี่มาอยู่กับเราที่นี่ล่ะ ? ถ้าเกิดอะไรขึ้นเจ๊จะทำยังไง ? เค่อเอ๋อร์… พี่เห็นด้วยกับฉันใช่มั้ย ?”
หูวเค่อยิ้มเล็กน้อยและพูดว่า “ฉันน่ะยังไงก็ได้…”
ที่เธอตอบไปแบบนั้นเพราะเธออยากรู้เรื่องเกี่ยวกับเย่เชียนมากกว่านี้ แต่เธอก็รู้ว่ามันคงจะไม่ง่าย ดังนั้นการอยู่ร่วมกันจึงเป็นวิธีที่เร็วที่สุดในการทำความความรู้จักกับเย่เชียน พวกเธอจะได้เห็นเย่เชียนในทุก ๆ วันและบางทีเขาอาจจะเปิดเผยบางสิ่งบางอย่างไม่มากก็น้อยโดยที่เขาไม่รู้ตัว
“หยาเอ๋อร์… หยุดส่งเสียงเอะอะโวยวายซะที! เย่เชียนเป็นบอดี้การ์ดของฉันนะ เขามีหน้าที่ต้องคอยปกป้องพวกเราทั้งสามคน” ฉินหยูพูดอย่างจริงจัง
“บอดี้การ์ดเหรอ ?” จ้าวหยาถามด้วยความประหลาดใจ แต่เมื่อเธอนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในงานราตรี เธอก็คิดว่าคนอย่างเย่เชียนมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะปกป้องพวกเธอ ไม่เพียงแค่นั้น ดูเหมือนว่าทักษะของเขาจะดีเสียจนไม่สามารถเอาใครคนอื่นมาเปรียบเทียบกับเขาได้เลยแม้แต่น้อย และเมื่อเธอนึกย้อนกลับไปที่ครั้งแรกที่พบกับเย่เชียน เธอขู่เขาและบอกว่าเธอเป็นนักเทควันโด้ขั้นหก…
มิน่าล่ะเขาถึงนิ่งนัก ที่แท้คำขู่ของเธอในวันนั้นมันไม่สามารถทำอะไรเขาได้เลยแม้แต่นิดเดียว
“เอาล่ะเย่เชียน ในเมื่อนายจะต้องมาอาศัยอยู่ด้วยกันที่นี่ ฉันก็มีกฎอยู่สองสามข้อที่อยากจะให้นายปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ข้อแรก… ที่ชั้นสามน่ะเป็นห้องของฉันกับหยาเอ๋อร์ นายห้ามไปที่นั่นเด็ดขาด! ห้องนอนของนายอยู่ชั้นสอง ส่วนข้อสอง… ก่อนเข้าห้องน้ำทุกครั้งนายต้องเคาะประตูก่อน และข้อสุดท้าย… นายห้ามเดินไปไหนมาไหนในบ้านโดยไม่ใส่เสื้อผ้า อ้อ… อีกอย่าง นายก็จำเอาไว้ด้วยนะว่าห้ามพาผู้หญิงคนไหนเข้ามาที่บ้านหลังนี้เด็ดขาด!” ฉินหยูพูดอย่างจริงจังและเคร่งขรึม
เย่เชียนไม่มีข้อโต้แย้งใด ๆ เขานั่งฟังแต่โดยดีโดยมีเพียงพยักหน้าตอบเท่านั้น
เมื่อมาถึงจุดนี้แล้ว จ้าวหยาก็ไม่มีอะไรจะพูดอีก ความจริงแล้วเธอไม่ได้รังเกียจเย่เชียนแม้แต่น้อย แต่เธอกลับรู้สึกตรงกันข้ามต่างหาก…
ค่ำวันนั้นดำเนินไปอย่างสงบราบรื่น หญิงสาวทั้งสามคนกำลังนั่งดูละครอยู่ในห้องนั่งเล่นชั้นสาม ส่วนทางด้านของเย่เชียน เขากำลังคุยโทรศัพท์อยู่กับหยางเจียนกัวและอธิบายว่าเขาจะต้องไปอาศัยอยู่ที่อื่นเป็นการชั่วคราว
หยางเจียนกัวไม่ได้พูดอะไรมากนัก เขาเพียงแค่บอกให้เย่เชียนดูแลตัวเองดี ๆ ก่อนที่จะวางสายไป จากนั้นเย่เชียนก็โทรศัพท์ไปหาจ้าวเทียนห่าว จ้าวเทียนห่าวเพียงแค่ถามเกี่ยวกับสถานการณ์ของเขาว่าเป็นเช่นไรแล้วบ้าง เย่เชียนจึงเล่าให้จ้าวเทียนห่าวฟังคร่าว ๆ ว่าเขาได้พบกับมือสังหารขององค์กรเซเว่นคิลอีกครั้งเมื่อคืนก่อน แต่เย่เชียนไม่ได้ถามว่าใครเป็นผู้ที่ว่าจ้างเขามาเพราะเย่เชียนเข้าใจกฎเหล็กที่มือสังหารปฏิบัติตามเป็นอย่างดี
การขายข้อมูลเกี่ยวกับผู้ว่าจ้างนั้นเป็นสิ่งที่โลกของมือสังหารมิอาจยอมรับได้
เป็นที่รู้กันว่าจ้าวเทียนห่าวเป็นคนมีไหวพริบและสติปัญญาอันเยี่ยมยอด อีกทั้งเป็นคนมีชื่อเสียงในเซี่ยงไฮ้ ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา เขาสามารถป้องกันตัวเองและเริ่มการสืบสวนผู้บงการที่อยู่เบื้องหลังของการลอบสังหารเขาแล้ว นอกจากนี้ เขายังเลื่อนตำแหน่งให้ฟูจุนเฉิง จ้าวไถ่จู้ และหวันชุนหัวอย่างเป็นทางการในแผนกรักษาความปลอดภัยของบริษัทเทียนหยากรุ๊ปให้อยู่ในตำแหน่งเจ้าหน้าที่อาวุโสพิเศษของแผนกอีกด้วย
ทั้งจ้าวเทียนห่าวและเย่เชียนต่างก็ค่อนข้างมั่นใจว่าตั้งแต่ที่การลอบสังหารครั้งที่แล้วล้มเหลวไป ศัตรูจะไม่เคลื่อนไหวใด ๆ อีกอย่างแน่นอน และในตอนนี้จ้าวหยาและจ้าวเทียนห่าวก็ปลอดภัยแล้ว
แต่สิ่งที่เย่เชียนยังคงเป็นกังวลอยู่คือฉินหยู เพราะเย่เชียนนั้นไม่รู้เกี่ยวกับภูมิหลังของครอบครัวฉินหยูเลยแม้แต่น้อย จากเหตุการณ์ในงานราตรีที่ผ่านมา เย่เชียนเชื่อว่าเรื่องทั้งหมดไม่ใช่ความบังเอิญโดยเฉพาะการที่มักจะมีคนคอยสะกดรอยตามฉินหยูอยู่แทบจะตลอดเวลา
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้หลี่เหว่ยยี่เองก็กำลังไล่ล่าผู้ที่อยู่เบื้องหลัง เย่เชียนเชื่อว่าคนที่มีฝีมืออย่างหลี่เหว่ยยี่จะสามารถสืบค้นหาคนที่เกี่ยวข้องได้ทั้งหมดในไม่ช้าก็เร็ว แล้วเขาก็จะสามารถเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดได้อย่างสมบูรณ์
เช้าวันรุ่งขึ้น เย่เชียนที่คุ้นเคยกับการตื่นแต่เช้าและออกไปวิ่งเพื่อฟิตร่างกายก็ลุกขึ้นจากที่นอนพลางคิดว่าวันนี้เป็นวันอาทิตย์ ดังนั้นฉินหยูและจ้าวหยาจึงไม่ต้องออกไปมหาวิทยาลัย พวกเธอน่าจะคงยังนอนอยู่บนเตียงอย่างสบายใจเฉิบ
เย่เชียนตัดสินใจออกไปวิ่งข้างนอกได้อย่างสบายใจ และเมื่อเขากลับมาถึงบ้าน เขาก็พบว่าหูวเค่อแต่งตัวเรียบร้อยแล้วและกำลังเดินลงจากบันไดช้า ๆ
“สวัสดีตอนเช้า!” เย่เชียนทักทายเธอพร้อมยิ้มจาง ๆ
“คุณตื่นเร็วนะคะ” หูวเค่อยิ้มหวานและตอบกลับ
“อ๋อ… ฮ่า ๆ ๆ มันชินน่ะ” เย่เชียนตอบ จากนั้นก็ถามต่ออีกว่า “วันนี้วันอาทิตย์ คุณยังต้องออกไปทำงานอยู่อีกเหรอ ?”
“วันนี้ฉันมีประชุมสำนักงาน ก็เลยต้องไปด้วยตัวเอง” หูวเค่อตอบอย่างยิ้มแย้ม
“โอ้! อย่างนี้นี่เอง” เย่เชียนพยักหน้าและพูดว่า “มีอะไรให้ผมช่วยมั้ย ?”
หูวเค่อยิ้มอย่างอ่อนโยนก่อนจะพูดว่า “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ… มันเป็นแค่เรื่องเล็กน้อยน่ะ ถ้าคุณหิว… คุณใช้โทรศัพท์บนโต๊ะกาแฟในห้องนั่งเล่นโทรสั่งอาหารมากินที่บ้านได้เลยนะ ส่วนตอนนี้ฉันคงต้องขอตัวก่อน…” พูดจบหูวเค่อก็ออกจากบ้านไป
หลังจากนั้นไม่นาน เย่เชียนก็ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ของรถดังขึ้นและเสียงนั้นก็ดังห่างออกไปเรื่อย ๆ เย่เชียนอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาและพึมพำกับตัวเองว่า “นางฟ้าตัวน้อยคนนี้นี่… น่ารักแฮะ”
หลังจากวอร์มร่างกายให้สดชื่นขึ้นแล้ว เย่เชียนก็ไม่ได้โทรสั่งอาหารมากินที่บ้านแต่อย่างใด เขากลับเดินไปที่ห้องครัวแทนแล้วเริ่มค้นหาของกินในครัว
ยอดนักรบจอมราชัน

ยอดนักรบจอมราชัน

Status: Ongoing

เขาคือที่อยู่เหนือเหล่าทหารรับจ้าง เขาคือผู้ที่สามารถสร้างหายะนะจนทำให้ผู้นำประเทศแต่ละประเทศปวดหัว! เขาพร้อมที่จะเสียสละตัวเองและหลั่งเลือดเพื่อพวกพ้องและครอบครัวของเขา! เขาคือยอดนักรบจอมราชัน…

超级兵王

Author: 步千帆

Chinese edition copyright © ChineseAll Digital publishing Group Co.,Ltd

ALL RIGHTS RESERVED

เขาคือผู้ปกครองที่อยู่เหนือเหล่าทหารรับจ้างและหน่วยรบพิเศษ เขาคือผู้น่าเกรงขามที่สามารถทำให้ผู้นำประเทศแต่ละประเทศถึงกับสั่นคลอน! เพื่อพวกพ้องของเขาแล้วเขาพร้อมที่จะเสียสละตัวเอง เพื่อครอบครัวของเขา..เขาก็ไม่ลังเลที่จะหลั่งเลือด! เขานั้นดุจดั่งมังกรที่ทยานขึ้นเหนือสรวงสวรรค์.. พลังของเขานั้นทำให้ได้มาซึ่งชัยชนะ ไม่ว่าสถานการณ์จะเสียเปรียบและย่ำแย่เพียงใดก็ไม่มีสิ่งใดสามารถหยุดเขาได้ แม้ว่าจะเป็นสายลมหรือผืนน้ำก็ตาม…

————————————–

ชายหนุ่มผู้เป็นดั่งจุดสูงสุดของเหล่าทหารรับจ้าง..ผู้ที่หวนกลับคืนสู่บ้านเกิดเพื่อจะใช้ชีวิตที่แสนธรรมดา..แต่โชคชะตากลับนำพามาเจอแต่เรื่องวุ่นวาย..ชายที่มีนามว่า ‘เย่เชียน’ ถูกขนานนามว่า ‘ราชันหมาป่า’ แต่กลับต้องมาปลอมตัวใช้ชีวิตเป็นเด็กมหาวิทยาลัยเพื่อที่จะปกป้องหญิงสาวจากองกรค์นักฆ่านานาชาติ…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท